“ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา”
ได้ยินเพลงนี้ที่ไหนๆก็ไม่ดังก้องเข้าไปในหัวใจ เท่าที่ฟังที่น่านน้ำอันดามัน..ในวันนั้น วันที่พวกเราเรียกลมหายใจของ”น้องมุกดา” สมาชิกทัวร์ของเรา ให้กลับมาอยู่กับร่างกายที่เย็นยะเยือก มีเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา เร็วไม่เป็นจังหวะ 52 ครั้งต่อนาที เรียกก็ไม่รู้สึกตัว ชีพจรเต้นแรงดี ....
เช้าวันที่ 8 ก.พ. 2552 เวลาประมาณ 9.00น. พวกเราออกเดินทางจากเกาะหลีเป๊ะล่องในน่านน้ำอันดามันมุ่งสู้เกาะไข่ สมาชิกทัวร์ของเราเริ่มทำกิจกรรม Spiritual Entertainment เพื่อสร้างจิตวิญญาณความรักความผูกพันกับทีมงานและองค์กร เดินทางมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือ10 โมงเช้ากว่าๆเห็นจะได้ ไกด์เริ่มแจกอาหารว่างเช้า แจกได้เฉพาะน้ำหวาน ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
สักครู่ได้ยินเสียงคนพูดว่า มีคนเป็นลม บริเวณกลางๆของชั้นล่างถัดจากน้องไก่ไป 3 แถว เพื่อนๆช่วยกันปฐมพยาบาล อาการไม่ดีขึ้นจึงช่วยกันยกขึ้นไปชั้นบน จากนั้นจึงเก็บกล้องแล้วตามขึ้นไปดูที่ชั้นบน และก็ไม่ได้เก็บภาพอีกเลยในช่วงที่จะเล่าต่อไปนี้
คนที่เป็นลมเมื่อสักครู่คือ”น้องมุก” ไม่ได้เป็นลมธรรมดาแต่เป็นAsthma attack
เห็นน้องมุกนอนไม่รู้สึกตัว ศีรษะวางบนตักน้องเรียง พี่มาทและน้องลิ่มนวดที่ขาทั้งสองข้าง พี่อ้อมคอยประสานกับไกด์เพื่อหาเรือสปีดโบ๊ต น้องภัสครอบถุงพลาสติกที่ปากและจมูกให้น้องมุกหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนออกช้าๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย น้องภัสพ่นยา Ventolin ให้ 3 ครั้ง พี่หมีก็ไปช่วยภัส คนอื่นๆต่างก็ลุ้นกันอยู่ข้างๆ คอยเสริฟผ้าชุบน้ำให้เช็ดตามใบหน้าและตัว ทุกคนส่งสายตามาที่พี่หมีว่าเอาอย่างไรดี
เมื่อต้องเป็นผู้บัญชาการช่วยชีวิตคนบนเรือที่ไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เลย แถมเรือยังลอยอยู่กลางน่านน้ำอันดามัน คำสั่งแรกที่พูดออกไป “ขึ้นฝั่งเลย” จับชีพจรเบาลง ตัวเย็น มือจีบอีกแล้ว
มุ๊ก....หายใจตามเสียงที่พี่บอกนะ...ไม่ต้องกลัวอะไร ทุกคนอยู่กับมุก เอ้าเริ่ม หายใจเข้า........หายใจออก......ลุ้นนานสัก 3 นาที เหมือนจะดีขึ้น เรียกพยักหน้าได้ สักครู่เดียว จับชีพจรเบาลง ตัวเย็น มือจีบอีกแล้ว ท่าทางไม่ดีแน่ เงยหน้ามองไปหาฝั่งไม่เห็น มองเห็นเกาะไข่อยู่ไกลๆ ไม่อยากจะคิดไปมากกว่านี้ ต้องพาน้องกลับให้ได้ ไม่มองออกนอกเรืออีกเลย มองไปที่น้องมุกเท่านั้น ทุกคนรอคำสั่งจากเรา ยาก็ช่วยไม่ได้แล้ว เราต้องช่วยกันสร้างปาฏิหาริย์ให้ได้ ขอเพียงมีใจที่เข้มแข็ง ขอเพียงเรามีลมหายใจชีวิตเราก็จะกลับมา
ไม่มีคำพูดใดๆออกมานอกจากเสียงเพลง
“ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา”
เมื่อพี่หมีเริ่มต้นทุกคนก็เริ่มร้องประสานเสียงดังกระหึ่มมาก ได้ผล...น้องมุกเริ่มรู้สึกตัว หายใจดีขึ้น ทุกคนก็ยิ่งร่วมกันร้องเพลงนับรอบไม่ถ้วน จำได้ว่าทุกคนร้องเพลงนี้ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ หวังให้มุกได้ยินและกลับมาหายใจตามปกติ บางคนร้องเพลงไปร้องให้ไปด้วยความดีใจที่เห็นมุกยิ้ม และลุกนั่งพ่นยาเอง
เหมือนปาฏิหาริย์ อีกครั้งที่พี่อ้อมและไกด์ติดต่อเรือสปีดโบ๊ตที่จะกลับเข้าฝั่งได้พอดี ช่วงที่รอเรือเราก็ร้องเพลงดอกไม้บานซ้ำไปซ้ำมา
เมื่อเรือมาถึงต้องตัดสินใจอีกแล้วว่าจะเลือกใครตามไปกับน้องมุก คนแรกคือไกด์ที่แข็งแรงที่สุดเพราะต้องยกน้องมุกข้ามไปยังเรือสปีดโบ๊ตได้ อย่างน้อยควรจะมีหัวหน้าไปด้วย 1คน และยู่ที่เรืออีก 1 คน ตัดสินเลือกพี่อ้อมไป เพราะพี่อ้อมเป็นหัวหน้าโดยตรงของน้องมุก และเป็นคนสตูลสามารถติดต่อประสานงานได้ดีเมื่อขึ้นถึงฝั่ง คนที่สองเลือกคุณประภัสสรผู้ที่เชี่ยวชาญที่สุดในเรือลำนี้ในการดูแลผู้ป่วยAsthma คนที่สามน้องทัศนีย์ พยาบาลด่านหน้าสามารถดูแลได้ทุกโรค มีสุขภาพแข็งแรงสามารถเป็นลูกมือน้องภัสได้ คนที่ 4 คุณสุธรร ผู้ชายคนเดียวของOPD ให้ไปช่วยดูแลความเรียบร้อย ทุกคนก็กระโดดข้ามไปที่เรือสปีดโบ๊ต
อ้าวเกิดวิกฤติอีกแล้ว ขณะที่ส่งผู้ป่วยข้ามเรือ ด้วยความป็นห่วงทุกคนก็ตามมาดูกันโดยลืมไปว่า ตอนนั้นคลื่นแรงมาก เพราะแรงกระทบจากเรือสปีดโบ๊ต และอยู่กลางทะลึก ตอนนั้นนึกถึงเรือไททานิกทันทันที จึงเรียกให้ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่เพื่อไม่ให้เรือเอียง
ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี.....เหมือนเป็นปาฏิหาริย์
รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับตันเรือไททานิกยังไงชอบกล แต่ดีกว่าเยอะเพราะเราสามารถพาลูกทัวร์กลับอย่างปลอดภัย
หลังส่งน้องมุกแล้ว ตัดสินใจอีกครั้งว่าจะกลับเลยหรือแวะเกาะไข่ตอนนั้นเรือพ้นเกาะไข่มาแล้ว ดูท่าทางพวกเราใจคอไม่ค่อยดี ก็เลยตัดสินใจไม่แวะเกาะไข่ เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเพราะเราขาดไกด์ที่แข็งแรงที่สุดที่ไปส่งน้องมุก เหลือพี่หมีคนเดียวเกรงว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง
ระหว่างนั้นประสานกับน้องภัสทราบว่าน้องมุกดีขึ้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทุกคนในเรือสปีดโบ๊ต และไปถึงโรงพยาบาลละงูอย่างปลอดภัย และได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลละงูเป็นอย่างดี
รับทราบจากน้องภัสว่าระหว่าฃเดินทางไปกับเรือสปีตโบ๊ต น้องมุกและทีมงานของเราได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อขึ้นถึงฝ่งก็มีรถมารอรับ ไกด์ก็พาทีมเราไปส่งที่โรงพยาบาลละงู สร้างความประทับใจให้กับทีมงานเรามาก เหมาะสมแล้วที่ได้รับรางวัลโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยและญาติด้วยใจ แพทย์ที่ดูแลเราก็เป็นลูกพระบิดา จบจากม.อ. ลูกสงขลานครินทร์เหมือนกัน หลังจากที่น้องมุกดีขึ้นทางโรงพยาบาลยังให้ความกรุณาเปิดห้องพักให้ผู้ป่วยและทีมได้พักผ่อน ประมาณบ่าย 3โมง พวกเราก็ไปรับน้องมุกและทีมกลับ
ในฐานะผู้นำทีมสัมมนาหน่วยผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ขอถือโอกาสนี้ขอบพระคุณทุกท่านตั้งแต่ทีมไกด์ กัปตันและลูกเรืออาดังซีทัวร์ กัปตันและผู้โดยสารในเรือสปีตโบ๊ต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลละงูทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นแล้วจะขาดเสียไม่ได้คือขอบคุณพวกเราทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รู้ซึ้งกับคำว่า “ลงเรือลำเดียวกัน ว่าไงว่าตามกัน” มีสติ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ขอบคุณทุกคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อแต่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือในสถานที่เกิดเหตุ ช่วยปฐมพยาบาล ช่วยยกน้องมุกจากชั้นล่างขึ้นชั้นบน ขอบคุณคุณวิภาวี ประธานทัวร์ที่ช่วยประสาน และให้การช่วยเหลือทีมงาน ขอบคุณเจ้าของยา Ventolin ขอบคุณทีมงานที่ช่วยสร้างบรรยากาศความบันเทิงทั้งที่ชั้นล่าง ชั้นบนบริเวณด้านหน้าเป็นการลดความตึงเครียดของทีม ขอบคุณพี่ย๊ะที่ช่วยดูแลทีมงานและลูกทัวร์ที่อยู่ชั้นล่าง ขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยกันปลอบขวัญและปลอบใจผู้ที่ตกใจ/ร้องไห้ขอบคุณหลายๆคนที่รอลุ้นอยู่ห่างๆเพราะเราต้องการให้อากาศถ่ายเทและพร้อมที่จะเข้าไปช่วยตลอดเวลา ขอบคุณทุกคนที่ช่วยสร้างความสมดุลของเรือ ขอบทุกคนที่ไม่กล่าวโทษกันเลย เป็นบทเรียนที่อยากให้ทุกคนได้จดจำ ได้ทั้งความมีสติ ความเป็นหนึ่งเดียว ความรัก กำลังใจ ทำให้” เรา ”สามารถกลับสู่ฝั่งอย่างปลอดภัย ขอบคุณพี่อ้อมที่ช่วยประสานเรื่องเรือสปีตโบ๊ตร่วมกับไกด์ และเป็นผู้นำของทีมปฏิบัติการช่วยชีวิตอยู่เคียงข้างไปกับน้องมุก ขอบคุณชุดปฏิบัติการทุกคน “คุณอ้อม คุณประภัสสร คุณทัศนีย์ คุณสุธรร” รู้มั๊ย ” คุณคือฮีโร่ ” มีคนเคยกล่าวว่า วิกฤติสร้างโอกาส สงครามสร้างวีระบุรุษ ทั้งวิกฤติและสงครามไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เราจะก้าวผ่านมันได้อย่างไรโดยเราไม่เจ็บปวดต่างหาก ในที่สุดพวกเราทุกคนก็กลับสู่สงขลานครินทร์อย่างปลอดภัย
.ผมอ่านพลาง ทบทวนพลาง หากเกิดกรณีแบบนี้กับตนเอง และลูกทัวร์ ..คงมือไม้สั่น ( จริงๆนะ) ขอชื่นชมโดยส่วนตัว ต่อ การแก้ปัญหาของทีมงาน
วันนี้น้องมุกมาขอบคุณพี่ๆที่ทำงาน ได้มีโอกาสถามถึงความรู้ในวันที่เกิดเหตุที่น่านน้ำอันดามัน น้องมุกเล่าว่า ตัวเองเหมือนอยู่ในความฝัน รู้สึกตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง จิตใจเลื่อนลอยเหมือนกำลังจะไป ใจหนึ่งเหมือนจะไป ใจหนึ่งเหมือนจะอยู่
ถามว่าได้ยินเสียงพี่ๆเรียกมั๊ย มุกตอบว่าได้ยินไม่ชัด หรือแทบไม่ได้ยิน แต่ที่ได้ยินชัดที่สุดคือเสียงเพลง
“ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน
ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดังนภากาศ อันบางเบา”
เสียงแจ่มชัดมากเหมือนร้องอยู่ข้างๆหู ทำให้มุกต้องกลับมา และยิ้มกับพวกพี่ๆ
ฟังแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ สันนิษฐานว่าการที่เรารวมพลังร้องเพลงเป็นการจูนคลื่นให้เป็นเสียงเดียวกัน เป็นการรวมพลังจิต ให้ไปสัมผัสกับจิตที่ล่องลอยหรือเปล่าไม่ทราบ การที่เราต่างคนต่างพูดคลื่นเสียงอาจจะลบล้างกันหมด ทำให้จิตที่ล่องลอยสัมผ้สไม่ได้
ก็เป็นเพียง 1 รายที่เกิดขึ้น ยังรอบทพิสูจน์ต่อไป
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
พอลล่า กำลังฝึกที่จะเป็น Spiritual Entertainer ค่ะ
ด้วยอนุภาพแห่งความรักและความห่วงใยโดยแท้ครับ...
spiritual exercise จริงๆครับ
ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาเยี่ยม
อ่านแล้วตื้นตันไปด้วยเลยค่ะ พี่หมี รู้สึกได้ว่าทุกคนที่ลงเรือลำเดียวกันในวันนั้นคงจะไม่มีวันลืมเลย ขอบคุณพี่หมีที่นำมาเล่านะคะ ได้ทั้งความรู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราควรทำยังไง และได้ทั้งความตื้นตันในพลังแห่งจิตใจที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว อ่านตอนที่ทุกคนร้องเพลงแล้วรู้สึกตื้อจริงๆเลยค่ะ