จุดเริ่มต้นของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนานักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) เรื่อง "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข"
เมื่อดิฉันได้รับแจ้งจากรองคณบดีฝ่ายวิชาการว่า ให้ดิฉันช่วยอาจารย์อ้อย ทำงานของโครงการผลิตบัณฑิตหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) ซึ่งนักศึกษาหลักสูตรนี้จะสำเร็จการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ในตอนแรกรองฯ ได้มอบหมายให้ดิฉันช่วยปฏิบัติงานในด้านการคิดงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งได้มอบหมายให้ดิฉันช่วยอาจารย์อ้อยวางแผนโครงการและกิจกรรม โดยเน้นการพัฒนานักศึกษาในด้านจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู พร้อมทั้งมีคุณธรรมจริยธรรมตลอดจนการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดิฉันรับข้อมูลมา... แต่ในใจก็คิดค้านตัวเอง ไม่ใช่เพราะเลือกงาน หรือไม่ใช่เพราะไม่อยากทำงาน แต่...ดิฉันกลับคิดว่าตัวดิฉันเองคงไม่มีความสามารถมากมายขนาดนั้น คิดหนัก..เพราะเกรงว่าจะทำไม่ได้ เกรงว่าทำแล้วจะไม่ดี เกรงว่าทำแล้วไม่ถูกใจคณาจารย์ทีมงาน
แต่อาจจะด้วยคำพูดที่ติดปากดิฉันมาตลอด คือ "ค่ะ" "ได้ค่ะ" "ไม่เป็นไรค่ะ" จน อ.วัส แซวดิฉันอยู่ประจำ (แต่ในใจก็คิดอยู่เสมอว่า..ก็จะให้ตอบยังไงล่ะ ก็หนูเป็นผู้น้อยนี่..เมื่อผู้บริหารใช้ให้ทำอะไรก็ต้องทำ และต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด)
แต่ดิฉันโชคดีที่ อ.อ้อย และอ.วัส ทั้งสองท่านเก่งในเรื่องของการเขียนโครงการ การคิดกิจกรรม อ.วัสจึงได้เสนอให้มีกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (กิจกรรมที่ 1) โดยใช้ชื่อว่า "โรงเรียนแห่งความสุข" จากนั้นก็นำมาเสนอต่อรองฯ และทีมงาน (ซึ่งทีมงานนี้มีเพียงไม่กี่คน) รองฯจึงให้เพิ่มคำว่า "แนวทาง" นำหน้า ดังนั้นทางทีมงานก็ได้มีมติร่วมกันให้ใช้ชื่อโครงการว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมประสบการณ์วิชาชีพครูเรื่อง "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข" โต๊ะประชุมของทีมงานนั้นก็คือโต๊ะทำงานของรองคณบดีฝ่ายวิชาการนั่นเอง และโต๊ะนี้ก็จะเป็นโต๊ะทำงานที่สนุกสนานเฮฮา ก็อาจจะด้วยเพราะรองฯ ของพวกเราท่านเป็นคนอารมณ์ดีก็เป็นได้ กอรปกับคณาจารย์ทีมงานทุกท่านก็ล้วนแต่เป็นคนอารมณ์ดีกันทั้งนั้น และนี่ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ "โรงเรียนแห่งความสุข"
เมื่อที่ประชุมทีมงานได้มีมติเห็นชอบในข้อเสนอแนะของ อ.วัสแล้ว ทีมงานจึงร่วมกันคิดในส่วนของกิจกรรมที่ 2 และกิจกรรมที่ 3 ไปพร้อม ๆ กัน
ดังนั้นคณะครุศาสตร์จึงได้จัดให้มีกิจกรรมพัฒนานักศึกษา จำนวน 3 กิจกรรม
กิจกรรมที่ 1 คือ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข"
กิจกรรมที่ 2 คือ โครงการอบรมคุณธรรมจริยธรรม "ครูดี..เป็นได้ง่ายนิดเดียว"
กิจกรรมที่ 3 คือ นิทรรศการ "ศึกษา แลกเปลี่ยน บทเรียน บทรู้ การเป็นครู..เพื่อศิษย์ สู่สังคม"
และทุกศูนย์การเรียน ซึ่งได้แก่ ศูนย์เวียงบัว(เชียงใหม่), ศูนย์แม่สะเรียง และศูนย์วิทยาลัยแม่ฮ่องสอน นั้นจะต้องมีการดำเนินกิจกรรมทั้ง 3 กิจกรรม
ซึ่งในที่นี้ดิฉันจะขอกล่าวถึงกิจกรรมที่ 1 โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข" เราเริ่มต้นจากการกำหนดงบประมาณในการดำเนินโครงการเป็นอันดับแรก ซึ่งหน้าที่นี้ทางทีมงานได้มอบหมายให้ดิฉันเป็นผู้รับผิดชอบ (ณ ขณะนั้น..พูดกับตัวเองว่าเราพลาดไม่ได้นะ)
จากนั้นทีมงานก็ได้มีมติร่วมกันว่าจะเริ่มต้นจัดที่ศูนย์แม่สะเรียงก่อน แล้วต่อด้วยศูนย์แม่ฮ่องสอน เมื่อได้กำหนดวัน เวลา และสถานที่ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงได้แบ่งหน้าที่กัน (สิ่งหนึ่งที่ดิฉันประทับใจในทีมนี้ก็เนื่องจากว่าคณาจารย์ทีมงานทุกท่านให้ความเป็นกันเอง ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีคำว่ารองฯ ไม่มีคำว่าอาจารย์ ไม่มีคำว่าเจ้าหน้าที่ พวกเราทุกคนคือทีมเดียวกัน...) เริ่มต้นจาก อ.พร รับหน้าที่ทำหนังสือแจ้งอาจารย์ผู้สอน และนักศึกษา อ.อ้อย และ อ.วัส รับหน้าที่ประสานวิทยากร และเชิญวิทยากร รวมทั้งกำหนดการจัดอบรม ส่วนดิฉันรับหน้าที่ในด้านเอกสารทุกอย่างเริ่มตั้งแต่จดหมายเชิญวิทยากร จดหมายขออนุญาตใช้สถานที่ จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการดำเนินกิจกรรม จัดทำเอกสารประกอบการอบรม ฯลฯ
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2553 เวลา 16.30 น. ทีมงานพร้อมกันที่สำนักงาน ส่วนการต้อนรับทีมวิทยากรนั้น อ.วัส และ อ.อ้อย เป็นผู้ดำเนินการ และเป็นครั้งแรกที่ทีมงานได้รู้จักกับทีมวิทยากรที่ล้วนแต่มีความรู้และประสบการณ์
นำโดย อาจารย์จตุพร วิษศิษฎ์โชติอังกูล, อาจารย์พนัส ปรีวาสนา และ อาจารย์พิศมัย เทวาพิทักษ์ (ในใจของดิฉัน ณ เวลานั้นกำลังคิดว่า "วิทยากรของเรายังวัยรุ่นอยู่เลยนะ")
เริ่มออกเดินทางเวลา 18.30 น. (เหตุที่ทีมงานต้องออกเดินทางตอนค่ำก็ด้วยเนื่องจากอาจารย์บางท่านติดภาระงานสอน) โดยรถตู้ปรับอากาศที่ทีมงานเช่าเหมา ซึ่งคนขับรถก็คือศิษย์เก่าของคณะเรานั่นเอง บรรยากาศของการเดินทางในช่วงแรก ๆ เป็นไปอย่างธรรมดา ๆ มีการพูดคุยกันบ้างเล็กน้อย อาจด้วยเนื่องจากพวกเราทีมงานเกรงใจทีมวิทยากรก็เป็นได้ มีการพูดคุย ซักถาม กันบ้างระหว่างทีมงานกับทีมวิทยากร และแล้ว...บรรยากาศของความสนุกสนานก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อท่านวิทยากร อาจารย์พิศมัย เทวาพิทักษ์ ได้เล่าเรื่องตลกให้ทุกคนฟัง เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้น จากนั้นแต่ละท่านก็เริ่มมีเรื่องเล่าสู่กันฟัง ทุกคนเฮฮาสนุกสนานไปตลอดทาง
23.30 น. ถึงจุดหมายปลายทาง โรงแรมริเวอร์เฮาส์รีสอร์ท อ.แม่สะเรียง เมื่อทุกคนCheck In เรียบร้อยแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
วันที่ 25 ธันวาคม 2554 เริ่มต้นการอบรมเชิงปฏิบัติการ "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข" ครั้งที่ 1 ณ ศูนย์แม่สะเรียง (โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร)
ทีมงานและทีมวิทยากร ต่างทำหน้าที่ของตนเอง ตัวของดิฉันเองในตอนแรกก็ทำตัวไม่ถูก อาจเป็นเพราะว่ายังไม่เข้าใจในกระบวนการก็เป็นได้ ดิฉันจึงได้แต่ทำหน้าที่คอยประสานงานกับแต่ละท่าน จัดการในส่วนของการลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมเท่านั้น แต่..สายตาของดิฉันมองไปยัง อาจารย์อ้อย, อาจารย์พิศมัย และแฟนของอาจารย์อ้อย จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ในกระบวนการ ดิฉันจึงขออาสาช่วยทำด้วย (เพราะเห็นว่าน่าสนุกดี...)
ส่วนวิทยากรก็เริ่มดำเนินกิจกรรม ไปตามกระบวนการ "โรงเรียนแห่งความสุข"
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ดิฉันเองไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือทีมวิทยากร และทีมงานมากมายนัก อาจเป็นเพราะตัวดิฉันเองยังไม่เคยสัมผัสกับวิธีการดำเนินกิจกรรมแบบนี้ ก็ได้แต่โทษตัวเองที่ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มศักยภาพ
จนถึงเวลา 17.00 น. ก็ถึงเวลาสิ้นสุดกระบวนการ ณ ขณะนั้นอากาศเริ่มเย็นมาบ้างแล้ว เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว ทีมงานจึงได้เก็บของขึ้นรถเตรียมตัวออกเดินทางไปยัง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินการจัดอบรมต่อให้กับนักศึกษา ณ ศูนย์วิทยาลัยแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 26 ธันวาคม 2554 .....
ติดตามบันทึกต่อไป "แนวทางการพัฒนาโรงเรียนแห่งความสุข" ณ ศูนย์วิทยาลัยแม่ฮ่องสอน เร็ว ๆ นี้นะคะ
บุญรักษาทุกท่านค่ะ ^_^
แวะมาให้กำลังใจไว้ก่อนครับ ;)...
ขอบคุณค่ะ อ.วัส รู้ว่าอ.วัสรอผลงานอยู่ ก็เลยรีบเผยแพร่ค่ะ ขอบคุณกำลังใจจาก "คุณครู" ที่แสนดีนะคะ ^_^
ชื่นชมให้กำลังใจคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่เป็นคนสำคัญผลักดันคนหน้างาน
คุณ noomam lek คือคนสำคัญ
เป็นกำลังใจในการทำงานเสมอ..สิ่งที่เราคิดว่าเราทำดีแล้วก็รักษามันเอาไว้นะจ๊ะ..อย่าไปบั่นทอนกำลังใจตัวเองด้วยคำพูดของคนอื่น..จงให้กำลังใจตัวเองทุกวัน.."คิดว่าทำได้ย่อมมีโอกาสกว่าคนที่คิดว่าทำไม่ได้" สู้ ๆ จ้า
ขอบคุณกำลังใจจากคุณผู้ผ่านมาอ่านมาก ๆ นะคะ ^_^
ขอบคุณเจ๊ kero-jung มาก ๆ ค่ะ ที่ให้กำลังใจ วันไหนที่กำลังใจน้องหมดนั่นก็เพราะว่าสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวน้องนั่นแหละ ได้แต่คอยปลอบใจตัวเองไปเป็นพัก ๆ ค่ะ
อ.วัส คนทำงานถึงจะมาทำงานแบบแว่บไปแว่บมา ก็คือคนทำงานเช่นกัน แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย เราควรให้เกียรติเขาเช่นกัน ถึงเขาจะทำงานแว่บมาแว่บไปเขาก็ยังได้ชื่อว่าทำงาน การที่คนมีคนอื่นมีน้ำใจมาช่วยกันทำงานเราควรจะขอบคุณในน้ำใจเขาด้วยซ้ำ ขอโทษที่มองต่างมุม ไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง...
นี่เป็นจดหมายเหตุชั้นเลิศขององค์กรเลยครับ..ลำดับวันเวลา เหตุการณ์ได้อย่างแจ่มชัด
บางครั้ง การได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชานั้น อาจทำให้เรารู้สึกอึดอัดบ้าง เพราะเป็นเรื่องใหม่ ไม่คุ้นเคย..ไม่สันทัด ...ขาดความมั่นใจ
สิ่งเหล่าเป็นเรื่องทัศนคติที่เกิดขึ้นกับเรา ผ่านกระบวนการหลายอย่าง เช่น ขาดโอกาสในการแสดงศักยภาพด้วยก็เป็นได้
สิ่งเหล่านั้น กลายเป็นความกลัวที่ลากและฉุดให้เราหวั่นหวาด และหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่เมื่อเราเริ่มต้นทำ หรือลงมือทำ เรากลับรู้สึกและสัมผัสได้ว่า "เราทำได้"...
เราทำได้-อาจหมายถึง เรามีศักยภาพอยู่แล้ว แต่ขาดโอกาสในการทำ หรือเราทำได้เพราะเรามีพลังใจในการเรียนรู้และมีทัศนคติที่ดีต่อการจะพัฒนาตัวเองและองค์กร หรือทำได้ เพราะเรามีคนรอบกายที่ทำหน้าที่ "โค้ช" ให้กับเราอย่างจริงจัง..จริงใจ หรือแม้แต่เราทำได้เพราะเรามี "ทีม" ที่ดี
ผมชื่นชมครับ...
เริ่มต้นได้ดี มีพลัง...และงดงาม แล้ว...
ขอบคุณอาจารย์พนัสค่ะ เป็นความโชคดีของนู๋ที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมวิทยากรที่ล้วนมีความสามารถและประสบการณ์ เป็นโอกาสที่ได้มุมมอง แนวคิดใหม่ ๆ ทำให้มีพลังในการเรียนรู้ ถึงแม้ในบางครั้งเราอาจจะรู้สึกเหนื่อยและท้อ แต่โค้ชทุกท่านได้ช่วยกันเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป ทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ขอบคุณวิทยากรทุกท่าน ขอบคุณท่านรองฯ ขอบคุณทีมงานทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ขอบคุณค่ะ
สำคัญ ต้องไม่ลืมขอบคุณตัวเองนะครับ...เพราะหัวใจของคนทำงานยิ่งใหญ่เกินบรรยาย...
รออ่านบันทึกต่อไปอยู่นะครับ
ตามมาสนับสนุนและเห็นด้วยกับคุณ แผ่นดิน ;)...
จงขอบคุณตนเองเดี๋ยวนี้ครับ อิ อิ
เพราะ "หัวใจ" ตัวเองเป็นคนที่สั่งให้ "ชีวิตต้องก้าวเดินไปข้างหน้า" มิใช่หรือครับ
ไม่ว่าจะมีคนทักท้วง พ่วงมาด้วย แต่เราก็ยังเลือกที่จะทำโครงการ "โรงเรียนแห่งความสุข" จนสำเร็จในระดับที่เราพอใจ ใช่ไหมครับ
และรอบันทึกที่ร่างไว้นั้นเช่นกันครับ ;)...
นั่นสิคะ ลืมขอบคุณตัวเองไปเลยค่ะ ขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ขอบคุณตัวเองที่มีหัวใจนักสู้อย่างเต็มที่ไม่ยอมให้สิ่งแวดล้อมที่มากระทบนั้นบั่นทอนจิตใจของตัวเอง สำหรับบันทึกต่อไปนั้นขณะนี้กำลังร่างอยู่ค่ะ ต้องขออภัย อ.พนัส และอ.วัส มาก ๆ นะคะ ช่วงนี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้นู๋ไม่มีสมาธิในการเขียนเลยค่ะ
ขอบคุณกำลังใจจากคุณปณิธิ ภูศรีเทศ มาก ๆ ค่ะ สำหรับบันทึกต่อไปนั้นตอนนี้ใกล้เสร็จแล้วค่ะ ติดตามตอนต่อไปได้ในเร็ว ๆ นี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ตามอาจารย์ was น้องเอก น้องแผ่นดินมาเชียร์ มีพี่พิศมัยด้วย อ่านแล้วมีความสุขมากๆๆ
ขอชื่นชมครับ...
๙ ปีแล้วเหรอ กลับมาอ่านอีกรอบ มีความสุขน่าดู
เขียน เขียน เขียนต่อนะ ;)…