หนังสือถอดบทเรียนเศรษฐกิจพอเพียง เล่มที่ ๑๒ เป็นของโรงเรียนร่มเกล้าปางตอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งจัดทำโดย สรส.ด้วยความสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ของการเป็น โรงเรียนแห่งการพึ่งพาตนเอง เป็นที่บ่มเพาะต้นกล้าแห่งความพอเพียง ท่ามกลางทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยความเป็นอยู่ของชาวเขาตามแนวตะเข็บชายแดน ที่แตกต่างจากคนเมือง ทุกชีวิตที่เป็นเด็กชนเผ่าไทยปะปนไปกับเด็กชนเผ่าลีซอ กะเหรี่ยง มูเซอ เป็นต้น จึงต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง รู้จักพอใจในสิ่งที่มีอยู่ และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า....
หลักคิดวิเคราะห์ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนร่มเกล้าปางตอง ที่นำลงสู่การปฏิบัติจริงจนประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในวิชา การงานอาชีพอีกแห่งหนึ่ง ที่เด็กๆสามารถนำไปเผยแพร่ต่อที่บ้าน ซึ่งมีอาชีพทำไร่ทำนา เป็นส่วนใหญ่ หรือนำความรู้ไปประกอบอาชีพต่อไป โดยไม่ต้องไปหางานทำในเมือง ซึ่งมีความยากลำบาก เพราะปัญหาทางสัญชาติและทะเบียนราษฎร์ สำหรับแนวปฏิบัติดังกล่าว อาจจำแนกให้เห็นเด่นชัด ดังนี้
* พึ่งตนเอง..คาถาการบริหาร..โปรด อย่าเข้าใจผิดว่า การพึ่งตนเองคือไม่ต้องการพึ่งพารัฐ หรือไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครเลย ในความเป็นจริงคือ ต้องรู้จักเชื่อมประสานและเปิดรับความช่วยเหลือในลักษณะ การให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างสมเหตุสมผล เพื่อต่อยอดจากพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองที่ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว คือการบริหารความขาดแคลนให้อยู่รอดได้ เช่น
โครงการเกษตรครบวงจร ..หนึ่งฐานชีวิตและการเรียนรู้ จากแนวคิดการพึ่งตนเองให้เกิดความพอมีพอกิน ด้วยความพอประมาณ คำนึงถึงความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัว โดยตระหนักถึงการพัฒนาอย่างเป็นลำดับขั้นตอนที่ใช้ความรู้ คู่คุณธรรมของ การสร้างความเพียรในการปฏิบัติเพื่อความมั่นคงของการดำรงชีวิต ได้ปรากฏให้เห็นเป็นผลงานด้านเกษตรอย่างครบวงจรของนักเรียนที่ กระจายภายในบริเวณโรงเรียน หน้าบ้านพัก หรือหน้าหอพัก ซึ่งก่อดอกออกผลใช้เป็นอาหารเลี้ยงตนเองอย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งมีเหลือไปขายหารายได้ ในแนวทางของ โครงการธนาคารอาหารชุมชน ( Food Bank ) ที่ให้ความรู้แก่นักเรียน โดยจัดเป็น กลุ่มงานเกษตรกลาง ในการหมุนเวียนการฝึกงานและช่วยกันรับผิดชอบงานเกษตร ในช่วงก่อนเข้าเรียน ตั้งแต่เวลา ๖.๐๐-๗.๐๐น. ตลอดปีการศึกษา รวมทั้งในระยะปิดเทอมที่เด็กอาสาจะดำเนินการงานเกษตรในโครงการนี้ เพื่อหารายได้เสริมอีกด้วย กิจกรรมนี้ ได้แก่
--- กลุ่มแปลงเกษตรแบบขั้นบันได
--- กลุ่มฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หลากหลายประเภท เช่น ฟาร์มไก่บนบ่อปลา ฟาร์มหมูหลุม/หมูบ้าน ฟาร์มกระต่าย เป็นต้น
--- กลุ่มยุวหมอดิน ดูแลพัฒนาเรื่องดิน รวมถึงการทำปุ๋ยบำรุงดินตามรายวิชา โดยเฉพาะในบางฤดูกาล เช่น ฤดูฝน ที่ไม่สามารถปลูกพืชได้เลย เพราะมีปัญหาเรื่องความเข้มของแสง และรากเน่าเพราะฝนตกชุกเกินไป ทั้งนี้ได้รับความรู้และสนับสนุนจากโครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาหน้าดินจากกรมพัฒนาที่ดิน
--- กลุ่มยุวเกษตรกร ดูแลแปลงเกษตรรวมในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรพื้นที่สูง
---- สหกรณ์รับซื้อผลผลิตทางเกษตร เพื่อจัดการเรื่องการจำหน่ายแก่สมาชิก และบริหารรายได้ และรณรงค์การออมทรัพย์ของสมาชิก
* การแบ่งปันความรู้..ครู-นักเรียน นอกห้องเรียน ครูไม่ได้รู้ทุกอย่าง :
ครูปุรเชษฐ์ มธุรส ครูสอนการงานอาชีพ เล่าว่า " เราไม่ใช่คนที่นี่ ความรู้บางอย่างได้จากนักเรียนที่เรียนรู้มาจากพ่อแม่ และชุมชน เช่น สมุนไพรบางอย่าง พืชผักแปลกๆ เมื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ครูจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น ส่วนนักเรียนก็ได้เนื้อหาสาระจากครู "
โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.scbfoundation.com/news_publish_detail.php?cat_id=6&nid=325
----------------------------------
สวัสดีค่ะ พี่นงนาท
ในแต่ละท้องถิ่น ก็จะมีการขาดแคลนไม่เหมือนกัน
สิ่งขาดแคลน ก็เป็นประหนึ่ง วงจรขาดไป เหมือน โซ่ ขาด ไป ค่ะ
ล้วนต้องอาศัยเวลา.....
ขอให้กำลังใจ สู้ๆๆๆ นะคะ ถ้ารุ่นเก่าไม่ทัน ก็เป็นประโยชน์ สำหรับรุ่นใหม่ๆ ค่ะ สำคัญที่ความต่อเนื่อง และ มุ่งมั่นพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เติมเต็มสิ่งเก่าที่ยังขาดแคลนอยู่ แม้จะไม่ได้เดินทางด้วยวิธีเดิมๆ เดินทางแบบใหม่ไหนๆ ด้วยใจ และปัญญา ก็แก้ปัญหาได้เหมือนกันค่ะ.....
*ขอบคุณน้องใบไม้ค่ะ...น้องๆโรงเรียนนี้ใจสู้เต็มร้อยค่ะ...
*ผอ.ธนา อ่อนเกิด เล่าว่า.." เจ้านายคนหนึ่งพูดว่า อย่าอ้างความขาดแคลนในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่มีที่ไหนสมบูรณ์แบบ..ทุกที่ขาดแคลนทั้งนั้น..แต่อยากเห็นคุณรู้จักแก้ปัญหาบนความขาดแคลนมากกว่า "...
nongnarts
ประทับใจความหมายของคาถาการบริหารนี้ค่ะ
พึ่งตนเอง..คาถาการบริหาร..รู้จักเชื่อมประสานและเปิดรับความช่วยเหลือในลักษณะ การให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างสมเหตุสมผล เพื่อต่อยอดจากพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองที่ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว คือการบริหารความขาดแคลนให้อยู่รอดได้
ได้ข้อคิดหลังจากอ่านบันทึกนี้แล้วด้วยค่ะ ปรับสำหรับงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ คือ การแก้ตัวไม่ช่วยอะไร และเวลาก็สูญเสียไปทุกขณะ ลงมือทำเลยนั้นดีกว่า ทำผิดก็เป็นครู และทุกคนไม่ได้รู้ทั้งหมด ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ..คุณดาวลูกไก่ที่เห็นประโยชน์..ขอให้กำลังใจนะคะ
nongnarts
สวัสดีค่ะคุณพี่
ครูอ้อยเป็นกำลังใจให้คุณพี่ และคนไทยทุกคนค่ะ
ขอบคุณครูอ้อยนะคะ...คนไทยร่วมด้วยช่วยกันมีอยู่มากค่ะ..
nongnarts