...มีเงินมาก เป็นคนรวย ก็พอดีเบื่อตายเลย วัน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร จะยืนก็ปวดขา นั่งก็ปวดแขน นอนก็ไม่ค่อยหลับ...อย่างนี้ดีแล้ว ทำงานทุกวัน มีเงินทุกวัน พออยู่พอกิน....
กล้วย
เป็นอาหารหรือผลไม้โปรดของหลายคนรวมทั้งคนไม่มีรากด้วย
... คุณค่าทางอาหารของกล้วยนั้น คงไม่ต้องจาระไน
เพราะเป็นที่ยอมรับและรับทราบแล้วว่า กล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่ามาก
ยิ่งกล้วยปิ้งที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแล้ว...ต้องแอบกลืนน้ำลาย...
เอ...ป้าขายกล้วยปิ้งหายไปไหน ไม่มาขาย.... เสียงพึมพำถาม
หลังอาหารกลางวันและเดินเตร็ดเตร่มาหาของหวานหลังอาหาร
เวียนไปเวียนมาหลายรอบ
แต่ไม่เห็นรถกล้วยปิ้งเจ้าเดิม
ป้าเขาโดนกระจกบาดขาเดินไม่ได้....จะหยุดขายอาทิตย์หนึ่ง
เสียงหนุ่มขายโรตีข้าง ๆ
บอก
อดจะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะทุกหลังอาหารเที่ยง
ในวันที่ไม่มีเรียนช่วงบ่ายต่อ คนไม่มีรากจะมายืนรอกล้วยปิ้ง พูดคุย
แลกเปลี่ยนสารพัดเรื่อง โดยเฉพาะมาถามความคืบหน้าของข่าวสารบ้านเมือง
ซึ่งคุณป้ามีความรู้และวิเคราะห์เจาะลึกได้ราวกับเป็นนักวิเคราะห์ข่าวในรายการวิทยุ
ร้านกล้วยปิ้ง
ข้างคณะนิติศาสตร์ จุฬา ฯ
ฝั่งตลาดสามย่านเก่าที่มีคนขายเป็นคุณป้าวัยเกือบ 60 ปี ขายทุกวัน
ไม่มีวันหยุด ราคาคงที่มาตลอด 10 ปี คือ 4 ลูก 10 บาท
ร้านกล้วยปิ้งข้างคณะนิติศาสตร์ จุฬา
ฯ
ป้า...มีไหมคะ เอา 20 บาท ...เสียงถามด้วยความหวัง
ไม่มีหรอก....รอนานนะ... ตอบเรื่อย ๆ ไม่เงยหน้า
มือยังคงใช้ที่คีบพลิกกล้วยอย่างใจเย็น
อ้าวป้าคะ ทำไมไล่ลูกค้าเรื่อยเลย…เสียงพ้อแกมหยอกล้อ
ช่วยพลิกกล้วยปิ้งไปด้วย
ไม่อยากให้เขารอ มันนาน…รับปากแล้วไม่มีให้เขา...ไม่ดี
เป็นอันรู้กันว่า
ใครอยากกินกล้วยปิ้งร้านนี้ ต้องยืนรอ ไม่รับออร์เดอร์ล่วงหน้า
จ่ายเงินแล้วจะมารับกล้วยทีหลังไม่ได้ ต้องตามคิว ไม่ยืนรอก็อดกิน
ไม่เคยง้องอนลูกค้า...
ป้าก็ปิ้งเร็ว ๆ เยอะ ๆ รอไว้ก่อนสิคะ อยากใช้ตู้อบแสงอาทิตย์ไหม
จะติดต่อหาให้.. คิดไปถึงครูสรณพงษ์ บัวโรย
ผู้นำเทคโนโลยี
ตู้อบแสงอาทิตย์มาให้ครูมนรัตน์ใช้ที่ไร่คุณมน
เอามาทำไม...เสียงถามฉงน
..ก็มาอบกล้วยก่อนปิ้งจะได้ปิ้งกล้วยได้เร็ว ๆ ขายได้เยอะ ๆ
ไม่ต้องไล่ลูกค้าไงคะ…
คราวนี้คงจะต้องสนใจบ้างแล้วล่ะ
นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
...ปิ้งกล้วยน่ะ ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ ... ปิ้งให้อร่อยกล้วยไม่ฝาด
ต้องปิ้งลูกละเกือบชั่วโมง....ต้องเลือกกล้วยเบอร์โต ๆ
ใช้กล้วยจากสวนที่คุ้นเคยกัน ไม่งั้นกล้วยไม่ดี
งั้นเลยหรือคะ...ร้องเสียงดัง
...มันยุ่งยากขนาดนั้นเชียว….
แอบคิดในใจกล้วยปิ้ง...ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ
เสียแล้ว
ขายทุกวันไม่มีวันหยุด ข้าง ๆ
คือโรตีใส่ไส้
น่าจะจริงเพราะกล้วยปิ้งของคุณป้าเจ้านี้
ไม่ฝาด ลูกโต เนื้อนุ่ม หวานหอม
ไม่เหมือนกล้วยปิ้งบางเจ้า
ต้องใช้ไฟอ่อนช้า
ๆ ระอุไฟ ย่างไปเรื่อย ๆใจร้อนไม่ได้...เสียงเล่าเนิบ ๆ
ต่อไป
เฮ้อ...ดูท่าจะยากไม่ใช่เล่น
แล้วทำไมขาย 4 ลูก 10 บาท ใคร ๆ ก็ขายกัน 3 ลูก 10 บาท บางร้าน 5 ลูก
20 บาท
ขึ้นราคาได้แล้วค่ะป้า ...
ไม่ขึ้นหรอก..พออยู่พอกินก็พอแล้ว
กำไรมากไปไม่ดีหรอก...เสียงตอบเรื่อยๆ
ตามเคย
อ้าว...กำไรมากไม่ดีเหรอคะ...ถามยิ้ม ๆ คนค้าขายก็อยากได้กำไรทั้งนั้นแหละ
นี่มาแปลกแฮะ...ไม่ดียังไง ขายมาก ๆ
ก็ได้กำไรมากขึ้น ป้าก็จะได้มีเงินมากขึ้นไงคะ
....
เงินมากแล้วไงล่ะ ก็แค่กินอิ่ม นอนหลับ
เงินกินได้เสียเมื่อไหร่...โอ้..คนไม่มีรากเอ๋ยเจ้าได้เจอนักปรัชญาเอกตัวจริงเข้าแล้ว
...มีเงินมาก
เป็นคนรวย ก็พอดีเบื่อตายเลย วัน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร จะยืนก็ปวดขา
นั่งก็ปวดแขน นอนก็ไม่ค่อยหลับ...อย่างนี้ดีแล้ว ทำงานทุกวัน
มีเงินทุกวัน พออยู่พอกิน....
กล้วยบัวแสนสวยให้กับคุณป้าผู้มีน้าใจที่แสนงดงาม....
อย่างนี้เรียกว่า...
CSR
(Corporate Social
Responsibility =
ความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงบรรษัท) หรือเปล่าหนอ CSR
ที่ไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ ไม่หวังผลด้านการประชาสัมพันธ์
หรือต้องการกระตุ้นยอดขายใด ๆ
แต่เป็นความรับผิดชอบที่อยู่ใน
“จิตใต้สำนึก”ของแม่ค้าขายกล้วยปิ้ง
ที่มีรายได้วันละ 300-400 บาท ยืนขายตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า ถึง
บ่าย 2 โมงหรือจนกว่ากล้วยจะหมด...
ป้าจ๋า...หายเร็ว ๆ นะ ... คิดถึงกล้วยปิ้งของป้า
กล้วยปิ้งที่เปี่ยมล้นด้วยความรับผิดชอบต่อลูกค้าและ....น้ำใจ...ที่เริ่มจะหาได้ยากขึ้นทุกวันในสังคมนี้
หลังนำเรื่องคุณป้ากล้วยปิ้งมาเล่า
14 ตค.51 ได้พบว่าคุณป้ากลับมาขายแล้ว หายดี
ลูกค้าประจะต่างถามหาและอุดหนุนอย่างเนืองแน่น จนแค่ไม่ถึงบ่ายสองโมง
กล้วยก็เกือบหมดแล้ว.....
โล่งใจที่คุณป้าหายดีและกลับมาขายได้เหมือนเดิม...(^___^)
********************************
เพิ่มเติมไว้ โดยกัลยาณมิตร
... ขอบคุณแทนคุณป้ากล้วยปิ้งค่ะ
อ้างอิง :
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://gotoknow.org/blog/health2you/100559
http://www.seub.ksc.net/News/nov-42/kt-251142-3.html
เมื่อ อ. 14 ต.ค. 2551 @ 11:01
877410 [ลบ]
บทความนี้มีกรณีศึกษาประกอบบทความด้วย เข้าใจง่ายและเห็นภาพแจ่มชัด
เป็นไปได้มั้ยครับว่าที่ป้าขายกล้วยปิ้งมีความรู้เรื่องการเมืองเพราะตั้งร้านอยู่ใกล้ ๆ คณะนิติศาตร์ ลูกค้าซึ่งเป็นนักศึกษา+อาจารย์มาบ่นๆ เรื่องข้อกฎหมายและเรื่องการเมืองให้ป้าฟัง ทำให้ป้าซึมซับความรู้จากการสนทนา เริ่มวิเคราะห์สังเคราะห์เหตุการณ์ทางการเมืองได้เอง ในที่สุด อ่านๆ ดูแล้ว ป้า ดำนเนินชีวิตที่เป็น มังคลา/มงคล หลายข้อเลยนะครับ :)
มงคล 38 ประการ
ข้อที่ 1: ไม่คบคนพาล
ข้อที่ 2: คบบัณฑิต
ข้อที่ 3: บูชาบุคคลที่ควรบูชา
ข้อที่ 4: อยู่ในถิ่นอันสมควร
ข้อที่ 5: ทำบุญมาไว้ก่อน
ข้อที่ 6: ตั้งตนชอบ
ข้อที่ 7: เป็นพหูสูต
ข้อที่ 8: รอบรู้ในศิลปะ
ข้อที่ 9: มีวินัยที่ดี
ข้อที่ 10: มีวาจาอันเป็นสุภาษิต
ข้อที่ 11: ดูแลบำรุงบิดามารดา
ข้อที่ 12: ดูแลสงเคราะห์บุตร
ข้อที่ 13: ดูแลสงเคราะห์ภรรยา (สามี)
ข้อที่ 14: ทำการงานไม่ให้คั่งค้าง
ข้อที่ 15: ให้ทาน
ข้อที่ 16: ปฏิบัติธรรม
ข้อที่ 17: ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติ/พี่น้อง
ข้อที่ 18: ทำงานที่ไม่มีโทษ
ข้อที่ 19: ละเว้นการทำบาป
ข้อที่ 20: สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
ข้อที่ 21: ไม่ดำรงตนอยู่ในความประมาท
ข้อที่ 22: มีความเคารพในบุคคลที่ควรเคารพ
ข้อที่ 23: มีความถ่อมตน
ข้อที่ 24: มีความสันโดษ
ข้อที่ 25: มีความกตัญญู
ข้อที่ 26: ฟังธรรมตามกาล
ข้อที่ 27: มีความอดทน
ข้อที่ 28: เป็นผู้ว่าง่าย
ข้อที่ 29: ได้เห็นสมณะ
ข้อที่ 30: สนทนาธรรมตามกาล
ข้อที่ 31: บำเพ็ญตบะ
ข้อที่ 32: ประพฤติพรหมจรรย์
ข้อที่ 33: เห็นอริยสัจ
ข้อที่ 34: ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ข้อที่ 35: มีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ข้อที่ 36: มีจิตไม่เศร้าโศก
ข้อที่ 37: มีจิตปราศจากกิเลส
ข้อที่ 38: มีจิตเกษม