ขอบคุณกรณีศึกษาของคุณแม่ท่านหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมค้นข้อมูลมาบันทึกนี้...เรียบเรียงบางส่วนจาก http://www.babycenter.com
M [IP:
XXXXXX] เมื่อ 05 ตุลาคม 2553 16:58 เรียน Dr.Pop
ดิฉันกำลังหาความรู้เพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านการพูดในเด็กพูดช้า...ลูกอายุ
2 ขวบ พัฒนาการด้านอื่นๆคุณหมอประเมินแล้วว่าปรกติ มีแต่ปัญหา delay
speech ลูกใช้ภาษากายสื่อสารเป็นส่วนใหญ่ดิฉันได้อ่านหลายๆหัวข้อใน blog
แล้วได้ความรู้เรื่องอื่นๆด้วยมากโดยเฉพาะ sensory intregration
ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งอ่านรอบแรกพอรู้คร่าวๆ
คงต้องไปย่อยหรือทำความเข้าใจอีกที
ดิฉันพยายามหาอ่านหัวข้อที่เกี่ยวกับการกระตุ้นพัฒนาการของเด็กพูดช้าแต่หาไม่เจอ
รบกวนอาจารย์ pop ช่วยชี้แนะหรือ linkให้ด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ผมจึงค้นคว้าเพิ่มเติม
เพราะตนเองไม่ค่อยเชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาทักษะการสื่อสารในเด็กมากนัก
และพบข้อมูลน่าสนใจที่ดึงมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 14 ข้อ
ดังนี้
1.
การเรียนรู้คำศัพท์ในวัยสองขวบเกิดขึ้นตามธรรมชาติถึง 75 คำ
เพื่อสร้างสรรค์วลีและประโยคที่ประกอบด้วยคำนามและคำกริยา ได้แก่
ลูกนอน กับ ทานนม และเริ่มประโยคสั้น เสียงก้อง และยาวขึ้นเพื่อชี้นำ
เช่น แม่...ช่วยด้วย เล่นบอล...พ่อ ไป...บาย บาย หากเด็กสื่อสารไม่ถึง
20 คำ
อาจมีปัญหาการได้ยิน
2.
ผู้ปกครองควรกระตุ้นการสื่อสารของเด็กโดยใช้วลีตอบรับ เช่น
ลูกอยากให้แม่ช่วยใส่ถุงเท้าให้ ได้เลย
พ่อจะเล่นบอลกับลูก
3.
ไม่ต้องแก้ไขไวยากรณ์หรือเร่งลูกให้ใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ไม่ต้องบังคับให้ลูกสื่อสารซ้ำหรือพูดตามผู้ปกครองด้วยประโยคยาวและถูกต้อง
4.
ควรอ่านหรือใช้คำถามที่สะท้อนว่าลูกเห็นอะไรในหนังสือ หรือ
ลูกคิดว่าจะเกิดอะไรต่อไป
5. แนะนำให้ลูกเข้าใจว่าทุกสิ่งในโลกนี้คืออะไร
มีทำไม และเป็นอย่างไร
โดยสื่อสารกับของเล่นที่หมุนเวียนในแต่ละสัปดาห์ได้ เช่น
ของเล่นใหญ่ที่ผลักหรือขี่ได้ หมุนหรือเสียบเข้ากล่องได้
ปะติดปะต่อได้ ตุ๊กตาเคลื่อนไหวได้ ตุ๊กตาสวมใส่เสื้อผ้าได้
และของเล่นที่ตกแต่งศิลปะได้
6. อย่าหยุดลูกในการสำรวจเล่นสิ่งต่างๆ รอบบ้าน
ให้โอกาสลูกเปิดดูและอ่านหนังสือ และพาลูกไปเรียนรู้สถานที่ต่างๆ เช่น
สวนสัตว์ สระว่ายน้ำ
สนามบิน
7.
กระตุ้นหลากหลายความรู้สึกในการสัมผัสของเล่นที่ทำด้วยดินและทราย
และในการได้ยินของเล่นที่มีเสียง
8. บางครั้งลูกแสดงอารมณ์ตื้นเต้น เสียงดัง
และไม่มีสมาธิในที่สาธารณะได้ ผู้ปกครองควรเพิกเฉยซักสามนาที
หากลูกอารมณ์ไม่นิ่ง ค่อยๆพาลูกออกจากที่สาธารณะนั้นอย่างสงบ
ไม่ต้องกังวลว่าผู้อื่นจะตำหนิ
ปล่อยให้ลูกปรับอารมณ์เองโดยธรรมชาติ
อาจพาลูกกลับไปในที่สถานการณ์เดิมได้และไม่ต้องบอกลูกว่าเคยแสดงอารมณ์อะไร
9.
เริ่มแนะนำลูกสื่อสารกับผู้ปกครองในการใช้หรือขอใช้กระโถนด้วยตนเอง
หรือผู้ปกครองสังเกตว่าลูกต้องการใช้กระโถนก่อน 2
วินาทีที่จะปัสสาวะราด หรือขับถ่ายหลังตื่นนอนระหว่างวัน
อย่าบังคับลูกหากไม่สามารถใช้กระโถนได้
และไม่ควรฝึกขับถ่ายตอนกลางคืน
10. กระตุ้นให้ลูกสื่อสารแบบมีตัวเลือกไม่เกิน 3
อย่าง โดยไม่ต้องชี้นำตัวเลือกในกรณีที่ลูกไม่อยากเลือก เช่น
อย่าถามว่า ลูกจะใส่เสื้อไหม ควรถามว่า ลูกจะใส่เสื้อสีแดงหรือสีฟ้า
แต่เวลานอน อย่าถามว่า
ลูกจะเล่นหรือจะนอน
11. ต้องไม่รำคาญเวลาลูกถามเยอะๆ เช่น ทำไม
อะไรนั้น ให้คิดว่า ลูกอยากค้นหาบางสิ่ง
ผู้ปกครองควรใช้คำตอบที่ง่ายทันที อย่าตอบว่า ไม่รู้
ควรต่อยอดคำตอบของผู้ปกครองให้ลูกได้นานตามสถานการณ์สื่อสารหรือหาหนังสือมาเปิด
เรียนรู้ และสื่อสารกับลูกได้ เช่น เวลาลูกอ่านหนังสือ
ให้ผู้ปกครองถามถึงรูปภาพสีต่างๆ ว่าอยู่ที่ไหน คืออะไร
เป็นต้น
12. อย่าเร่งเวลากับลูกในการทำกิจกรรมการแต่งกาย
ให้สื่อสารไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกจะแต่งกายเสร็จ
และบางครั้งอาจต้องเรียนรู้ช่วงความสนใจของลูกคือ 3-5 นาที
ขึ้นอยู่กับสิ่งเร้าที่เกิดขึ้น
ไม่ต้องบังคับให้ลูกสนใจตามเวลาใดๆ
13. เวลาลูกชอบโกรธและกัดผู้อื่น
ผู้ปกครองไม่ควรใช้เสียงดังดุด่า
แต่แนะนำให้ลูกมาเขียนหรือบอกผู้ปกครองให้รู้ว่าทำไมหรืออะไรที่ลูกโกรธ
14.
กิจกรรมที่ควรส่งเสริมการพัฒนาเด็กในการสื่อสาร ได้แก่
ฝึกชี้ไปที่สิ่งที่เรียกชื่อ ฝึกนึกชื่อคน สิ่งของ และส่วนต่างๆ
ของร่างกายที่คุ้นเคย ฝึกใช้วลีสั้นๆ ประกอบด้วย 2-4 คำ
ฝึกทำตามคำแนะนำง่ายๆ ฝึกใช้คำที่ลูกเคยได้ยินซ้ำๆ
ฝึกหาของสามสิ่งที่ซ่อนใต้ผ้าห่ม
ฝึกเลือกสิ่งของที่มีรูปร่างหรือสีเหมือนกัน
และฝึกเล่นให้มีความสุข
หากฝึกกิจกรรมข้างต้นแล้วลูกยังไม่ค่อยพูด
เลียนคำพูดไม่ได้ พูดแบบไม่มีพยัญชนะ ใช้คำไม่เกิน 4
คำเมื่อย่างเข้าสามขวบ ไม่เคยถามคำถาม และกลัวที่จะเข้าใจคำพูดใดๆ
ผู้ปกครองควรปรึกษากุมารแพทย์ นักแก้ไขความผิดปกติของการสื่อความหมาย
และนักกิจกรรมบำบัดเฉพาะทางการพัฒนาเด็ก