ตีสามของคืนวันจันทร์ที่ 18 กุมภาสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดท้องมากๆเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบิดท้องขยับตัวไม่ได้เลยค่ะ ต้องรอจน 7โมงถึงขยับตัวลงจากเตียงได้ในใจตอนนั้นคิดว่าไส้ติ่งอักเสบแน่ๆเพราะปวดที่ท้องน้อยด้านขวาปวดร้าวไปถึงบั้นเอวลามไปจนถึงแผ่นหลังกัดฟันอาบน้ำแต่งตัวเอางานไปส่งที่ทำงาน แล้วไปหาหมอที่โรงพยาบาล 30บาทหายทุกโรค กว่าจะได้ตรวจก็บ่ายโมง
ภาพจาก Endometriosis pain
หมอหนุ่มใส่แว่นหน้าเหมือนพระเอกเกาหลี มองหน้าที่เริ่มซีด(ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่นา)บอกให้เดินไปอีก 200 เมตรไปตรวจเลือดตรวจปัสสาวะ แล้วรอผลกลับมาด้วยตอนจะเจาะเลือดสิค่ะ...คุณพยาบาลคนสวยหาเส้นเลือดไม่เจอสักทีได้ยินเสียงบ่นว่าเส้นเลือดอยู่ลึกแถมเส้นเล็ก.... จ๊ากเจ็บกว่าที่คิดผ่านไป 1 ชั่วโมง จึงได้กลับมานั่งรอหมอคนเก่า ระหว่างรอก็ดูความเป็นไปของมนุษย์ เริ่มปลงแล้วค่ะดีใจ เสียใจ ทุกข์ สุข มีครบทีเดียวไปนั่งสมาธิในวัดยังปลงไม่ได้เท่านี้เลยคุณได้พบคุณหมออีกครั้งบ่ายสามค่ะคุณ หมอบอกเม็ดเลือดขาว มีเยอะไปหน่อย11800(คนปรกติมีWBC: 4000-10000 cells) แถม ปัสสาวะก็ผิดปรกติคงมีอะไรอักเสบสักอย่างเอ้อ...เลยถามหมออีกครั้งว่าไม่ได้เป็นไส้ติ่งแน่นะคะหมอชักรำคาญเลยตอบว่า... ถ้าไส้ติ่งแตกป่านนี้คุณเดี้ยงแล้ว...เดินมาโรงพยาบาลแบบนี้ไม่ได้หรอกอ้าวนี่หมอชมหรือคะ....ได้แต่นึกในใจว่าตอนนี้ก็เดี้ยงแต่ไม่กล้าขอรถเข็น ในใจอยากขอทำอัลตราซาวนด์แต่เกรงใจหมอ เลยรีบกลับ อ้อ...ได้ยาพารา ยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดมาค่ะ.... คืนวันที่2 หลงดีใจได้ไม่นานจ๊ากตีสามตรงเวลากลับมาปวดเหมือนเดิมเลยคุณและทุเลาตอนเจ็ดโมงวันนี้มีสอบเช้าบ่าย 4 คน ต้องไปทำงานพร้อมกินยาไปด้วย เวลาผ่านไปเหมือนโกหกคืนวันที่ 3อุตส่าห์รีบนอนแต่หัวค่ำ คุณขามันมาอีกแล้ว หุหุ ไม่ใช่เจ้าproxy error นะคะตีสามเหมือนเดิม สงสัยมันดูนาฬิกาเป็นแน่ๆ
ภาพจาก ER, George Clooney
วันนี้เป็นวันมาฆบูชาด้วยค่ะ...รอจนสายก็บ่ายหน้าไปโรงพยาบาลเอกชนค่ะและได้ทำอัลตราซาวนด์สมใจ(กว่าจะได้ตรวจดื่มน้ำไปสี่ขวดคะคุณรออีกชั่วโมงถึงได้น้ำเต็มท้อง...ลืมไปค่ะว่าห้ามเข้าห้องน้ำต้องอั้นไว้...)เจอก้อนดำๆ เลยถึงบางอ้อ Chocolate Cyst ขนาด 3 เซนต์ค่ะคุณหมอเลยส่งไปคุยกับหมอสูตินารีเวช ว่าจะทำไงดีคุณหมอรูปหล่อพอๆกับ GeorgeClooney เริ่มซักประวัติ พร้อมตรวจอีกครั้งหมอบอกวิธีรักษามีหลายวิธี ใช้ยา กับผ่าออก แล้วถามอีกมีแฟนหรือยังวางแผนจะมีลูกไหม ถ้ามีลูกซีสก็อาจฝ่อไปเอง(ฮือๆ... หมอขา แฟนนะมีเพียบแฟนคลับใน G2Kใช้ได้ไหมคะ) หมอใจดีถามต่อ...ปวดมากมั้ย คืนนี้ค้างที่นี่เลยก็แล้วกัน แหะๆหมอมันจะดีหรือเอ้อ...บ่ายเบี่ยงพัลวันค่ะคุณไม่ใช่เพราะกลัวหมอแต่กลัวค่าห้องค่ะอิอิถ้าหมอออกให้ละก็ไม่แน่ กว่าจะหลุดจากมือหมอได้ปาไปเกือบ 5โมงเย็นเดินตัวเบากลับบ้านสมใจ(ไม่เบาไงไหวคะจ่ายไปเกือบสามพัน) คุณสาวๆขา...ทุกคนมีสิทธิ์เป็นโรคนี้ได้ทั้งนั้นโดยเฉพาะสาวๆสวยๆที่ยังไม่มีแฟน
ภาพจาก Louise Redknapp is one of two million womenaffected by endometriosis every year
พล.ต.นพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล ได้ให้รายละเอียดดังนี้ค่ะ(คลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดเต็มๆได้ค่ะ)
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis)
เอ็นโดเมทริโอซิสหมายถึงการที่มีเซลล์คล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญขึ้นที่อื่นนอกเหนือจากในโพรงมดลูกที่มันควรอยู่ (พบได้3-18 % ในสตรีทั่วไป) การเจริญผิดที่นี้แบ่งเป็น
1.อยู่ในเนื้อมดลูก (Endometriosis interna หรือAdenomyosis) หมายถึง เยื่อบุโพรงมดลูกมันเจริญแทรกเข้าไปอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูกแทนที่จะอยู่แต่เพียงผิวด้านในของมดลูกเท่านั้นAdenomyosis แบ่งออกเป็น 2 แบบที่รวมกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนเฉพาะที่ (Localized)หรือแบบที่มันกระจายกันอยู่ทั่วเนื้อมดลูกทั้งก้อน (Overanalyzed)ทำให้เนื้อมดลูกโตขึ้นเฉพาะที่หรือโตขึ้นทั้งก้อน เวลาตรวจจะพบว่ามดลูกโตขึ้นคล้ายกับโรคเนื้องอกมดลูก
2. อยู่นอกมดลูก(Endometriosis externa หรือ เรียก Endometriosis ) คือ เยื่อบุโพรงมดลูกไปขึ้นนอกจากในเนื้อมดลูก มักขึ้นที่รังไข่ ท่อมดลูก เส้นเอ็นของมดลูก หรือนาน ๆก็พบว่ามีบ้างที่ตับ กระบังลมปอด หรือเนื้อปอด หรือขึ้นที่แผลที่เคยผ่าตัดช่องท้อง
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
เชื่อกันว่าเกิดจากตอนที่มีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาพร้อมกับเลือดไหลย้อนกลับไปทางท่อนำไข่ ทำให้เข้าไปในช่องท้องบริเวณอุ้งเชิงกรานได้ (เพราะปลายท่อนำไข่เปิดอยู่)เกิดขึ้นกับการมีประจำเดือนของคนทั่วไป70-80 % (ที่เลือดไหลย้อนเข้าไปในอุ้งเชิงกราน) แต่ไม่ทุกคนที่เป็น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้มีการอธิบายว่า ปกติเนื้อเยื่อของร่างกายถ้าอยู่ผิดที่ จะถูกเม็ดเลือดขาวและภูมิต้านทาน (antibody) มาทำลายทิ้งไป แต่ในรายที่เป็นโรคนี้มีการตรวจพบว่ามีภูมิต้านทานที่จะต้านเซลล์เหล่านี้ลดลงว่าคนที่ไม่เป็น
อาการของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แบ่งได้เป็น 4 อย่าง
1.อาการปวด ได้แก่ การปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดเวลาถ่ายอุจจาระ(โดยเฉพาะเวลาท้องผูก) ปวดเวลาปัสสาวะ หรือปวดปัสสาวะตลอดเวลา ปวดที่บริเวณแผลผ่าตัดหน้าท้อง (ซึ่งมักปวดมากเวลามีประจำเดือน) ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์(และ/หรือหลังจากนั้น) การเกิดอาการปวดเนื่องจากมีสารเคมีเกิดขึ้นบริเวณที่เป็นโรคทำให้เกิดลักษณะคล้ายการอักเสบเป็นแผล สารเคมีนี้กระตุ้นปลายประสาทความรู้สึกให้รับรู้การเจ็บปวดรุนแรงกว่าปกติ หรืออาการเจ็บป่วยอาจเกิดจากการมีแผลเป็นจากปฏิกิริยาอักเสบดังกล่าว
ภาพจาก To a certain extent Endometriosis may be likened to aniceberg and diathermy may result in residual disease.
2.อาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ คือ ประจำเดือนมามาก มาไม่สม่ำเสมอ มานาน มากะปริดกะปรอย การมีประจำเดือนผิดปกติ อาจอธิบายได้ว่าเกิดจาก โรคนี้มีส่วนทำให้ไข่ไม่ค่อยตก,เลือดออกมากเพราะมันมีส่วนทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ,ทำให้มดลูกโต มีเนื้อที่การมีเลือดออกในโพรงมดลูกมากขึ้น และการที่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ไปแทรกระหว่างกล้ามเนื้อมดลูกทำให้มดลูกบีบตัวเพื่อให้เลือดหยุดได้ไม่ดี คนที่เป็นโรคนี้ก็จะมีอาการประจำเดือนมากผิดปกติได้เช่นเดียวกับคนที่เป็นโรคเนื้องอกของมดลูก
3. การมีบุตรยาก สตรีที่มีบุตรยากมีสาเหตุหลายอย่าง และพบว่ามีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อยู่ด้วย (20-50 %)อธิบายว่าเป็นเพราะเวลาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ไปเกาะ มีการสู้กันระหว่างเซลล์ที่ไปเกาะ กับ antibodyของร่างกายทำให้มีลักษณะการอักเสบและมีการสร้างพังผืดเกิดขึ้น(พังผืดหมายถึงการที่อวัยวะที่ไม่ควรติดกัน ไปถูกยึดติดกันหรือผิดรูป หรือหมายถึง เยื่อบาง ๆที่ยึดอวัยวะที่ต่างกันเข้าด้วยกัน เกิดจากปฏิกิริยาที่มีกรอักเสบนาน ๆ ) ทำให้ไข่ตกออกมาจากรังไข่ไม่ได้ ท่อนำไข่ตัน หรือไปจับไข่ที่ตกจากรังไข่เข้ามาในท่อไม่ได้ หรืออธิบายว่าถึงแม้เป็นโรคไม่รุนแรง แต่ไม่ตั้งครรภ์เกิดจากสารเคมีที่เกิดขึ้นผิดปกติไปลดการทำงานของรังไข่ ลดคุณภาพของไข่และตัวอ่อน ทำให้การปฏิสนธิไม่ดีหรือการแบ่งเซลล์ไม่ดี นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดปัญหามีบุตรยากทางอ้อมคืออาการเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้มีการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ โอกาสตั้งครรภ์จึงลดลง
ภาพจาก Chocolate
4.อาการพบก้อนในท้องน้อย เกิดจากการเกิดถุงน้ำเลือด (Chocolate Cyst) ที่รังไข่ (คือEndometriosisเกิดขึ้นในรังไข่ทำให้มีเลือดออกและขังตัวสะสมกันอยู่นาน ๆกลายเป็นถุงเลือดที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ) หรือเกิดจากมดลูกที่โตขึ้น (จาก Adenomyosis)
การวินิจฉัยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่การวินิจฉัยเบื้องต้นที่ทำให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้ คืออาการที่คนไข้มาเล่าให้แพทย์ฟัง ประกอบกับการตรวจภายใน พบว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการเจ็บ หรือลักษณะเหมือนมีพังผืด ด้านหลังของมดลูก และที่เส้นเอ็นของมดลูก การตรวจขั้นต่อไป เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำขึ้น คือ การทำ ultrasoundและการตรวจที่แน่นอนที่สุดคือการทำส่องกล้องเข้าไปในช่องท้องร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ เอามาพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา การได้มองเห็นรอยโรค (lesion)จากการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง หรือผ่าตัดส่องกล้องช่องท้อง (คือการทำแผลเล็ก ๆ ตรงสะดือ แล้วสอดกล้องเข้าไปส่องดูอวัยวะในช่องท้อง)จะทำให้วินิจฉัยได้แม่นยำมากที่สุด การทำ อัลตร้าซาวนด์และการทำผ่าตัดส่องกล้อง (laparoscopy)มีประโยชน์ในการวินิจฉัยแยกจากโรคที่เป็นมะเร็ง (เช่นมะเร็งรังไข่)ด้วย และแยกจากโรคอื่นที่ทำให้มีอาการคล้ายเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เช่น อักเสบในอุ้งเชิงกราน เนื้องอกมดลูก มดลูกเจริญผิดรูป ยังไม่มีวิธีพิสูจน์โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่โดยการเจาะเลือด
ภาพจาก Ovary cyst, 3D. Ultrasound image
มีวิธีการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อย่างไรโรคนี้สามารถรักษาได้โดยทางยา และทางผ่าตัดแล้วแต่จุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาอะไรให้คนไข้ ได้แก่ เรื่องปวด เรื่องเลือดประจำเดือนผิดปกติ เรื่องมีบุตรยาก หรือเรื่องถุงเลือดรังไข่ (chocolatecyst) หรือรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อย่างอื่น
การรักษารอยโรคให้เล็กลงหรืออาการน้อยลงมียาหลายชนิดที่ทำให้รอยโรคหรือแผลเป็นจากโรคนี้ลดขนาดลง ลดปฏิกิริยาของร่างกายลง ได้แก่
1.ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone)จะช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อลงทั้งในมดลูกและนอกมดลูก ที่นิยมใช้คือ ยาฉีดคุมกำเนิดและยารับประทานคุมกำเนิด (ยารับประทานมีเอสโตรเจนอยู่ด้วย) ยาฉีดคุมกำเนิดทำให้อาการลดลงได้ แต่อาจมีปัญหาประจำเดือนไม่ปกติ หรือทำให้ไม่มีประจำเดือน ยารับประทานทำให้มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอแต่น้อยลง เมื่อเลิกยาก็หมดฤทธิ์ไป
2. Danazolทำให้ไม่ตกไข่ มีฮอร์โมนมาเลี้ยงเยื่อบุโพรงมดลูกน้อยลง เยื่อบุมดลูกฝ่อลง อาการดีขึ้น แต่มีผลข้างเคียงคือประจำเดือนมาผิดปกติ ไม่มีประจำเดือน และที่สำคัญคือทำให้มีขนขึ้นผิดปกติ มีเสียงใหญ่ขึ้นแบบผู้ชาย (กรณีการมีเสียงใหญ่ขึ้น เมื่อเลิกยาเสียงก็ไม่เปลี่ยนกลับอย่างเดิม) ไขมันในเลือดผิดปกติและอาจเป็นอันตรายต่อตับ ปัจจุบันคาดว่าสูตินรีแพทย์ไม่ใช้ยานี้แล้ว
3. ยาGonadotropin-releasing agonist(GnRHagonist)เป็นยาลดฮอร์โมนที่มากระตุ้นรังไข่ ทำให้รังไข่ไม่ทำงาน จึงไม่มีฮอร์โมนรังไข่ เกิดภาวะและมีอาการเหมือนวัยหมดประจำเดือน ทำให้เยื่อบุมดลูกยุบตัวเล็กลงเพราะไม่มีฮอร์โมนมากระตุ้น ผลค้างเคียงจึงเป็นแบบเดียวกับคนหมดประจำเดือน คือหงุดหงิด ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง กระดูกบางลงเป็นต้น ยานี้มีทั้งชนิดฉีดและพ่นจมูก ปกติถ้าแพทย์ใช้ก็ใช้แบบเป็นการชั่วคราว ไม่รักษาระยะยาว
ภาพจาก คุณหมอ
4.การผ่าตัด คือการตัดเอารอยโรคหรือส่วนที่เป็นโรคออกไป ปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้องช่องท้องมากที่สุด เพราะได้ผลดี พังผืดน้อย เจ็บปวดน้อย ฟื้นตัวเร็ว(แต่ค่าใช้จ่ายจากการใช้เครื่องมือพิเศษนี้ยังแพงกว่าผ่าตัดธรรมดาหย่อนแสนนิดเดียวเองค่ะ)จุดประสงค์ของการผ่าตัดก็เพื่อให้อวัยวะภายในกลับสู่สภาพปกติมากที่สุด ทำลายรอยโรคที่มองเห็นออกให้มากที่สุด ผลการรักษาแบบผ่าตัดธรรมดาและผ่าตัดส่องกล้องมีคุณภาพพอ ๆ กัน
การรักษาเพื่อลดอาการปวด แพทย์มักแนะนำเริ่มต้นที่ยาแก้ปวดได้แก่ Paracetamol หรือ NSAID เช่นBrufen หรือ Ponstan หรือยาอื่นๆ ประเภทเดียวกัน รับประทานเวลาปวดหรือเมื่อเริ่มปวดก็ทานยาเลย ทำให้ได้ผลดี ยาเหล่านี้มีสรรพคุณลดอาการปวดแต่ไม่ได้รักษาโรคยาประเภทยาเม็ดคุมกำเนิดก็แก้ปวดประจำเดือนและแก้ประจำเดือนผิดปกติได้เช่นกันและอาจระงับการลุกลามของโรคได้บ้างยาฉีดคุมกำเนิดก็ได้ผลคล้ายกันแต่ทำให้ไม่มีประจำเดือนหรือบางคนมีเลือดประจำเดือนผิดปกติได้ อีกระดับหนึ่งคือการผ่าตัดผ่านกล้องโดยมีแผลเล็กๆที่หน้าท้องวิธีนี้มีประโยชน์ในแง่ที่ให้การวินิจฉัยที่แน่นอนและรักษาพร้อมกันไปเลยเหมาะกับคนที่โรคเป็นมากมีอาการมากเกิดมีก้อนที่มดลูกหรือมีช็อกโกแลตซิสต์ที่รังไข่และคนที่มีปัญหามีบุตรยากการรักษาวิธีนี้โดยผู้ชำนาญได้ผลดีและโอกาสเป็นซ้ำได้น้อย
ภาพจาก the big blur
และผศ.นพ.สุวิทย์ ศุภภิญโญพงศ์ จากภาควิชาสูติศาสตร์-นีเวชวิทยาให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า
วิธีการรักษาในปัจจุบันมีหลายแบบ (คลิกอ่านต้นฉบับได้นะคะ)
การผ่าตัดปัจจุบันก็จะใช้ในกรณีที่ตัวโรครุนแรงซึ่งการผ่าตัดมีหลายแบบ
ชนิดที่ 1การผ่าตัดออกหมด ผลการผ่าตัดทำให้คนไข้หายจากโรคแต่คนไข้ก็จะไม่สามารถมีบุตรได้อีก
ชนิดที่ 2ก็คือ การผ่าตัดเพื่อเอาตำแหน่งของพยาธิสภาพออกข้อดีของการผ่าตัดนี้ก็คือ ผู้ป่วยสามารถมีบุตรได้อีก แต่ข้อเสียก็คือตัวโรคสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก จะต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
ผลจากการใช้ยาที่ทำให้คนไข้หมดประจำเดือนจะมีผลแทรกซ้อนอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง
โดยหลักการจะทำให้คนไข้ไม่มีประจำเดือนประมาณ 6-9 เดือน จริง ๆเป็นระยะที่สั้น ถ้าเกิดเราใช้ยากลุ่มแรกจะทำให้คนไข้ไม่มีประจำเดือนเหมือนวัยทองคนไข้ก็จะมีอาการเหมือนคนวัยทอง จะมีอาการหงุดหงิด ชาปลายมือ ปลายเท้าซึ่งกลุ่มนี้ ถ้าเกิดอาการไม่รุนแรงจริง ๆ เราก็เพียงแต่อธิบายคนไข้ซึ่งส่วนใหญ่คนไข้ก็จะสามารถยอมรับได้แต่ถ้าคนไข้มีอาการรุนแรงเราจะเสริมฮอร์โมน 1ตัวเข้าไปเพื่อลดอาการเหล่านี้ โดยที่ไม่มีผลต่อการรักษาโรค
จะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่
ในกรณีที่เราผ่าตัดเอาเฉพาะพยาธิสภาพออกโดยที่เก็บตัวมดลูกและรังไข่ไว้คนไข้ก็จะมีโอกาสที่จะมีประจำเดือนอีกตราบใดก็ตามที่คนไข้มีประจำเดือนก็จะมีการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือนเพราะฉะนั้นคนไข้ก็จะมีโอกาสกลับเป็นซ้ำอีกเพราะฉะนั้นการรักษาในกลุ่มนี้เราก็จะดูดความต้องการคนไข้ถ้าคนไข้ยังต้องการมีบุตรอีกเราก็จะพยายามกระตุ้นให้คนไข้ตั้งครรภ์เร็ว ๆแต่ถ้าคนไข้ไม่ต้องการมีบุตร เราก็จำเป็นที่จะต้องให้ยารักษาในระยะยาวจนคนไข้อายุประมาณ 43-45 ขึ้นไป ก็อาจจะพิจารณาหยุดยาและนัดตรวจคนไข้ทุกระยะ ๆถ้าผู้ป่วยอายุมากและไม่ต้องการมีบุตรและมีอาการรุนแรงมากเราจะแนะนำให้ตัดมดลูก เป็นการตัดต้นเหตุของโพรงมดลูก ตัดรังไข่ 2ข้างเป็นการตัดฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เซลล์พวกนี้โตขึ้น
ภาพจากThis surgeon is performing a laparoscopic procedure on apatient
อันตรายของโรคนี้มากน้อยแค่ไหน
ในกรณีที่เป็นมาก ๆคนไข้ก็จะมีพังพืดเกิดขึ้นในอุ้งเชิงกราน เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้คนไข้ก็จะมีอาการรุนแรงและในการผ่าตัดคนไข้กลุ่มนี้เนื่องจากผังพืดที่เกิดขึ้น มันมีการรัดอวัยวะที่สำคัญหลายอย่างเพราะฉะนั้นการผ่าตัดจำเป็นต้องอาศัยฝีมือขอศัลยแพทย์ที่ดีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดก็จะมีเพิ่มมากขึ้นตามความรุนแรงของพยาธิสภาพด้วยซึ่งตัวโรคนี้ใช้เวลาการเกิดค่อน ข้างนาน เวลาประจำเดือนมาครั้งหนึ่งตัวโรคก็จะเกิดขึ้นนิดหนึ่ง พอประจำเดือนมาครั้งต่อไปตัวโรคก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นหากมีภาวะแทรกซ้อน เช่นก้อนช๊อกโกแลตซีสเกิดแตกสารของเหลวที่อยู่ภายในก็จะออกมากระตุ้นเยื่อบุช่องท้องทำให้คนไข้มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน
ภาพจาก Sydney Endometriosis
การป้องกันควรทำอย่างไร
เนื่องจากในปัจจุบันเรายังไม่ทราบถึงสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริงดังนั้นก็ยังไม่มีการป้องกันที่ไม่มีผลแน่นอนแต่ก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเอง เพื่อลดโอกาสของการตรวจโรค 3วิธี
1.เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือนก็ควรจะหลีกเลี่ยงการตรวจภายใน หรือมีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือน
2.ในหญิงกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้เราอาจพิจารณาให้การป้องกันด้วยการกินยาคุมกำเนิดเริ่มตั้งแต่วัยเริ่มมีประจำเดือนและหยุดยาต่อเมื่อมีบุตร
3. ขอแนะนำให้ผู้หญิงที่แต่งงานตั้งครรภ์เร็ว ๆ
ภาพจากEndometriosis Couple
เชิญอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
Endometrioma/Endometriosis
Endometriosis: A New ZealandGuide
โรคช๊อกโกแลตซีสเป็นโรคที่มักพบในผู้หญิงยุคใหม่
เชิญชมภาพการผ่าตัดได้เลยนะคะ(ปล.เด็ก คนชรา และคนขี้กลัวห้ามคลิกนะคะ)
การผ่าตัดแบบส่องกล้อง
~~ ผจญภัยในห้องผ่าตัด & AJ's 3rdBD ตอนที่ 1 ~~
รวมภาพสดๆจากกูเกิ้ล
ภาพจากEndometriosis Severe
การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช 24ชั่วโมง ราคา 95,000บาทค่าใช้จ่ายข้างต้นไม่รวมถึง...ราคานี้สามารถใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 มีนาคม 2551 นี้เท่านั้น(ตามไปอ่านได้นะคะไม่รวมอะไรเริ่มจะลมจับแล้วค่ะ)
ผ่านมาเกือบสิบวันแล้วยังมีอาการปวดตอนดึกๆอยู่ค่ะ แถมวันนี้ลืมตัวยกเคสขึ้นชั้น 3 ไป 2 เที่ยว (อ้อ...เจ้าหน้าที่มีค่ะ ร่างยักษ์ สูง 2เมตร หนักเกือบ 90 โลใครจะกล้าใช้)ที่ทำงานไม่มีใครรู้ว่าป่วยเพราะมาทำงานทุกวัน...อยู่ที่นี่ต้องทำอะไรเองทุกอย่างค่ะ...พึ่งนึกได้ 2 เดือน ที่แล้ว ยกโต๊ะคอมขนาดใหญ่สุด 30 ตัว ขึ้นชั้น 4มีลูกลิง ช่วย 10 ตัว ...ทำงานหนักเกินกำลังจริงๆด้วย...กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะว่าจะทำตามคำแนะนำไหน ในระหว่างหาแฟน เอ๋ยเก็บตังค์และรอตรวจละเอียดอีกครั้งตอนนี้อยากขอกำลังใจจากบรรดาแฟนๆใน G2K ก่อนนะคะ
ภาพจากThe ENDOMETRIOSIS PRAYERCLUB is here!
THEENDO CLUB...Please Pray for Us!
Friendship is born at themoment, when one person
says to another,"What? You too? I thought I was the onlyone"
ข้อความจาก--CS Lewis