เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้ฟังการบรรยายสั้นๆจาก
รศ.พญ.ธารทิพย์ ประณุทนรพาล
ประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง
กฎหมายและจริยธรรมทางเวชปฏิบัติ
ซึ่งท่านจะมาบรรยายให้แพทย์ใช้ทุน แพทย์ประจำบ้าน
และนักเรียนวิสัญญีพยาบาลที่ภาควิชาฯฟัง
...อาจารย์มาจากกรุงเทพฯทั้งที
ก็ใคร่ขอของแถมจากอาจารย์ บรรยายในช่วงเช้า 8 - 9
โมงเช้าเพิ่มขึ้น
เพื่อทบทวนให้ผู้ปฏิบัติอื่นๆฟื้นความจำกันด้วย......
(ในภาพใหญ่ รศ.พญ.ธารทิพย์ ประณุทนรพาล,
รศ.วิมลรัตน์ ศรีราช และ ศ.สมบูรณ์ เทียนทอง)
จะว่าไป....มันก็เป็นเรื่องเก่าๆ...ที่ฉันเองฟังบ่อย...ครั้งแล้ว
ครั้งเล่า.....
เรื่องที่ให้ทีมวิสัญญีโดยเฉพาะพยาบาลตระหนัก
ในเรื่องของการให้การดูแลผู้ป่วยทางวิสัญญีอย่างไม่ประมาท ....ก็จะประมาณว่ากฎหมายไม่รองรับวิสัญญีพยาบาลในการดมยาสลบโรงพยาบาลเอกชน
ให้ปฏิบัติได้ในรพ.ของรัฐบาลเท่านั้น
และก็ปฏิบัติได้ภายใต้ความรับผิดชอบของวิสัญญีแพทย์
หรือหากไม่มีวิสัญญีแพทย์ก็ต้องเป็นแพทย์ผ่าตัดเจ้าของผู้ป่วย
แต่คราวนี้ที่ต่างคือ
ไม่มีคำว่าห้ามทำโน่น ห้ามทำนี่ ทำนั่นไม่ได้
ทำไอ้นี่เธอจะรับผิดชอบตัวเองได้มั้ย....
แต่กลายเป็นคำแนะนำการปฏิบัติงานเชิงสร้างสรร ที่เราควรทำ
ควรใส่ใจ ควรศึกษาและละเอียดรอบคอบ แม่นยำ
หมั่นศึกษาอยู่เสมอ
มีคำถามจากอาจารย์เรื่องของการปฏิบัติเมื่อจะฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง......ทำกันยังไง?.....
....ฉันเงี่ยหูฟัง....คำตอบที่ได้ยินยังไม่โดนใจ.....
สุดท้าย ฉันลุกไปที่ตู้เก็บหนังสือ
ฉันเคยพิมพ์แนวทางปฏิบัติที่ราชวิทยาลัยกำหนดไว้อ่าน (ตอนนั้นมี
6 แนวทาง) นำมาเปิดอ่าน หนึ่งในนั้นเป็น แนวปฏิบัติในการทำ Spinal Anesthesia
ที่อาจารย์กำลังพูดถึง
อาจารย์สองสามท่านที่นั่งใกล้ฉันไม่เคยเห็นแนวทางนี้....
....และฉันก็เชื่อว่า
ยังอีกมีหลายท่านที่ก็ยังไม่เคยเห็น(บางท่านไม่เคยทราบว่ามีกี่เรื่อง
เรื่องอะไรบ้าง).....ฉันคงต้องช่วยอีกแรงในการนำมาเผยแพร่
เพื่อประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติงานทางวิสัญญีและเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยอันถือเป็นประโยชน์สูงสุด
ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย
กล่าวว่า
CLINICAL PRACTICE
GUIDELINE :
เป็นเพียงคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ
มิใช่กฎเกณฑ์อ้างอิงในการตัดสินถูกผิด
ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้
ที่มา : สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553
ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย
http://www.rcat.org
ฉันเลยขอนำมาไว้ในบันทึกนี้....
เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปประกอบการดูแลผู้ป่วยในแต่ละสภาวะที่กำหนดให้ได้รับความปลอดภัย
(ขอขอบคุณ :
ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย
ที่ได้กำหนดแนวทางอันเป็นประโยชน์อย่างมากในวงการวิชาชีพวิสัญญีพยาบาลค่ะ)