ซ.ซวง
นาย นพรัตน์ รัตนพงศ์ผาสุข

เมื่อ “ความลับ” ถูกไขด้วย Dialogue


"ความลับ" เล็กๆสู่ความสำเร็จของทีมงาน ที่ได้ถูกไขออกด้วย "กุญแจ" ดอกหนึ่ง

ในที่ทำงานผม พึ่งรู้จักกับ Dialouge ได้เพียงปีกว่าๆ (ตั้งแต่ ก.ย. 50)

โดยได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่าเคล็ดวิชา  "สุนทรียสนทนา"  หรือ Dialogue
ตามแนวทางของท่านปรมาจารย์ David Bohm
จาก ท่านอาจารย์ ดร.มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร
ซึ่งปัจจุบันท่านก็ไปช่วยงานที่ สคส. เพื่อถ่ายทอดความรู้
และฝึกฝนทักษะ Dialogue ให้กับหน่วยงานที่สนใจ

 

หลังจากที่รับเคล็ดวิชาจากท่านอาจารย์มนต์ชัย
เป็นเวลา 2 วันเต็ม  ท่านอาจารย์ได้สรุปเคล็ดวิชาสั้นๆ ว่า

"ดู Dialogue ให้ดู Meaning Flow"

 

ซึ่งก็ทำเอางงงวยกันไปพักใหญ่ว่าอะไรหนอ คือ "Meaning"
และมันจะ "Flow" ไปได้อย่างไร


ทางพี่ที่ทำงานผม "พี่ออ"   
ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องการพัฒนาคน และเรื่องการจัดการความรู้ในองค์กร
ก็ได้กล่าวทำนองว่า

"อยากหายงง ก็คงต้องลองทำ"

หลังจากนั้น พี่ออก็ได้พยายามรณรงค์ เผยแพร่ Dialogue ให้กับหน่วยงานต่างๆ

โดยพี่ออ ก็มีทีมงานเป็นน้องๆ อีก 3-4 คน  และผมซึ่งจริงๆ แล้ว
ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงเหมือนทุกท่าน เพียงแต่หลงเสน่ห์
หลงไหลในเวทมนตร์ และพลังของ Dialogue

จึงได้ขอพี่ออ (เล่นเส้นเล็กน้อย...แบบว่าหนิดหนมน่ะ!)
เพื่อร่วมในทีมอีกหนึ่งคน (เสนอหน้า...ว่างั้นเถอะ!)

ก็ต้องขอขอบคุณพี่ออ และน้องๆทีมงานเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้หยิบยื่นโอกาสดีๆให้เสมอมา
และทำให้ได้ประสบการณ์เล็กๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนกันใน
G2K Academy แห่งนี้


ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมก็ได้มีโอกาส ติดสอยห้อยตาม พี่ออ และทีมงาน
ไปเผยแพร่  และฝึกทักษะในเบื้องต้นให้แก่หน่วยงานต่างๆ
นับรวมทั้งสิ้นก็ประมาณ 10 กว่าครั้งเห็นจะได้ครับ
แล้วในโอกาสต่อๆ ไป อาจจะลองคัดเลือก
ประสบการณ์เก่าๆ ครั้งที่น่าประทับใจ หรือมีอะไรแปลกๆ
มาร่วมแลกเปลี่ยนกันครับ

กิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา
เพราะส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกฝนทักษะ Dialogue และไม่ได้คาดหวังผลเท่าไหร่

 

แต่ครั้งนี้มีโจทย์ครับ...

 

กิจกรรม Dialogue ในครั้งนี้ พี่ออมีความประสงค์
จะใช้เพื่อระดมความคิดสร้างสรรค์
ในการหารูปแบบสำหรับงานพิธิเปิดกิจกรรมภายในหน่วยงาน
ที่จะจัดขึ้นในราวเดือน เม.ย.  52 นี้

ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายพอสมควร
เพราะเป็นการลงสนามการใช้งานจริง
แล้วทีมงานเราซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิงฆ์สนามซ้อมจะเอาอยู่มั๊ยเนี่ย ???
(แอบเครียดเล็กๆ...)

 

เช้าวันก่อนกิจกรรม Dialogue (17 ก.พ. 51) 
ทีมงานได้มีโอกาสนัดพบที่บาร์ (BAR) หน้าอำเภอ
คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมง

ได้ข้อสรุปว่า  Dialogue วันนี้ เราน่าจะมีการทดลองรูปแบบใหม่ๆ
โดยจะประยุกต์ใช้หลักการของ "กฎแห่งการดึงดูด"  - Law of Attraction
เข้ากับกระบวนการ Dialogue...
(ขอเกาะกระแส The Secret  อันโด่งดังหน่อยนะครับ)

11.00 น.  ฤกษ์งามยามดี

เริ่มกระบวนการ Dialogue ...
พี่ออ ได้กล่าวโหมโรง ก่อนเข้าสู่กิจกรรม
โดยทำความเข้าใจกับทุกท่าน ให้ใช้จินตนาการ
นึกถึงภาพบรรยากาศของงานพิธีเปิดที่แต่ละท่านอยากจะเห็น
หรืออยากให้เป็น   ซึ่งตรงนี้เป็นการประยุกต์ใช้
หลักการอันเป็น "ความลับ" ที่ไม่ลับจาก "The Secret"
ที่ให้เราพยายาม
จินตนาการถึงภาพของผลลัพท์ ที่อยากจะให้เกิดขึ้น
ก่อนที่จะลงมือดำเนินการใดๆ  

ในช่วงเริ่มต้นก่อนเริ่มวงสนทนา
ก็ให้แต่ละท่านหลับตา แล้วจินตนาการถึงภาพพิธีเปิด
ที่แต่ละท่านปรารถนาจะเห็น
โดยในช่วงนี้จะมีการเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ
มีเสียงธรรมชาติเป็นแบ็คกราวนด์
เพลงยาวประมาณ 5 นาที   
หรี่ไฟให้สลัวลงเล็กน้อย

หลังจากนั้นเมื่อเพลงจบ ก็เปิดไฟ
แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการสนทนา

บรรยากาศระหว่างการสนทนาก็เป็นไปด้วยความราบรื่นพอสมควร
โดยแต่ละท่านก็จะพรั่งพรูถึงภาพพิธีเปิดในฝันของแต่ละคน
ซึ่งก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไปตามจินตนาการ

แม้ว่าจะมีสมาชิกบางท่าน ที่อาจจะมีพฤติกรรมการครองเวที
ใช้เวลามากกว่าท่านอื่นๆ อยู่บ้าง
(เพราะท่านนั้นยังไม่ได้ทราบเกี่ยวกับ
กฏ กติกา ของ Dialogue มาก่อน)

แต่เนื่องจาก สมาชิกในวงส่วนใหญ่มีพื้นฐาน ทักษะ
และเคยรับรู้รับทราบมาบ้างแล้ว
จึงทำให้สามารถประคองวงสนทนาไปได้ด้วยดี
ในส่วนของบรรยากาศการแลกเปลี่ยน ก็พบว่า มีอยู่มากเช่นกัน
ซึ่งแม้ว่าวงสนทนาในครั้งนี้ จะมีตั้งแต่ระดับ ผู้บริหาร ไล่ลงไปจนถึง
จนถึงน้องๆ ระดับปฏิบัติการ  ก็ไม่ได้ทำให้วงสูญเสียอิสระในการ
แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด   ตรงกันข้ามกับเต็มไปด้วยการให้เกียรติ
และเคารพในความคิดของแต่ละท่านที่นำเสนอ
ซึ่งทำให้ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งอิสรภาพนี้ 
จึงเป็นเหตุให้มีความคิดดีๆ หลายๆ ความคิด
ออกมาสู่วงสนทนา  และเกิดการต่อยอดความคิดดีๆ ขึ้นหลายครั้ง

การสนทนาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด
พี่ออจึงยุติวงสนทนา ใช้เวลาไปประมาณ 50 นาที

หลังจากที่ยุติวงแล้ว ก็มีการสรุปประเด็นกันเล็กน้อย
โดยทีมงานผู้สังเกตการณ์
หลังจากสรุปเสร็จ สมาชิกในวงก็ยังมีการคุยกันต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
เข้าใจว่าหลายๆ ท่านยังคงอินอยู่กับประเด็น เนื้อหา และความคิดสร้างสรรค์
ของกลุ่มที่กำลังพรั่งพรูออกมา 
แต่ก็ยุติลงเพราะเสียงท้องเริ่มจะร้องแล้ว

หลังจากนั้น แต่ละท่านก็แยกย้ายกันกลับไปด้วยรอยยิ้ม
และพลังที่จะร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมต่อไป

 

บทเรียนรู้จากกิจกรรมครั้งนี้

  • การประยุกต์ใช้กฏแห่งการดึงดูด ร่วมกับกระบวนการ Dialogue อาจเป็นอีกแนวทางหนึ่งสำหรับการระดมความคิดสร้างสรรค์ที่มีพลัง เพราะทุกคนมีโอกาสได้แลกเปลี่ยน "ภาพในฝัน"  อันเต็มไปด้วยบรรยากาศเชิงบวก ที่ทุกคนอยากเห็น และอยากทำร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นแนวทางการสร้างพลังร่วม (Synergy) ของทีมงานได้อีกแนวทางหนึ่ง

  • การใช้กฎแรงดึงดูด ในระดับบุคคลอาจฝึกฝนได้ไม่ยากนัก แต่หากนำมาประยุกต์ใช้กับทีมงานก็คงจะต้องเปิดโอกาส เปิดเวที เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนภาพแห่งความฝันของกันและกัน และเมื่อนำมาบูรณาการกับ Dialogue จึงให้ผลลัพท์ที่น่าประทับใจ อาจมองว่าเป็นการสร้าง "ทีมงานแห่งการดึงดูด" ซึ่งน่าชวนให้ทดลองกับโอกาสอื่นๆต่อไป

  • กิจกรรมแบบนี้ อาจเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งของการ Share Vision  ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

  • กิจกรรมแบบนี้ น่าจะเหมาะกับการใช้ในช่วงเริ่มต้นของการทำโครงการใหม่ๆ  ของคณะทำงาน หรือทีมงาน ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างพลังร่วมของทีมงาน ให้สามารถประสานงานและดำเนินการต่อไปได้อย่างสอดประสาน กลมกลืน อันเนื่องมาจากมีจุดร่วม (ในฝัน) เดียวกัน

 

และนี่ก็อาจเป็น "ความลับเล็กๆสู่ความสำเร็จของทีมงาน"

ที่ได้ถูก "ไข" ออกด้วยกุญแจดอกหนึ่ง ?

ลองทายดูซิครับว่ามันคือ "ดอกอะไร"

ยินดีที่ได้ร่วม "แลกเปลี่ยน เรียนรู้" เพื่อก้าวไปสู่ "นวัตกรรม" กับทุกท่านนะครับ

หมายเลขบันทึก: 242858เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2009 05:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (40)

ขอบคุณมากค่ะ  ที่นำความรู้  วิธีการมานำเสนอ ให้ผู้ไม่รู้ ได้รู้ไปด้วย

ขอให้มีความสุขมากๆๆนะคะ

สวัสดีครับน้องณภัทร๙

ตื่นมารับอรุณด้วย บทความดีๆ มีประโยชน์ ต่อการทำงาน ขออนุญาติ คัดลอกไว้ใช้ต่อครับ

สวัสดีค่ะ

  • พี่คิมติดตามที่อยากจะเรียนรู้มาก ๆเลยค่ะ
  • แต่ยังไม่เคยร่วมกิจกรรมแบบนี้สักครั้ง
  • ทราบและเข้าใจว่า..เป็นกระบวนการที่ดี
  • นอกจากอ่านและในนี้..เท่านั้น
  •  "ดอกอะไร"  ขอเก็บเอาไปคิดนะคะ

ลองทายดูซิครับว่ามันคือ "ดอกอะไร"

-Dream under attraction law

-Dialogue for sharing vision

-Do

** ** **ลองสรุป..ตอบตัวเราเองด้วยค่ะ ** ** **

สวัสดีครับพี่ณภัทร๙

อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ แต่ไม่เข้าใจ...แป๊วววว

เพราะผมคงไม่เข้าใจเรื่อง Dialogue แน่ๆเลย ว่าแต่ว่าอธิบายแบบสั้นๆมันคืออะไรครับ ประมาณคล้ายๆการจัดระเบียบการพูดรึเปล่าครับ :)

  • มาเชียร์ค่ะ
  • การทำงานเป็นทีม การระดมความคิด การประชุมหารือจำเป็นต้องใช้ Dialogue เป็นเครื่องมือจึงจะก่อให้เกิดความคิดที่ต่อยอดเป็นพลังความคิดสร้างสรรค์มหัศจรรย์  
  • สู้ ๆ จะรอดูกิจกรรมดี ๆ ค่ะ
  • ตามมาดูดอกอะไร Dialogue
  • ต้องปรับบางอย่างให้เข้ากับบริบทบ้านเราครับ
  • ไม่สามารถใช้ได้ทั้งดุ้น
  • เหมือนสมัยพุทธองค์ท่านเลือกธรรมมะไปสอนคน
  • สอนพระก็ใช้อีกอย่าง
  • สอนอหิงสกะ(องคุลีมาล) ก็ใช้อีกอย่าง
  • มาเอาใจช่วยครับ
  • สู้ๆๆๆ
  • ดอกอะไร
  • ได้ถูกหลอก
  • เลยนึกถึงDialogue
  • ขอบคุณอาจารย์ ขจิต

                                                            paaoobtong
                                                              18/2/52
                                                                 9:28

สวัสดีครับ คุณพี่ครูอ้อย

P

และ คุณพี่ครูคิม

P

ขอบคุณทั้งสองท่านนะครับ
ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน

ผมเคยได้มีโอกาสคุยกับ อาจารย์ ดร.โสฬส ศิริไสย์ ม.มหิดล
ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ได้เคยไปทำ Dialogue
ให้กับครูและนักเรียน โรงเรียนสันติราษฎร์ฯ
แต่ไม่ได้ตามต่อว่าได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง

ได้ยินแว่วๆ ว่า ท่านรอง Small Man กำลังจะนำมา
ทดลองใช้ในโรงเรียนเช่นกัน 
เห็นท่านเล่าว่ากำลัง train คุณครู
ให้เป็น Facilitator ครับ
คิดว่าน่าสนใจมากครับ
และผมก็กำลังรอติดตามจากท่านรองอยู่เช่นกัน
น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณพี่ครูทั้งสองท่านครับ
เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน

ขอบคุณครับท่านผู้เฒ่าวอญ่า

P

ดีใจครับ ที่ท่านผู้เฒ่าเห็นว่าเป็นประโยชน์
ตามสบายเลยนะครับ

ขอบคุณครับ คุณพี่ภูสุภา

P

สำหรับคำตอบ 3 ด.

จาก "รีม"

สู่ "ไอะล็อก"

แล้วจบที่ "ดู"

ผมเองก็ยังนึกไปไม่ถึงขั้นนั้นเลยครับ
จริงๆ แล้วแค่ถามเล่นๆ สนุกๆ เท่านั้นเอง

แต่คำตอบจากคุณพี่ทำให้ผมเห็นอะไรดีๆบางอย่างครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

:)

สวัสดีครับ คุณวันๆ

P

Dialogue ก็คือ "ดอกอะไรเสียบไว้อยู่ในรูหู"

ว่ากันว่า หากใครมีเจ้าดอกนี้ไว้ในครอบครอง เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่ฟังเป็น
ฟังอะไรแล้วก็จะ "เข้า" ลึกกกกก
ไปถึง "ใจ" เลยล่ะครับ

หวังว่าคงจะทำให้สงสัยยิ่งขึ้นไปนะครับ

หากเป็นอย่างนั้นผมจะดีใจมากๆ

เพราะจะได้มีคนมาร่วมสงสัย
และลองทำให้หายสงสัยกันเยอะๆ ครับ

จะได้มาช่วยกันเคลียร์
เพราะผมเองก็ยังมีข้อสงสัยอีกเยอะเช่นกันครับ

:)

ขอบคุณมากครับคุณพี่ศิลาฯ ที่กรุณามา...

P

Cheeeeeeeeeeeeeeer

:)

ขอบคุณครับท่านพี่ อ.ขจิต

P

สำหรับมุมมองใหม่ๆ และกำลังใจที่มอบให้กันเสมอ

:)

พี่ณภัทรคะ

ดอกอะไร ไดอะลอก อิอิ

มีมุขซะงั้น

ชวนมาช่วยพอล่าทำงานอีกคนค่ะ

อยากดูรูปค่ะพี่

ขอบคุณครับอาจารย์

P

แล้วจะหาเวลาไปเยี่ยมบ้านท่านนะครับ

   สวัสดีค่ะ  ... น้อง  P   ณภัทร

       *  ตามมาอ่านสาระดี ๆ

       **  เห็นด้วยกับ  คุณP  ขจิต ฝอยทอง ที่ว่าถ้าจะนำมาใช้ต้องปรับให้เหมาะกับบริบทของบ้านเรา

       ***  แล้วเจอกันใหม่นะคะ

                                          

                                        

   ผมเคยลองทำดอกอะไร ไดอะลอ็กมาบ้างครับ

              มีทั้งที่สำเร็จ และ ล้มเหลว

    ที่ล้มเหลว  เพราะ  1.  ฟังไม่เป็น

                             2. พูดไม่เป็น

    ที่สำเร็จ  ก็ ตรงข้ามกับ 2 ข้อ ข้างต้น

     ผมว่าหัวใจของเจ้าดอกอะไร   อยู่ที่  "อัตตาต่ำ"ครับ

     เอาคน "อัตตาสูง"  มาทำดอกอะไร  ไปไม่รอดครับ

                                ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ ท่านรอง Small man

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน

ทั้งความสำเร็จ และ ความล้มเหลว

เท่าที่ผมเคยสังเกตวงมาก็พบทั้งสองอย่างครับ

วงที่คุยแล้วได้ความรู้สึกดีๆ ก็มีไม่มาก
แต่ในความล้มเหลว ก็มีหลายเรื่องให้เรียนรู้

คิดว่าในโอกาสต่อไป คงได้มีโอกาส
นำครั้งอื่นๆ ที่น่าสนใจมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกครับ

ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมและให้ความเห็นครับ

บ่ายสามโมงเย็นนี้  ผมจะไปทำดอกอะไร  ที่ อบต.สะตอครับ

     ผมตั้งชื่อเอาเองว่า "เวทีครอบครัว"

 ทำมาเมื่อสองวันที่แล้ว  ที่อำเภอเมือง กับครอบครัวโรงเรียนดัง

      ได้ผลดีครับ ครั้งนี้  ไปชนบท   ไม่ทราบจะเป็นอย่างไร

       แล้วจะรายงานให้ทราบครับ

ขอบคุณครับท่านรองฯ

อยากฟังครับ แล้วจะตั้งใจรอ

เรื่องราวดีๆ

เอาแบบเบาๆ แค่เล่าก็พอนะครับ

ไม่ต้องถึงขั้น "รายงาน"

ดูมันเป็นทางการยังไงไม่รู้ครับ

สวัสดีค่ะพี่ณภัทร

กออ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลยค่ะ

เพราะแค่คำนี้ Dialouge

กอก็ไม่รู้เรื่องแล้ว

อิอิ

โชคดีมีความสุขค่ะ

ตามมาอ่านแล้วรู้สึกดีมาก ที่ได้เห็นการนำไปประยุกต์ใช้ตามที่คุณณภัทรเล่าให้ฟัง ขอให้กำลังใจแก่บรรดา "เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย" ที่ได้ศึกษาปฏิบัติจนเกิดความชัด และนำไปทดลองทำโดยไม่ติดรูปแบบใดๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสวยงาม และชวนให้ติดตามและเรียนรู้ครับ . . . ขอขอบคุณที่คุณณภัทรได้ถ่ายทอดสิ่งดีๆ ไว้ในบันทึกนี้ครับ

ขอบคุณนะครับ น้องกอ

ที่อุตส่าห์อ่านแม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม

จริงๆ แล้วเจ้า Dialogue
หรือ สุนทรียสนทนา หรือแม้แต่สานเสวนา

ก็มีหลักการคล้ายๆ กัน

ก็คือการสนทนาที่เน้นการฟังเป็นหลัก
ในขณะที่การสนทนาทั่วๆ ไป
เราจะเน้นที่การพูด
อธิบายแล้วเดี๋ยวกลัวว่าจะงงไปกันใหญ่

พี่เองก็งงเหมือนกับเพื่อนๆ หลายๆคน
แต่พอได้ลองทำแล้วจึงจะรู้ครับ

เท่าที่ได้ยินมา ทางใต้ก็มีจัดอยู่บ่อยๆ
แต่อาจจะไม่แพร่หลายนัก
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมฟังกัน
อยากจะพูดกันอย่างเดียว

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม

P

 

ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์
ที่กรุณาให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน
และยังให้กำลังใจด้วยครับ

ในโอกาสต่อไป หากมีโอกาสนำ
ประสบการณ์เล็กๆ มาลงบันทึกอีก
คงต้องขอรบกวนอาจารย์อีกนะครับ

หวังว่าในเร็ววันนี้ G2K น่าจะมี
CoP เรื่อง Dialogue บ้างนะครับ
จะได้แลกเปลี่ยนกันให้มันส์ไปเลยครับ

  • เข้ามาชื่นชมค่ะ
  • อ่านแล้วอยากทำในที่ทำงานมากๆเลยค่ะ
  • แต่อุปสรรค์เยอะมากจริงๆ เลยค่ะ

P

อุปสรรคเยอะ จะไม่มีความหมาย

หากมีทีมงานที่เข้มแข็ง มองตาก็รู้ใจ

อย่าไปมองที่อุปสรรคมากนะครับ มันจะเหี่ยว

คิด จินตนาการถึงสิ่งดีๆ ที่จะเกิด
ความสุข ความสำเร็จที่จะได้รับ
แล้วมันจะเป็นพลัง

แต่อันดับแรกที่สำคัญ
น่าจะใช้กฏแห่งการดึงดูด
เพื่อหาแนวร่วมกัลยาณมิตรก่อน
ผมว่าน่าจะมีมั่งแหละครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

ก้าวแรกย่อมยากเสมอ
แต่การที่จะมุ่งมั่นเพื่อที่จะก้าวต่อไป
นั้นก็ยากไม่แพ้กันครับ

สุดท้ายเราก็คงทำได้เพียง
มีความสุขกับแต่ละก้าวที่เราได้ก้าวไปครับ

:)

                              ลองเล่นดูน่ะค่ะ

                   ได้ผลยังไงก็แจ้งให้ทราบหน่อย ^ ^

                       ขอให้มีความสุข กับทุกๆ วันค่ะ

P

ขอบคุณมากครับน้องกอ

ที่อุตส่าห์หาอะไรหนุกๆ มาฝากกัน

ดอกอะไร ...ที่อยากให้เพื่อนๆ ในงานร่วมกันทำ ก็ล้มเหลวตั้งแต่การฟังค่ะ ขาดประสบการณ์(ฝึก)การเป็นผู้ฟังที่ดีค่ะ ลำบากหนักหัวใจมาก เพราะว่า พวกเราไม่ค่อยทำตามกฎกติกาที่ตกลงกัน หรือจะเป็นเพราะเวลาผ่านไปๆ ก็เลยลืมเรื่องนี้นะคะ แต่ในที่สุดก็เริ่มยกที่สอง...มีเครื่องมือมาใช้ประกอบการทำ ดอกอะไรแล้วค่ะ  ซ่อนอยู่ที่บันทึกเรื่องนี้ค่ะ

ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือ ชื่อ คู่มือกระบวนกร ศาสตร์และศิลป์แห่งการหันหน้าเข้าหากัน ของ อาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ และคุรณัฐฬส วังวิญญู ค่ะ

ขอบคุณครับพี่ดาวฯ

ตามไปอ่านแล้วครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่กรุณานำมาร่วมแบ่งปันครับ

สำหรับเล่มคู่มือกระบวนกร ผมเคยอ่านแล้วครับ แต่ผมมองว่าอาจจะยากและลึกซึ้งไปสำหรับองค์กรของผมครับ

อาจจะต้องลองจากของง่ายๆ ไปก่อนพอเริ่มพัฒนาแล้วจึงค่อยไปขั้นต่อไป

แต่ผมก็ศรัทธาในแนวทางของทีมกระบวนกรของสำนักเชียงรายนะครับ
พวกท่านเน้นการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในตัวคนจริงๆ

  • มาขอบพระคุณกัลยาณมิตรทางจิตวิญญาณค่ะ
  • ถ้าจะเปรียบเทียบ Dialogue ของวันนี้เป็นการเดินทาง อยากจะบอกว่าเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างเหนื่อย ทำเอาเหงื่อโชก เพราะเราพูดในมิติที่ไปยืนในมุมของผู้ฟัง ...
  • คำว่าเป็นตัวของตัวเองฟังดูเหมือนว่าเราจริงใจกับตัวเอง ในขณะเดียวกันก็มองได้ว่าเป็นการถืออัตตาได้เหมือนกัน
  • แต่ถ้าหากพูดในมิติของ  ใจเขา ใจเรา...ความลับจะถูกเปิดเผยมากกว่าไหมคะ
  • ลองนำ "ดอก" ที่คุณณภัทร9 ซ่อนไว้มาไขดูซิคะ ได้คำตอบแล้ว ช่วยเฉลยด้วย รออยู่ค่ะ

P

ขอบคุณเช่นกันครับคุณพี่ศิลาฯ

สำหรับทุกสิ่งที่คุณพี่มอบให้ด้วยความจริงใจเสมอมา

บางเวลา คนเราก็มีเหนื่อย มีท้อ แต่ไม่ถอยใช่ไหมครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

และสำหรับผม ไม่ได้มีคำตอบอะไรซ่อนอยู่จริงๆ นะครับ

ทุกสิ่งทุกอย่าง เฉลยไว้หมดแล้วในบันทึกนี้

ผมถูกแรงดึงดูดให้มาเห็นภาพเด็กน้อยน่ารักครับ

ข้อเสียข้อหนึ่งที่ผมพบกับตัวเอง การเป็นนักสังเกตมันทำให้เรามองออกไปภายนอก

และเคยชิน เชี่ยวชาญกับการตรวจสอบสภาพแวดล้อม

ตอนนี้ผมอยู่ในกระบวนการที่จะตรวจจับความนึกคิด ความรู้สึกของตนเองด้วย

โดยการสังเกตตัวเองนี้ จะทำให้เราใช้สิ่งที่กำลังจะเติบโตอยู่ภายใน

ขอโทษนะครับ หากเขียนแล้วดูงง บางอย่างเราเขียนจากที่เราเห็น พอเราจะถ่ายทอดให้คนอื่น คนอื่นไม่ได้เห็นมาก่อน ก็อาจจะไม่เห็นเหมือนเรา ถือว่าแชร์ครับ

ขอบคุณครับ คุณวรพันธ์

ผมคิดว่าเราสองคนมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกันอยู่มากนะครับ ได้อ่านได้ฟังสิ่งที่บอกเล่าผ่านตัวหนังสือ ก็รู้สึกประหนึ่งว่าได้เจอะเจอ "เพื่อนสนิทที่รู้ใจ" ที่แม้จะไม่เคยเจอะเจอหน้าตา แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่า รู้จักกันมากกว่าคนที่พบเจอกันประจำเสียอีก

ขอบคุณนะครับสำหรับการแลกเปลี่ยน ในทุกประเด็น ยินดีที่ได้รู้จักครับ "กัลยาณมิตร" ผู้อยู่ห่างไกล แต่ก็เหมือนใกล้นิดเดียว

มนต์ชัย พินิจจิตรสมุทร

ผมเพิ่งแวะเข้ามาดู

คงไม่สายไปที่จะทักทาย

ยินดีครับ ที่ได้มีการนำ Dialogue ไปลองทำ

สิ่งทีงงงวย ก้อจะไม่เป็นความลับ อีกต่อไป

จริงๆ เป็นเรื่อง ไม่ยาก

เพียงแต่ลองทำ ฝึกฝน ไปก่อน

แล้วค่อยหวนกลับมาคิดครับ

ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์มนต์ชัย

ลูกศิษย์ Dialogue ของอาจารย์คนนี้ยังระลึกถึงเสมอครับ

ดีใจครับที่อาจารย์มาเยี่ยม 

แล้วจะทยอยนำบันทึกเก่าๆ ที่เก็บไว้ มาร่วมแบ่งปันใน GotoKnow นะครับ

ถ้าอาจารย์มีเวลาว่างก็รบกวนมาช่วยให้ข้อคิด และข้อเสนอแนะได้เสมอครับ

ขอบคุณมาครับอาจารย์ ที่ทำให้พบกับชีวิตใหม่ และเริ่มสัมผัสได้ถึง "หัวใจ" ของตัวเองที่ค้นหามานาน

มาเรียนรู้ด้วยคนค่ะ

P

ด้วยความยินดีครับคุณพี่

ขอบคุณ สำหรับสิ่งดีๆ ครับ มีประโยชน์กับผมมากเลย โดน ครับ โดนใจจริงๆ ผมจะลองนำไปฝึกบ่อยๆ นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท