ท่านรองศาสตราจารย์นันทา ขุนภักดี
ได้เขียนบทความ 'นามศัพท์ ในหลวง'
เพื่ออธิบายที่มาของคำว่า 'ในหลวง'
โดยตีพิมพ์ในวารสาร ความรู้คือประทีป ฉบับที่ 4/49 หน้า 9-11
กระผม & เพื่อนๆ ชาว GotoKnow ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์นันทาฯ
สำหรับวิทยาทานที่ได้จากบทความนี้ครับ ^__^
คำชี้แจงเพิ่มเติม
ในบทความ 'นามศัพท์ ในหลวง' ที่นำมาโพสต์นี้ ท่านผู้เขียน คือ อาจารย์นันทาฯ ได้อ้างถึงหนังสือ สาส์นสมเด็จ เล่ม 12 โดยคัดเนื้อความมาเท่าที่จำเป็น (เข้าใจว่าเป็นเพราะมีเนื้อที่จำกัดในวารสารความรู้คือประทีป)
อย่างไรก็ดี ผมได้ไปทำการสืบค้นหนังสือเล่มดังกล่าวจาก หอสมุดแห่งชาติ และได้ข้อความครบถ้วน โดยจะนำเสนอใน นสพ. กรุงเทพธุรกิจ เซ็คชั่นจุดประกายเสาร์สวัสดี ในวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550
หลังจากที่ นสพ.ฉบับดังกล่าวได้ตีพิมพ์บทความ (ที่มีข้อมูลครบถ้วนจาก สาส์นสมเด็จ) แล้ว ผมจะนำมาโพสต์ไว้ในบล็อก 'พลังของแผ่นดิน' เพื่อใช้ในการอ้างอิงควบคู่กับบทความของท่านอาจารย์นันทาฯ ต่อไป
<hr>
</font></strong>
สวีสดีครับอาจารย์ ดร.บัญชา
สวัสดีค่ะ อ.บัญชา
ถ้าไม่ได้บทความนี้คงไม่รู้ที่มาจริงๆ ของคำๆ นี้แน่เลย
ตอนแรกยังคิดว่าเป็นการเรียกย่อมาจากคำว่า "นายหลวง" เลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับประวัติศาสตร์และเกร็ดความรู้ดีๆ ค่ะ
สวัสดีครับ ทุกท่าน
รู้สึกยินดีที่บทความนี้มีประโยชน์นะครับ
ผมได้ปรับปรุงโดยสแกนเนื้อหาจากต้นฉบับวารสารความรู้คือประทีปแล้ว ดูสะอาดขึ้นมากครับ
ไว้รอข้อมูลจาก 'สาส์นสมเด็จ' ตามที่แจ้งไว้นะครับ มีประเด็นสนุกๆ น่ารู้อีกหลายแง่มุมทีเดียว ^__^
อาจารย์นันทา ท่านเป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม ท่านเกษียณอายุราชการเมื่อ 30กันยายน2546 แม้ปัจจุบันท่านก็ยังสอนการอ่านคำประพันธ์ร้อยกรองให้นักศึกษาในระดับปริญญาตรี ท่านเป็นอาจารย์ที่น่ารักมากครับ
ขอบคุณมากครับ
คุณเยียร์โชคดีจริงๆ ที่ได้รู้จักท่าน ^__^
อิอิอิ ท่านอาจารย์บัญชา
ถ้าไม่รู้จักและไม่เคยเรียนที่ศิลปากรจะเล่าเรื่อง หนุมาน นารายณ์สิบปาง ได้เป้นฉากๆเหรอคร้าบ55555 แต่ผมก้ยืนยันว่าผมยังมีความรู้น้อย แค่หิ่งห้อย ตัวนิดๆแค่นั้น เลยเรียนปริญญาโทที่นั่นไม่จบแต่มาเรียนปริญญาโทบริหารแทน
อาจารย์มณีปิ่น (คณบดีคณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร)นั่นคือจ้าวยุทธจักรวรรณคดีสันสกฤตและวรรณคดีไทย โดยเฉพาะรามเกียรติ์ นารายณ์สิบปาง อย่าได้ไปถามท่านเชียว (ท่านทำดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอก เรื่องนารายณ์สิบปาง ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน)
อาจารย์นันทา ท่านเชี่ยวชาญการแต่งคำประพันธ์ (มหาวิทยาลัยศิลปากรให้ท่านแต่งคำประพันธ์ติดป้ายหน้ามหาวิทยาลัยทุกวิทยาเขต"ทุกงาน")
ไปก่อนนะครับแล้วว่างๆจะมาสนทนาด้วยใหม่ แวปปปปปปปปป
คุณเยียร์ - ศิษย์เก่า ม.ศิลปากร!
ดีจังครับ เคยได้อยู่ใกล้ผู้รู้ด้านศิลปะวัฒนธรรมอย่างนี้
ผมไปงานมหกรรมหนังสือมาแล้วครับ แต่ยังไม่มีเวลาเดินหาหนังสือ นารายน์สิบปาง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์มณีปิ่นและอาจารย์นันทาครับ
เรียนท่านอาจารย์บัญชา
หนังสือเรื่อง"โอริงามิ พับกระดาษฝึกสมอง" ขึ้น Top5 หนังสือขายดีที่ต้องอ่านของ สำนักพิมพ์สารคดี โซน แพลนารี A 07 ยินดีด้วยนะครับ
(อ้างถึงใน มติชน ฉบับวันอังคารที่20 ตุลาคม 2552 ปีที่32 ฉบับที่ 11546 หน้า20)
คุณเยียร์ สวัสดีครับ
เรียกผมพี่ชิวก็ได้ครับ ไม่ต้องอาจารย์ ถ้าเป็นอาจารย์ต้องเก็บค่าลงทะเบียนจากลูกศิษย์ครับ (ฮา)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ฝากไว้ครับ เมื่อกี้ไปดู นสพ.มติชน แล้ว ทำให้เห็นว่าตลาดหนังสือบ้านเรายังคึกคักอยู่ทีเดียวนะครับเนี่ย
ปล. แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมติดใจคือ คำว่า "อัจฉริยะ" ซึ่งถูกใช้จนกลายเป็นคำสามัญประจำบ้านไปแล้ว คำๆ นี้ถูก abused (ปู้ยี่ปู้ยำ) มากเหลือเกิน......
แหมมมม ผมขอให้เกียรติอาจารย์ ขืนเรียก พี่ชิว มันกระดากปากครับ ผมมันพวกอักษรศาสตร์เก่าด้วยที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคารพครูบาอาจารย์
อิอิอิ หากอาจารย์เก็บค่าลงทะเบียนเรียนก็ยอม(ฮา)
คำว่าอัจฉริยะ
ที่มาของคำๆนี้ที่ถูกใช้จนเป็นคำสามัยประจำบ้านตามที่อาจารย์เห็น สันนิษฐานได้ว่าอาจมาจาก พรีเซนเตอร์สองคนที่โฆษณาที่ดื่มเครื่องดื่มซุปไก่สกัดยี่ห้อหนึ่งทั้งชายและหญิง ทั้งสองคนพยายามแสดงคำๆนี้ออกมาสื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าหากดื่มแล้วก็จะสามารถเป็น"คำๆนี้"ได้ แถมถูกปู้ยี่ปู้ยำเพราะคนที่ดื่มนี้คิดว่าสามารถจะเป็นอัจฉริยะได้หากดื่ม ทั้งๆที่คนเราไม่สามารถเก่งได้ทุกอย่าง
รวมทั้งการเป็นอัจฉริยะนั้นไม่ใช่แค่ดื่มสินค้าดังกล่าว แต่ต้องหมั่นสังเกตก่อนเป็นเบื้องต้น เหมือนกับนักวิทยาศาสตรืที่สังเกตการณ์แล้วตั้งสมมติฐานแล้วค่อยวิเคราะห์ตาม หมั่นใช้สมองบ่อยๆต่างหากไม่ให้ขี้เลื่อย ส่วนจะบำรุงสมองอย่างไรนั้น สินค้าตัวดังกล่าวเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น
จริงอยู่ที่ความเก่งต้องผ่านการฝึกฝน หมั่นคิดวิเคราะห์ ลงมือทำ แต่ทว่าผู้บริโภคยังไม่เข้าใจความหมายของคำๆนี้ที่แท้จริงคือ เก่งแล้วต้องประพฤติดีนั่นถึงจะเรียกว่าอัจฉริยะของแท้
หากเติมคำว่า"ภาพ"เข้าไป และมี"พระ"ข้างหน้าคือ "พระอัจฉริยภาพ"ก็จะไม่มีใครก้าวล่วงเพราะนั่นคือคำที่ใช้กับตัวอย่างของสุดยอดอัจฉริยะที่ควรเคารพของแผ่นดินและของโลกซึ่งตอนนี้ต้องส่งแรงใจถึงพระองค์ ขอให้หายจากการประชวร ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
คุณเยียร์ ขอบคุณมากครับ
ผมคิดว่าคำที่น่าจะเหมาะกว่าคือ ความเป็นพหูสูต ครับ
ก็น่าจะเหมาะตามความเห็นของท่านอาจารย์นะครับ
คนที่เป็น"พหูสูต"ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดและไม่มีผู้ใดเทียบได้มาจนปัจจุบันเป็นระยะเวลา2500 ปีคือ "พระอานนท์"
ท่านสามารถท่องคาถาที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ได้ทั้งหมด นับตั้งแต่ ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร เป็นต้นมา ที่มีในพระไตรปิฎก ประมาณ60 เปอร์เซนต์นี้มาจากพระอานนท์ ส่วนที่เหลือมาจากพระรูปอื่นๆ
พวกที่เป็น"เลขานุการ"ทั้งหลายควรจะดูพระอานนท์เป็นแบบอย่าง นี่คือสุดยอดเลขานุการเลย5555 ทำได้ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ
อุปัฎฐากพระพุทธเจ้าจนพระองค์ปรินิพพาน
นี่แหล่ะครับ พหูสูต ของแท้ 5555555555 ขอนมัสการพระสุดยอดเลขานุการของโลก สาธุ