สองสามบันทึกที่ผ่านมา คนเขียนได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ " ความรัก " เนื่องมาจากคนเขียนได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ที่มีคุณสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการ ได้พูดถึงความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มีให้ภรรยาของเขา และจากความรักของเขา ทำให้พวกเขาสามารถฝ่าฟันเรื่องร้าย ๆ มาได้ ทันเห็นตอนคุณสรยุทธหยิบนิตยสารแพรวขึ้นมาให้ดู ก็นึกในใจว่า " วันนี้..ฉันจะไปหาซื้อนิตยสารแพรวฉบับนี้มาให้ได้ จะได้อ่านเรื่องราวของคนทั้งสองนี้ "
คนเขียนหาซื้อนิตยสารแพรวอยู่สองวันก็ไม่เจอ เอ..ปกติก็มีนี่นา ไปที่ร้านหนังสือเช่าร้านประจำก็ปรากฏว่ามีคนชิงเช่าตัดหน้าไปเสียแล้ว โอ้!! เริ่มหงุดหงิด เมลไปคุยกับพี่สาวในโลกไซเบอร์คนสวยเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ยินมา พี่สาวคนสวยย้อนถามกลับมาว่า " เรื่องจริงหรือนี่ " พยายามนึกว่า เอ..เช้านั้นคุณสรยุทธบอกในจอทีวีว่าจะเชิญคนทั้งสองมาสัมภาษณ์ในรายการจับเข่าคุย ก็เลยได้แต่รอ
ปกติคนเขียนไม่ค่อยได้ใช้บริการรับชมรายการทีวี แต่เมื่อคืนก็ดูรายการโน้นนี้ไปเรื่อยเปื่อย อ่านหนังสือจบไปหนึ่งเล่ม ดูละครหลังข่าว เปลี่ยนช่องไปดูรายการอะคาเดมี่ แฟนตาเซีย จนจบรายการ กดรีโมทกลับไปช่อง 3 รายการท้าเรียงก็ใกล้จะจบ หันไปดูแม่ อ่าววว แม่หลับปุ๋ยไปแล้ว ไหนบอกจะรอดูเป็นเพื่อนกันล่ะ แหม
และแล้วก็ถึงเวลาของรายการจับเข่าคุย แขกรับเชิญที่มาร่วมรายการคือ คุณคมกฤษ - คุณจอมขวัญ จินดาหลวง
ปี พ.ศ. 2537 คนทั้งสองได้รู้จักกัน ฝ่ายผู้ชายคือคุณเก่ง ซึ่งเป็นนักเรียนช่าง ได้เห็นคุณปลื้มที่เป็นนักเรียนพาณิชย์แว๊บ ๆ คิดว่าเป็นเพื่อน ก็เลยไปทัก แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ก็เลยได้รู้จักกัน และคุณเก่งรู้สึกชอบคุณปลื้มมาก แต่คุณปลื้มมีแฟนที่คบอยู่แล้ว เวลาต่อมาพ่อและแม่คุณปลื้มตกงาน..เลยย้ายกลับไปบ้านที่จังหวัดชัยนาท และคุณปลื้มเองก็ต้องหางานทำไปด้วย ในขณะที่คุณปลื้มที่เป็นนักเรียนช่างก็ได้ไปแข่งขันทักษะช่างที่เมืองนอกและกลับมามีงานทำ คุณเก่งได้มาเจอคุณปลื้มอีกทีก็ตอนที่เธอเป็นวัณโรค อาเจียนเป็นเลือด คุณเก่งขอเธอแต่งงานด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอรักษาตัวโดยใช้สวัสดิการในการรักษาพยาบาลของคู่สมรสพนักงาน แต่ฝ่ายหญิงได้ปฏิเสธ คุณเก่งก็ยังคอยดูแลเธอจนทำให้คุณปลื้มรู้สึกนึกรักผู้ชายคนนี้ วันครบรอบอายุ 21 ปี ของคุณปลื้ม คุณเก่งก็พาเธอกลับบ้านที่มีงานแต่งงานรอเธออยู่ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่และญาติพี่น้องได้เตรียมงานนี้ให้เธอ
ต่อมาคุณปลื้มก็ท้อง แต่โชคดีที่เด็กเกิดมาแข็งแรงและสมบูรณ์ หลังคลอดเธอมีขนาดน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จึงขอสามีกินยาลดความอ้วน แต่ว่าคุณเก่งไม่ให้กิน ดังนั้นเธอจึงต้องแอบกิน ช่วงสองเดือนแรกน้ำหนักเธอลดลง 4 กก. เดือนที่สามลดลง 7 กก. แต่พอหยุดกินยาก็จะเกิดปฏกิริยา yoyo effect และเริ่มมีอาการมึนหัว หงุดหงิด เบลอ นอนไม่หลับ ฝันร้าย ใจสั่น แล้วช่วงหลัง ๆ ถึงขนาดเห็นภาพหลอน เมื่อเข้าห้องน้ำก็ออกไม่ได้เพราะเกิดภาพหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉี่ราด อึราด จนคุณเก่งต้องโหรหาพ่อแม่คุณปลื้มให้ลงมาดูลูกสาว แต่ตอนนั้นคุณปลื้มไม่รู้จักใครแล้ว ได้แต่นั่งเหม่อ วันที่พ่อแม่คุณปลื้มพากลับบ้าน ขณะที่นั่งรอรถบัสที่หมอชิต เธอก็วิ่งหนีไปคุ้ยถังขยะมากิน คุณเก่งต้องคอยกอด คอยปลอบอยู่แทบจะตลอดเวลา
เมื่อกลับถึงชัยนาท คุณปลื้มก็อาละวาด แม่ต้องคอยถือไม้เรียวขู่ไม่ให้ขว้างข้าวของ ซึ่งเธอเองก็คลับคล้ายคลับคลา ว่าผู้หญิงที่ถือไม้เรียวเป็นคนที่รู้จัก ไว้ใจได้ เลยเชื่อฟังบ้าง แม่คุณปลื้มต้องคอยดูแลแทบจะตลอดเวลา แม้เรื่องการสวมใส่เสื้อผ้า ทางบ้านพยายามรักษาด้วยการพาไปรดน้ำมนต์ ส่วนคุณเก่งก็กลับไปทำงานเป็นปกติ วันจันทร์ - วันศุกร์ พอถึงวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ก็กลับชัยนาท ไปดูแลคุณปลื้มที่อาการแย่ลงไปทุกขณะ แต่คุณปลื้มจำคุณเก่งไม่ได้เลย ก็เลยไม่ยอมให้เข้าใกล้ ช่วงที่เหตุการณ์แย่มาก ๆ พ่อคุณปลื้มถึงกับเอ่ยปากให้คุณเก่งเลิกกับลูกสาวเขา เพราะลูกเขาคงไม่หาย คุณเก่งบอกกับพ่อของคุณปลื้มว่า " ไม่ครับ เพราะผมสัญญากับเธอว่าจะดูแลเธอตลอดไป "
ตลอดระยะเวลาสามเดือน คุณเก่งต้องกลับชัยนาททุกอาทิตย์ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่คุณปลื้มเสียสตินั้นเป็นเพราะอะไร พิธีกรได้ถามคุณเก่งว่า ทำไมถึงไม่ยอมทิ้งคุณปลื้ม คุณเก่งตอบว่า .. " ผมรักเขา คิดในใจว่า สักวันหนึ่งเขาต้องหาย " พิธีกรรายการถามต่อไปว่า " ทำไมไม่ส่งเข้าโรงพยาบาลบ้า " คุณเก่งตอบว่า " ถ้าส่งภรรยาเข้าโรงพยาบาลบ้า ผมก็จะไม่ได้ดูแลเขาด้วยความรัก ความอบอุ่น " ถึงแม้ว่าคุณปลื้มจะทีอาการเหมือนคนบ้า วิ่งชนต้นไม้ ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มดีขึ้น ที่บ้านเริ่มให้เด็กมาหัดคุณปลื้มขีด ๆ เขียน ๆ หัดวาดรูป และเมื่อเวลาผ่านไปราวหกเดือนคุณปลื้มก็ยอมให้คุณเก่งเข้าใกล้
คุณปลื้มให้สัมภาษณ์ว่า ณ ตอนนั้น เธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่บอกกับตัวเองว่าจะต้องพยายาม ต้องนิ่ง ต้องฟังคนอื่น เพราะวันหนึ่งแม่มาลูบหลัง แล้วบอกกับเธอว่า " เมื่อไหร่ปลื้มจะหาย แม่เหนื่อย แม่จะตายแล้วนะลูก "
ช่วงสุดท้ายของรายการ คุณเก่งบอกกับคุณสรยุทธว่า ไม่เคยคิดจะทิ้งภรรยา กลับเคยคิดที่จะทิ้งงานเพื่อมาอยู่ดูแลเธอ แต่เพราะลูกที่กำลังเติบโตขึ้นมาทุกวันก็เลยทำให้ต้องทำงานต่อไป
ถึงช่วงนี้แล้ว คนเขียนก็น้ำตาคลอ เมื่อคุณปลื้มบอกกับทางรายการว่า เธอชอบเพลงเก็บไว้นาน ๆ มาก เขียนไว้หลังอัลบั้มรูปแต่งงาน และเคยบอกกับสามีว่า เพลงนี้มีความหมายกับเธอมาก และเมื่อตอนที่เธอมีอาการแย่ คุณเก่งก็มักจะร้องเพลงนี้ให้เธอฟังอยู่บ่อย ๆ ร้องเพลงนี้ไป ลูบผมเธอไปด้วยเสมอ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ด้วย ทำให้เธอพยายามที่จะกลับมาเป็นเธอคนเดิม
รายการนี้จบลงด้วยน้ำตาของคนเขียนค่ะ คนเขียนไม่เคยอายใครเวลาที่ร้องไห้ น้ำตาไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอเสมอไปนี่คะ ผู้ชมหลายท่านที่ได้มีโอกาสดูรายการนี้คงรู้สึกอิจฉาคุณปลื้ม แต่สำหรับคนเขียนเอง คนเขียนอิจฉาคุณเก่ง ผู้ซึ่งได้มีโอกาสได้ดูแลคนที่ตัวเองรัก เมื่อย้อนกลับมานึกถึงเรื่องราวของตัวเอง คนเขียนเคยให้สัญญากับใครบางคนว่า จะอยู่ดูแลในวันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน และถึงแม้กระทั่งวันนี้..คนเขียนก็ยังเก็บสัญญานี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เฝ้ารอที่จะได้ดูแลใครคนนั้นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะได้เลือกทางเดินของเธอแล้ว
และนี่เป็นเรื่องราวที่คนเขียนอยากจะบันทึกเหลือเกินในหลายวันที่ผ่านมา รักดี ๆ มีอยู่จริงนะคะ ^_^
ต้อมแก้แล้วน๊า แต่กดช้ากว่าท่านพี่ไปนิดอ่ะ ฮึ ๆ กลับไปดูใหม่ ไม่มีผิดแล้ว 55
และได้ฟังแล้วซึ้ง เนอะ แต่เรื่องราวของพวกเขาทำให้ต้อมรู้สึกมีกำลังใจเยอะเลยค่ะ ^_^
วันอาทิตย์ ต้อมก็แสนจะคิดถึงครูพี่อ้อยมากกว่าวันเสาร์ 2 ขีด อิอิ
จุ๊บจุ๊บ
ความรักเอยงดงามอย่างนี้.. โชคดีของคุณปลื้มที่ได้เจอรักแท้
ด้วยความยินดีค่ะ และขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่เข้ามาอ่าน
เรื่องราวดี ๆ ทำให้หัวใจเรารู้สึกดีนะคะ ต้อมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ^_^
สวัสดีค่ะ ..
ความรักคือความรัก สวยสดและงดงาม เสมอนะคะ ^_^
รักแท้เกิดกับใครก็น่าชื่นใจนะคะ
และ หนูอยากมีมั่ง TT_TT
ความรักเป็นเรื่องราวที่ละเอียดอ่อน และแน่ล่ะ สวยสด งดงาม ^_^
มาตั้งชมรม ความรักทำให้เราร้องไห้กันเถอะ อิอิ สุขก็ร้องไห้ เศร้าก็ร้องไห้ จะมีใครสามารถเหมือนเราเนอะ เนอะ
ขอบคุณกำลังใจที่มีให้ต้อมตลอดระยะเวลาที่ได้รู้จักกัน ชื่นใจค่ะ
และต้อมรู้ว่า การรอคอยของต้อมมีความหมายมากเพียงไหน ^_^ ต้อมจะรอคอยด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง - ความสุข ค่ะ
จุ๊บจุ๊บ
อ่านแล้วซึ้งคะ...(แอบน้ำตาซึม)
กะจะดูรายการจับเข่าคุยเต็มที่..แต่ติดงานด่วนก็เลยพลาดไป..
พอวันนี้ ได้เจอที่คุณเนปาลี เขียนไว้..ขอบคุณมาก คะ
รู้สึกดีม๊าก..มาก รักแท้มีอยู่จริง..(ค่อยมีกำลังใจหน่อย)
ปกติต้อมไม่ใช่คนที่จะดูทีวีน่ะค่ะ แต่เพราะเรื่องราวของคนทั้งคู่ทำให้ต้อมตั้งหน้า ตั้งตารอ แล้วก็..ทำให้ต้อมมีกำลังใจมากมาย
รักแท้มีอยู่จริงด้วย เนอะ ถึงจะไม่ได้เกิดกับเราก็เถอะ ^_^
สวัสดีครับ
เรื่องราวของความรัก ช่วยสร้างแรง และพลังได้เสมอ ผมชอบเรื่องราวแห่งความรักทั้งหมด ไม่ว่าในเชิงมิตรภาพของเพื่อนมนุษย์ หรือระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยง ระหว่างความรักของคนหนุ่มสาว หรือเฒ่าแก่ ได้อ่านหรือดูรับรู้ทีไร ก็ตื้นตันใจเกลือนน้ำลายฝืดคอ ทุกที
ผมไม่ได้ดูทีวีเหมือนกัน ทีวีผมเสียเป็น2 ปีแล้วมั้ง ก็ไม่ได้สนใจซื้อมาเปลี่ยนซะที ก็เลยไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวจากในทีวี บางทีก็เสียดายเรื่องราวดี ๆ ไปเหมือนกันนะครับ
ขอบคุณที่นำมาเล่าไว้ คุณเนปาลี เขียนเรื่องได้ดี คงเป็นนักเขียนด้วย ( หรือเปล่า ) แต่หักมุมมาที่ชีวิตคนเขียนเองในตอนท้าย ผมว่าไม่เข้าเท่าไหร่น่ะครับ
ผมว่าหากพูดถึงความรักแท้ซึ้งซาบขนาดนั้น ไม่น่าจะมีความดีใจหรือเสียใจ ที่ได้ดูแล หรือไม่ได้ดูแลคนที่เรารักหรือไม่ แต่คือการให้ คนที่เรารักเลือกและการดูแลเขาไม่ใช่การครอบครองแต่รับรู้และยินดี ให้กำลังใจ เขาอยู่ไกล ๆ หรือแค่ความรู้สึกเราที่มีต่อเขายังคงเดิม นั่นก็พอแล้ว.....
เขาทั้งคู่เป็นคนที่โชคดีมากๆเลยครับที่ได้เจอรักแท้จริงๆ...ขอให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆ และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป
ต้อมไม่ได้เป็นนักเขียนหรอกค่ะ แต่ชอบเขียนเรื่องโน้นนี้ไปหมด และที่ต้องหักมุมมาที่เรื่อง .. มาที่ความคิดคำนึงของตัวเองนั้น เพราะว่า ต้อมเป็นคนขี้ลืมค่ะ ดังนั้นถ้าอยากเขียนอะไร ก็เลยต้องเขียน ต้องจะเขียน ^_^ บางเรื่องมันทำให้เราต้องย้อนกลับมาถามตัวเองจริง ๆ นะคะ
เรื่องราวของความรัก สร้างกำลังใจให้เราได้ ต้อมเองก็เชื่อเช่นนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน แบบพี่แบบน้อง แบบเพื่อน แบบคนรู้จัก แบบคนรู้ใจ ความรักมีหลายรู้แบบเหลือเกินนะคะ และก็มีหลากหลายนิยามแล้วแต่บุคคลด้วย
ไม่ได้ดูทีวีเลยนะคะ ถ้าไม่ตั้งใจว่าจะต้องดูให้ได้ หรือถึงตั้งใจบางทีก็พลาดค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันนะคะ ^_^
ค่ะ ต้อมเองก็ขออวยพรให้คนทั้งคู่ และทุก ๆ คู่รัก มีความรักที่ดีและแท้จริงแบบนี้ ^_^
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
วันนี้อีโรติกน่าดูนะคะ ^_^
ถ้าเกิดต้อมฮึดเปิดอกคุยกันจริง ๆ ล่ะ ว่าไงนะ haha
ความรักดี ๆ มีให้เห็นก็ชื่นใจ ^_^
ถือกล้องมา กะจะทำอะไรน่ะ คุณ แหม แหม๊
ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อยากชมว่า เขียนได้ดีมากมาก อ่านแล้วลื่นไหล เป็นนักเขียนได้เลยนะคะเนี่ย
จริง จริ๊ง!!
ขอบคุณที่ตามอ่านบันทึกของต้อมค่ะ ก็ที่เขียนบันทึกนี่สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ ต้อมขี้ลืมน่ะค่ะ เลยต้องเขียนบันทึกเพื่อเตือนความจำตัวเองเสียหน่อย
เรื่องคุณเก่งกับคุณปลื้มนั้น ต้อมตั้งใจมาก ๆ และมาก ๆ มันอาจจะดูเป็นเรื่องราวธรรมดาสามัญที่สามารถเกิดขึ้นจริง แต่ไหนล่ะ? มีให้เห็นเป็นกรณีตัวอย่าง เนอะ เนอะ
เรื่องการเขียน ก็เป็นคนชอบเขียนด้วยน่ะค่ะ แต่ละคน แต่ละท่านจะมีลีลาเฉพาะตัว เนอะคุณ
ดีใจค่ะ ที่เราใจตรงกัน ^_^
ขอบคุณค่ะที่ชม และที่ชอบ ^_^ ว่าง ๆ แวะเข้ามาอ่านอีกนะคะ
เขียนอย่างที่เราอยากจะได้อ่าน น่ะค่ะ ^_^ ขอบคุณค่ะที่ชอบ ดีใจจัง
นักเขียนเป็นอะไรที่แอบฝันใฝ่ถึงน่ะค่ะ แต่ตอนนี้เป็นนักอยากจะเขียน - นักชอบเขียน ไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ แฮ่ะ ๆ ๆ
ต้อมไม่เคยร้องเพลงให้คนที่เคยรักฟังเลยสักเพลง เพราะต้อมร้องเพลงไม่เป็น ต้อมถนัดแต่ฟัง แฮ่ะ ๆ ๆ และที่สำคัญ..เธอร้องเพราะเสียอีก นี่สิ ค่ะ..บทเพลงบางเพลงช่างมีความหมายต่อใครบางคนเหลือเกินนะคะ คุณแผ่นดินว่าไหม?
ค่ะ และไม่มีอะไรจะพิสูจน์ความรักได้ดีไปกว่า " ความรัก " ตอนนี้ต้อมกำลังพิสูจน์ความรักของตัวเองที่มีให้ใครบางคนอยู่เหมือนกัน
คุณแผ่นดินเป็นผู้ชายที่น่ารัก มีภรรยาและลูกชายวัยซนที่น่ารักน่าเอ็นดู ^_^ ถ้าต้อมมีพี่ชาย ต้อมก็อยากจะมีพี่ชายแบบคุณแผ่นดินนี่ล่ะค่ะ คงเพราะคุณแผ่นดินมีวิถีคิดที่ค่อนข้างจะคล้ายกับพ่อต้อม
ขอให้รักเรานี้คงอยู่คู่กัน
นานตราบฟ้าเเละดินมลาย
ทางเเสนไกลเราจะฝ่าข้ามไป
ขอสัญญา สิ่งที่เธอให้มา
จะรักษาด้วยหัวใจ..อยากเก็บไว้นานนาน
เพลงนี้เพราะนะคะ ^_^
กาพย์ฉบัง ๑๖ ของคุณสวยค่ะ ขอชื่นชมด้วยค่ะ ^_^
และต้อมก็เชื่อว่า รักแท้นั้นมีอยู่จริง เพียงแต่บางทีมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราเท่านั้นเอง
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ..
ซึ้ง ย้อนหลังจัง เรื่องราวความรักของพี่ ตอนแรกเจอ ก็ แบบว่า ...ชวนติดตาม
เล่ามาเลย.. หลังไมค์ก็ได้ อิอิ ^^