คำเตือน : บันทึกนี้เป็นเรื่องที่มีสาระน้อย... หากท่านมีเวลาจำกัดไม่ควรอ่าน...
สาวแมลงเม่ากับหนุ่มข้าวตอก เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาที่เดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกัน ลอกการบ้านกันบ้างเป็นบางวัน (เมื่อใครคนหนึ่งทำการบ้านไม่ทัน) กอดคอกันเฮฮา แบ่งปันขนมกัน ทะเลาะกันบ้างบางเวลา สรุปโดยรวมว่าเป็นเพื่อนสนิทต่างเพศกันตั้งแต่เล็กจนโต...ใคร ๆ ก็คิดว่าเจ้าคู่นี้เป็น...แฟนกัน ก็หนุ่มข้าวตอกนั้นแม้จะมีแฟนกี่คนกี่คน...ก็ยังต้องมาหาสาวแมลงเม่าทุกวันอาทิตย์หรือทุกครั้งที่อีกฝ่ายโทรให้มาหาหรือมารับ ต้องรับฟังสาวแมลงเม่าบ่นทุกข์ โวยวายในทุกเรื่อง แม้เรื่องการถูกหักอกจนหนุ่มหน้าตาดีที่บริษัท...
แมลงเม่า ตอก...แกว่างไหม ฉันอยากคุย...เสียงอ่อนระโหยโรยแรง...
ข้าวตอก ว่าไงเม่า...ฉันก็กำลังกินข้าวอ่ะ...แกนี่ชอบโทรมาตอนฉัน
กินข้าวนะ เป็นไงเนี่ย...เสียงบ่นนิดหน่อย
แมลงเม่า ........เงียบ......
ข้าวตอก เม่า...ไอ้แมงเม่า...เป็นอะไรฟ่ะ....ยัยเม่าเอ้ย...
แมลงเม่า ...........เงียบ.......
ข้าวตอก เออ ๆ ก็ได้ ๆ อยากคุยอะไร ฉันกินข้าวเสร็จแล้ว...เล่าเลย...
แมลงเม่า ตอก...แกเคยรู้สึกว่าตัวเอง...ถูกหลอกไหม...
ข้าวตอก เคยสิ...ก็แกแหละหลอกใช้ฉันประจำ...โอ๋ ๆ ล้อเล่นน่า...เล่า
ต่อ..เร็ว ๆ ฉันนัดน้องนิ้งว่าจะโทรไปตอนสามทุ่ม...
แมลงเม่า ....เงียบไปหนึ่งอึดใจ...งั้นฉันวางสายดีกว่า..แกจะได้คุยกับ
แฟนแก นี่เกือบสามทุ่มแล้วน่ะ...
ข้าวตอก ไอ้เม่า...นี่แกหัวล้านตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...เล่าน่า แฟนหาเมื่อไหร่
ก็ได้ แต่เพื่อนอย่างแกต้องสงวนพันธุ์ไว้ เพราะไม่มีอีกแล้วในโลก
...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ...จะเล่าไม๊...
แมลงเม่า เล่าก็ได้...จำได้ไหมที่ฉันบอกว่า..ฉันแอบปิ๊ง...หนุ่มแผนกบัญชี
ที่มาใหม่น่ะ...
ข้าวตอก จำได้สิ...ก็แกพูดถึงวันละ 3 เวลาหลังอาหารและก่อนนอน ยิ่ง
กว่ากินยาปฏิชีวนะอีก...ฉันงี้หูชาแล้วชาอีก...
แมลงเม่า ฉัน...เพิ่งรู้ว่า...เขามีแฟนแล้วล่ะแก...เสียงอุบอิบเบาลง...
ข้าวตอก อ้าว...ไหนแกว่าเขา...ทำทีท่าจีบแกไงล่ะ...
แมลงเม่า ฮือ ๆ ๆ ... คราวนี้เป็นเสียงคล้ายเสียงแทรกของคลื่นวิทยุ...
ข้าวตอก เม่า..ไอ้เม่า..เสียงละล่ำละลัก ด้วยความตกใจ ก็ยัยแมลงเม่า
น่ะ เคยร้องไห้กับเขาเสียเมื่อไหร่ หน้าระรื่นมีความสุขทุกวัน
ราวกับไม่เคยพานพบเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ ในโลกนี้
แมลงเม่า ...........
ข้าวตอก เออ...เม่า...ฟังนะ แกอยากร้องไห้ก็ร้องไปเหอะ..ถ้าทำให้รู้สึก
ดีขึ้นน่ะ...ฉันเคยได้ยินจิตแพทย์เขาว่านะ การร้องไห้น่ะ มัน
ช่วยลดความกดดันในใจนะ...จะได้สบายใจขึ้นไงล่ะ
แมลงเม่า ตอก..ฉันจะลาออกจากงานนี้แล้ว...อายจังเลย... ไม่อยากอยู่ดู
หน้าใครแล้ว
ข้าวตอก ...อืม...ทำไมต้องลาออกวะเม่า...เรื่องแค่นี้...เอง...
แมลงเม่า แค่นี้เอง...คราวนี้เสียงแหลมปรี๊ด...ฉันถูกหลอกนะ ถูกใช้เป็น
เครื่องมือโว้..เขาแกล้งมาจีบฉันเพื่อให้แฟนเขาโกรธ หึง... ฮือ ๆ
...ใช้ฉันเป็นเครื่องมือเนี่ยนะ ไม่เคยคิดถึงจิตใจฉันบ้างเลย
...ฉันก็คนนะ...มีชีวิตจิตใจนะแก...ตอก...ช่วยฉันที...ฉันเจ็บ
ที่หัวใจจัง...ฮือ ๆ ๆ ๆ ....
ข้าวตอก ....เออ..เม่า...ใจเย็น ๆ นะเม่า... เพื่อนรักท่าจะอาการหนักเสีย
แล้วคราวนี้
แมลงเม่า เห็นฉันเป็นตัวสำรอง...ฉันนี่แย่จังนะตอก อ่อนไหว อ่อนแอจัง
เขาแกล้งทำพูดดี ยิ้มให้ ใส่ใจหน่อย ฉันก็หลงคิดเป็นตุเป็นตะเอง
...คิดว่าเขาสนใจฉัน...เสียงยังเครือ...ด้วยอาการฟูมฟายน้ำตา
ข้าวตอก เอาน่า..เม่า สาวสวยอย่างแก...มีคนหมายปองเยอะแยะ จะไป
สนใจทำไมว้า...พนักงานบัญชีกระจอก ๆ พรรค์นั้น...อย่าง
น้อยก็ยังมีฉันล่ะ ที่ใส่ใจแก...
แมลงเม่า ...ขอบใจแกล่ะ..ตอก...ถึงแกจะขี้เหร่ตัวดำ ปากก็ไม่ค่อยดี แต่
แกก็ดีกับฉันตลอดมาเลย....เสียงยังเศร้า...
ข้าวตอก หักจิตหักใจเสีย..เม่า...อย่ายึดถืออะไรมากนัก จำได้ป่าว...ที่
ฉันเคยเล่าว่าฉันอ่านหนังสือ เรื่อง ชวนม่วนชื่น ธรรมะบันเทิงหลาย
เรื่องเล่า ของพระอาจารย์พรหม น่ะ
แมลงเม่า เออ...พอจำได้...แต่ยังไม่ได้อ่าน...นี่....
ข้าวตอก ยัยเม่าเอ้ย...แกก็งี้...มีของดีแต่ไม่ใส่ใจ...ฉันล่ะเบื่อแก...
แมลงเม่า ว่าไงเหรอ...แกเล่าหน่อย...ตอก...ฉันจะได้ไปหามาอ่าน..เอ้อ
ว่าแต่ยืมแกอ่านดีกว่า...
ข้าวตอก เห้อ...ก็ตอน ดื่มชาเมื่อไม่มีทางออก ไง...พระอาจารย์พรหม
เล่าถึงกองทัพทหารอังกฤษที่ตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก แต่ผู้
บัญชาการสั่งให้ทหารนั่งลงและชงชาดื่ม ทหารทุกคนก็สงสัย
ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนั้นให้มานั่งละเลียดชา...
แมลงเม่า เหรอ...เออแล้วไงล่ะ ฉันชอบนิทานนะ..ตอก...แกเล่าเก่งจัง เล่าต่อ ๆ ๆ
ข้าวตอก ...ท่านสรุปว่า...เมื่อใดที่ไม่มีอะไรให้ทำ เมื่อนั้นก็ไม่ต้อง
ทำอะไร...เข้าใจไหมเม่า...ได้ข้อคิดบ้างไม๊นี่
แมลงเม่า ....คงจริงล่ะ...ตอก...ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรนี่...ก็ต้องทนอยู่ไปกับ
ความอายขายหน้านี่แหละ...
ข้าวตอก อายทำไม...เม่า แกไม่ผิดสักหน่อย...ไอ้คนหลอกใช้แกน่ะสิ
ต้องอาย...ฉันไปจัดการให้ไหมเม่า...พาพวกไปสัก 3-4 คน
เอาให้มัน...น่วมไปเลย เสียงหนักแน่นโกรธแค้นแทนเพื่อน
แมลงเม่า เฮ้ย...ตอก...ไม่ได้...อย่าทำงั้น
ข้าวตอก ทำไมล่ะก็เขาทำให้แกเสียหน้านี่...เอาน่า..เพื่อเพื่อนฉันทำให้ได้...
แมลงเม่า ไม่ด้าย ๆ ๆ ...
ข้าวตอก ไม่ต้องเกรงใจฉันเม่า...เพื่อแก....ฉันทำได้...
แมลงเม่า ตอก...อย่าเลย ฉันผิดเองน่ะ...ก็ถ้าฉันไม่หลงคิดไปเอง.. เขาก็หลอก
ฉันไม่ได้จริงมะล่ะ...ก็ฉ้นมันโง่เองนี่..รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก
เอง...
ข้าวตอก เอ่อ...ยัยเม่าเอ้ย...แกนี่เป็น แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ จริง ๆ ...ฉันล่ะ
ปลงเลย....
แมลงเม่า ก็ฉันเป็น แมลงเม่า นี่...ก็ต้องบินเข้ากองไฟสิยะ...เสียงเริ่มเขียว
... ดีกว่าแกล่ะ ข้าวตอกน่ะพอเจอไฟก็แตกต้ว...พองเชียว...อิ
อิ อิ
ข้าวตอก ข้าวตอก อย่างฉันน่ะ...มีประโยชน์นะ ...นี่แกชวนฉันคุยจนเลย
สามทุ่ม...ป่านนี้น้องนิ้งงอนฉันแล้ว...แกนี่...
แมลงเม่า ขอโทษ ๆ ๆ ถ้าแฟนแกทิ้ง...ฉันรับผิดชอบเอง...เสียงสดใสของอีก
ฝ่ายทำให้นายข้าวตอกเริ่มยิ้มออก ท่าทางอาการทางใจของสาวแมลงเม่า
จะดีขึ้นแล้ว
ข้าวตอก รับผิดชอบยังไงหือ...เม่า...
แมลงเม่า ฉันก้อ...รับผิดชอบโดยการยอมเป็นแฟนแกน่ะสิ...
ข้าวตอก ยัยเม่า...เอ้ย...แม้ชาตินี้แม้สิ้นหญิงที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะ
ดีกว่า...เอิ๊ก ๆ ๆ นอกจากแกจะหน้าตาพอดูได้แล้ว ยังหลง
ตัวเองชะมัดเลย...แค่นี้นะเม่า...แล้วค่อยคุยกันใหม่...
ความเป็นเพื่อนนั้น...มีคุณค่ามหาศาลมากกว่าความรักของหนุ่มสาว เพราะให้และเติมเต็มต่อกันด้วยใจที่บริสุทธิ์ หวังให้อีกฝ่ายสบายใจและพ้นวิกฤตทางอารมณ์ ไม่เหมือนความรักของหนุ่มสาว ที่รักเพราะต้องการให้อีกฝ่ายรักตอบ ดีตอบ .. เมื่อเลิกแล้วต่อกัน...จึงเคียดแค้นแสนสาหัส กินไม่ได้ นอนไม่หลับ...คนโชคดีก็มีธรรมะเป็นเครื่องปลอบประโลมใจ ส่วนคนโชคไม่ดี...ก็ย่ำแย่ วนเวียนหาทางออก...ไม่เจอสักที
...ในที่สุดหนุ่มข้าวตอกก็รีบวางสายและโทรไปหาน้องนิ้งตามนัด (ผิดนัดไปเกือบชั่วโมง) ในขณะที่สาวแมลงเม่าก็นั่งอมยิ้ม สบายใจ...บ่นพึมพำเบาๆ ว่า....
...ขอบใจนะ...ตอกเพื่อนรัก....ที่ช่วยฉันซับน้ำตา...ต่อไปฉันจะไม่ร้องไห้เพื่อใครอีกแล้ว...สัญญาเลย...