เด็กคว้าไฮเตอร์มาอาบน้ำ เพราะอยากขาวเหมือนในโฆษณา (อิทธิพลของสื่อกับการไม่รู้เท่าทันของเด็ก)


การผลิตรายการโทรทัศน์และโฆษณา ควรมีจิตสำนึกถึงผลกระทบต่อกลุ่มคนดูให้มาก เพราะแค่คนคนเดียวดูและทำตามในทางที่ผิด อาจก่อนให้เกิดปัญหาต่อสังคมได้

เช้านี้ผมบังเอิญอ่านไปเจอข่าว

 

แฉเด็กดูทีวีอาบไฮเตอร์เพราะอยากขาวเหมือนโฆษณา  จาก นสพ. คม ชัด ลึก

 

ในข่าวได้นำเอารายงานวิจัยหลายชิ้นที่เกี่ยวกับ อิทธิพลของสื่อที่มีต่อกลุ่มเยาวชน  พอเห็นตัวเลขแล้วก็น่าเป็นห่วงยิ่งนัก

ก็เลยอยากจะแสดงความคิดเห็นเกียวกับอิทธิพลของสื่อทีวีที่ีต่อต่อคนดู

ในทางจิตวิทยา การโน้มน้าวใจโดยใช้ตัวแบบ (medeling) ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากในทางโฆษณาทางโทรทัศน์ แต่ในขณะเดียวกัน ฉากต่างๆ ที่ปรากฎบทจอ ก็กลับทำให้เยาวชนต้องเลียนแบบในทางผิดๆ  เช่น  การกรีดร้อง หรือ เดินตูดบิดไปมา เหมือนนางร้าย  หรือ การแต่งตัวให้ เริ่ด หรู  หรือ โป้ เปลื่อย เหมือนกับดาราบางคน

อันนี้ผู้ปกครองต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ เพราะยิ่งคนที่่บ่นว่า ไม่มีเวลา ต้องทำงาน ยิ่งต้องระวัง เพราะเท่ากับว่า คุณกำลังปล่อยให้ลูกคนคุณอยู่กับจอโทรทัศน์มากเกินไป

กลับมาถึงการจัดผังรายการทีวีในบ้านเรา  มีการเรทรายการทีวี เป็น ควรแนะนำ  เด็กห้ามดู หรือ รายการทั่วไป  อันนี้ก็ดีที่ผู้ปกครองและคนดีจะได้ตระหนักมากขึ้น

แต่ผมกลับมองว่า  แม้ว่าจะมี แถบระดับรายการไว้ข้างล่าง แต่ว่า การให้ความรู้ในเรืองเหล่านี้ยังน้อยไป มันน่าจะมีการเสนอ สารคดีสั้นที่เกียวกับ สัญลักษณ์ต่างๆ เสนอสลับกันไปในทุกช่องทีวี  และทำอย่างต่อเนืองไปประมาณเดือน หรือสองเดือน เพือเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจอย่างแท้จริง  อีกทั้งในระดับโรงเรียน ก็ควรจะมีการสอนในเรืองเหล่านี้แก่เด็กด้วย จึงจะเป็นการปลุกผังจิตสำนึกได้อย่างยาวนาน  (ที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงเรืองเหล่านี้แค่เล็กน้อยในกลุ่มคนทำโทรทัศน์ แต่ไม่ได้กระจายถึงกลุ่มบริโภคหลัก)

อีกอย่าง รายการ ทั่วไป  มักจะเสนอหลังจาก รายการละครน้ำเน่า (แนะนำ หรือห้ามเด็กดู)  ถามว่า ถ้าจะเสนอดึกขนาดนั้นเด็กที่ไหนจะมานั่งดู (เพราะเรารณรงค์ให้เด็กนอนแต่หัวค่ำ)   แต่รายการไม่เหมาะสมกลับฉายในช่วงที่เด็กยังนั่งดู นั่งทำการบ้าน ดังนั้นการจัดผังรายการควรคำนึกถึงวิถีชีวิตของครอบครัวด้วย  ไม่ใช่คิดแค่ว่า เอาฉลากมาแปะบนหนัง แล้วก็หมดภาระของผู้ผลิตละ

ผู้ผลิตบอกว่าประชาชนเขามีความคิดเขาแยกแยะได้เพราะดูจากฉลาก แต่ในมุมกลับ ถ้าเขามีความคิดแยกแยะได้  ก็ไม่ต้องร้อนให้ท่านหาฉลากมาแปะหรอก

และที่สำคัญ  มีหลายรายการที่ห้ามเด็กต่ำกว่าสิบแปดปี ดู 

แต่มีผู้ใหญ่ความคิดเด็ก แยกแยะไม่ได้ก็มาก และคนเหล่านี้ ทำความรุนแรงได้มากกว่าเด็กด้วยซ้ำ 

จึงอยากให้คำนึงถึงประเด็นนี้ด้วย

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 181866เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2008 06:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 18:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับ

เมื่อคืนมีข่าวต่อเนื่องจากประเด็นนี้ โดยมีการสัมภาษณ์บุคคลในวงการสื่อ ผมสะดุดกับคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าของนิตสารบันเทิงชื่อดังเล่มหนึ่งที่ยืนยันในทำนองที่ว่า "สื่อไม่มีผลกับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะละคร เพราะเด็กไม่น่าจะดู แต่จะดูหนัง ฟังเพลงมากกว่า" ซึ่งน่าเป็นห่วงในฐานะคนทำสื่อ ถ้ามีทัศนะอย่างนี้ก็ยากที่เราจะได้เห็นสื่อสร้างสรรค์ดีดี จากคนทำสื่อที่ขาดความรับผิดชอบแบบนี้

ซึ่งจริงๆ คงไม่ใช่เฉพาะเด็กและเยาวชนเท่านั้นที่ถูกอิทธิพลของสื่อครอบงำ หากแต่ประชาชนคนทั่วไปเองก็ถูกโฆษณาชวนเชื่อหลายๆ ชิ้นหลอกเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้วมากมาย ดังนั้นปัญหานี้คงต้องมีการหยิบยกขึ้นมาทำเป็นวาระที่ต้องมีการแก้ไขร่วมกันครับ

ด้วยความเคารพรัก

 

ขออนุญาตนำไปรวม ขอบคุณมากครับ.................รวมตะกอน

ขอบคุณ คุณกิตติพงศ์ มากนะครับที่ร่วมมาต่อยอดเรียนรู้

 

เห็นด้วยนะครับ น่าเป็นห่วงถ้าคนทำสื่อยังไม่รู้รับผิดชอบ ว่าิสิ่งที่ตัวเองทำออกไปมีผลกระทบอะไรต่อสังคมบ้าง มันทำให้ผมแปลกใจคนทำสื่อก็ต้องเรียนวิชา จิตวิทยาสังคม จิตวิทยาผู้บริโภค หรือแม้แต่จิตวิทยาทั่วไป ก็ยังพูดถึงอิทธพิพลของสื่อ

 

การจะบอกว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ เลยเนี่ย ดูเหมือนจะไม่มีสำนึกรับผิดชอบใดๆ เอาเสียเลยในฐานะคนทำสื่อ

 

จำไม่ผิดเมือเดือนก่อน  เด็กไม่ถึงสิบขวบข่มขื่นเพือนหญิง เพราะอยากลองทำตามหนังโป้ละ ครับ จะอธิบายว่าอย่างไร

 

แม้ว่าอุบัิติการณ์แบบนี้เกิดไม่บ่อย  แต่เพียงแค่เกิดเรืองเศร้าแค่ครั้งเดียว ก็มากเกินพอแล้วครับ

ขอบคุณ คุณสิทธิรักษ์

 

ขอบคุณสำหร้ับการนำเอาไป รวมตกตะกอน

 

ด้วยความยินดีครับผม

รายการมีจัดเรท แต่โฆษณาระหว่างรายการไม่จัดเรท ปากว่าตาขยิบ ตกลงจะทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าได้ทำแล้ว หรือทำเพื่อสังคมจริงๆ ต้องตอบให้ได้

ขอบคุณ คุณ little Jazz

นั่นดิ ครับ ในเมืองไทยยังมีอะไรหลายอย่างที่ลักลั่น หรือขัดแย้งกันเอง สงสัยจะีมีเรืองผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ เลย ปากว่า ตาขยิบ กันไปนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท