แม่จะบอกลูกหลานเสมอว่า คับที่อย่าให้คับใจ ...
ต้นลีลาวดีที่แม่ชื่นชอบ
มีนิทานที่แม่มักจะเล่าให้ฟังเสมอ เวลาที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ และแม้เมื่ออยู่ในวัยทำงานแล้ว คนไม่มีรากเป็นลูกคนสุดท้องที่อายุห่างจากพี่ ๆ มาก จึงคล้ายหลานมากกว่าจะเป็นลูกของพ่อแม่ ทำให้ติดนิสัยต้องนอนกับแม่ตั้งแต่เด็กจนโต (แก่) ก่อนนอนบนเตียงเราก็จะกอดกัน คุยกันกระหนุง กระหนิง จนหลับกันไปข้างหนึ่ง มีนิทานเรื่องหนึ่งที่แม่มักจะเล่าอยู่เสมอ เมื่อได้ยินลูกหลานบ่นถึงการทำงานที่ไม่ได้อย่างใจ เจอเพื่อนร่วมงานบางคนที่ไม่ถูกอัธยาศัย หรือแม้กระทั่งต้องถูกมอบหมายให้ไปทำงานที่ไม่ชอบ ไม่ถนัดเลย
มีครอบครัวหนึ่ง มีอาชีพทำนา ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกอีก 3 คน ทั้ง 5 ชีวิตอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่ง ครอบครัวนี้มีวัว 1 ตัว ตัว ม้า 1 ตัว ซึ่งเลี้ยงไว้นอกกระท่อม ผู้เป็นภรรยามักจะบ่นว่าสามีอยู่เสมอที่ไม่สามารถหาเงินหาทองมาต่อเติมสร้างบ้านให้ใหญ่โตมั่นคงเทียมหน้าเทียมตาเพื่อนบ้านได้
วันหนึ่งพ่อแม่ของภรรยาเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวและครอบครัว และต้องพักอาศัยอยู่ด้วย กลายเป็นสมาชิก 7 คน ในกระท่อมหลังเล็กนั้น ยิ่งทำให้ผู้เป็นภรรยาโกรธและบ่นว่าสามีมากขึ้น ผู้เป็นสามีจึงไปปรึกษากับผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ซึ่งได้แนะนำให้ไปหาผู้วิเศษท่านหนึ่งซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ผู้วิเศษนี้ได้ชื่อว่าสามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา เป็นผู้ล่วงรู้อนาคตฟ้าดิน และเป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้านมาก
เมื่อชาวนาเข้าไปหาผู้วิเศษและเล่าให้ฟังว่าจะทำอย่างไรกับภรรยาซึ่งบ่นว่าเรื่องบ้านที่คับแคบในเมื่อเขาไม่มีเงินทองมากพอจะสร้างบ้านตามที่เธอต้องการได้ ผู้วิเศษถามว่า
อ้อ...เจ้ามีสัตว์เลี้ยงอะไรบ้าง
มีวัว 1 ตัว และม้า 1 ตัวครับ...
อะไรสำคัญกว่าเล่า ...
วัวต้องใช้ไถนา ม้าต้องใช้เดินทางครับ... ชาวนารีบอธิบายเกรงว่าผู้วิเศษจะให้เขาขายสัตว์เลี้ยง
งั้นคืนนี้ก็เอาวัวเข้าไปไว้ในบ้านด้วย...
โอ...บ้านผมแคบจะตายไปแล้ว..นี่ยังจะ...
แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวผู้วิเศษ ชาวนาจึงทำตามที่ผู้วิเศษบอก ภรรยาแม้จะบ่นแต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของผู้วิเศษจึงยอมทำตาม คืนแรกนั้นชาวนาและภรรยานอนหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะคน 7 คน กับวัวอีก 1 ตัวเกือบจะเต็มห้องอยู่แล้ว ตอนเช้าชาวนารีบกลับไปหาผู้วิเศษและเล่าให้ฟังว่านอนไม่ค่อยหลับ เพราะวัวหายใจเสียงดังทั้งคืน ขอให้ช่วยหาทางแก้ไขอย่างอื่นให้
...ถ้าอย่างนั้นก็เอาม้าเข้าไปไว้ในบ้านด้วยอีกตัวหนึ่ง...ก็แล้วกัน.. ท่านผู้วิเศษบอกเบา ๆ
ชาวนากลับมาบ้านเล่าให้ภรรยาฟัง และจำใจทำตามที่ผู้วิเศษบอก คืนนั้นชาวนาและภรรยาเกือบไม่ได้นอนเลยเพราะวัวมักจะกระทบกระทั่งกับม้าอยู่เสมอ เช้าวันรุ่งขึ้นชาวนาบางร่างอันสะบักสบอม ดวงตาร่วงโรยเพราะไม่ได้นอนมาพบผู้วิเศษอีกครั้ง
เป็นไงบ้างล่ะ...
ไม่ไหวแล้วครับท่านผู้วิเศษ...ผมคงตายแน่ถ้ายังทำแบบนี้ ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลย
อย่างนั้นรึ...งั้นคืนนี้เอาเจ้าม้านั่นออกมาซะ
วันรุ่งขึ้นชาวนามาหาผู้วิเศษอีก
เป็นอย่างไรบ้าง...
ดีขึ้นแล้วครับ ค่อยได้นอนหลับพักผ่อนหน่อย...
ดีแล้ว...คืนนี้เอาวัวออกมานอกบ้านด้วยนะ...
คืนนั้นทั้งชาวนาและภรรยามีความสุขและรู้สึกผ่อนคลายมาก เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อแม่ของภรรยาก็ขอตัวเดินทางกลับบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ชาวนามาพบผู้วิเศษด้วยใบหน้าที่สดชื่นแจ่มใสและขอบคุณที่ผู้วิเศษได้ช่วยให้เขาและครอบครัวมีความสุขมากขึ้น ภรรยาก็ไม่บ่นเรื่องกระท่อมที่คับแคบอีกเลย
แม่จะไม่สรุป แต่มักจะถามคนฟังว่าคิดอย่างไรแล้วให้เราสรุปเองมากกว่า ซึ่งแต่ละคนก็สรุปไม่เหมือนกัน แต่จะสรุปตามสถานการณ์ที่ตัวเองพบเจอมากกว่า ด้วยเหตุนี้นิทานเรื่องนี้จึงใช้ได้ในเกือบจะทุกสถานการณ์
แม่จะบอกลูกหลานเสมอว่า คับที่อย่าให้คับใจ อาจเป็นเพราะเราเป็นครอบครัวใหญ่มีสมาชิกมาก การกระทบกระทั่งนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายดายเหมือนลิ้นกับฟัน ถ้าไม่หนักแน่นคงมีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
เรื่องบางเรื่อง...ไม่เล่า...ก็กลัวว่าจะลืม
แต่เรื่องบางเรื่อง...ไม่ต้องเล่า...เพราะไม่มีวันลืม...
วันสงกรานต์...คิดถึงแม่...แม้แม่จะจากไปแล้ว...สิ่งที่แม่สอนด้วยความรัก ก็ยังคงติดตรึงอยู่กับใจเราเสมอ แม่ให้อาวุธทางปัญญาที่ทำให้เราสามารถอยู่ได้ในทุกสถานการณ์อย่างมีความสุข...กราบเท้าแม่...ด้วยความเคารพจ้ะ.