นมัสการหลวงพี่
นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
การใช้สรรพนามแทนพระ เราจะใช้อย่างไรบ้าง ในกรณีต่อไปนี้ค่ะ
ขอบพระคุณพระคุณเจ้าล่วงหน้า สำหรับคำอธิบายค่ะ
เรื่องดอกบัวที่คุณยายคนที่ไปรอรับเสด็จ ที่จริงดอกบัวที่ยายคนนี้เตรียมไปยังสดชื่น ยังสวยอยู่ แต่ยายไปรอรับเสด็จตั้งแต่เช้าจนเที่ยงกว่าจะได้ชมพระบารมี ดอกก็บัวขาดน้ำและตากแดดนานก็เลยเหี่ยวเฉาก่อน กว่าจะได้ถวายกับพระหัตถ์ ก็กลายเป็นดอกบัวเฉา คนที่ถ่ายภาพนี้ เป็นหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะเหมือนอมิตตาหรือไม่นั้นก็ต้องดูที่เจตนาตอนแรก เจตนาตอนแรกของคุณยายคนนี้ตั้งใจจะถวายดอกบัวที่กำลังบานสวย แต่เจตนาของอมิตตาในคราวที่ถวายดอกบัวเหี่ยวเฉาเป็นอย่างไร ไม่ชัดเจน อย่างน้อยหละไม่ถูกต้องตามหลักสัปปุริสทาน คือการให้ทานของคนฉลาด ส่วนเรื่องที่คุณครูถามจะตอบในภายหลัง...
คุณโยมยายก็แวะมา ชีวิตของคนเราจริง ๆ มีจริงเหมือนลักษณะบุรุษโทษ ๑๘ ประการหรือไม่นั้น คุณยายเป็นพยาบาลคงจะได้เห็นอยู่เสมอ แต่ก็คงจะไม่ครบทั้ง ๑๘ ประการ อย่างมากก็คงมีสองสามประการที่อัปลักษณ์ มองดูแล้วสะดุดตา
นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
เก็บความคิดเห็นเป็นบันทึก คลอดแล้วค่ะ ประเดิมด้วย ความคิดเห็นของพระคุณเจ้าค่ะ
บทอุทิศบุญที่มีคำว่า "ทุรภาคอภัพฐาน สิบแปดประการ" นั้น เป็นอินทรวิเชียรฉันท์จริง ๆ ที่เห็นมีสัมผัสระหว่างคำสุดท้ายในวรรคแรก กับคำที่สามในวรรคที่สองนั้น ท่านว่าเป็นสัมผัสไม่บังคับ แต่นักแต่งปัจจุบันนิยมทำให้มีจะได้เพิ่มความไพเราะ สมัยก่อนท่านไม่มีสัมผัส ลักษณะนี้ก็คงจะเหมือนกับกาพย์ยานี ในวรรคสุดท้าย สุนทรภู่ก็เติมสัมผัสลงไปอีกเพื่อเพิ่มความไพเราะ
แต่กาพย์ยานี ๑๑ ก็ได้แบบมาจาก อินทรวิเชียรฉันท์ในบทรัตนสูตร ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ยานีธ ภูตา- นิ สมาคตานิ เพียงไม่มี ครุ-ลหุ เท่านั้นเอง
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ จะติดตามอ่าน และปฏิบัติ อย่างดี ที่สุดเจ้าค่ะ