ลูกชายมีหัวขบถ หรือเป็นเด็กที่มีความคิดแปลก ๆ (พอสมควร)
เมื่ออนุบาลสอง อายุประมาณห้าขวบ คุณครูสอน A B C D...แบบ ตัวเขียนใหญ่ให้ดู ชอบใจมาก เอากลับมาเขียนให้แม่ดู และให้แม่ช่วยสอนเขียนด้วยภู่กันจีน
เราสองคนเล่นกันสนุกค่ะ
ปรากฏว่าคำที่น้องภูเขียนได้สวยและจำได้แม่น คือ คำว่า The end เพราะเวลา การ์ตูน ทอมแอนด์เจอร์รี่ เรื่องโปรดจบ เขาจะเห็นทุกครั้ง
ต่อมาเขาเอาไปเขียนคำว่า "Leg" กับชื่อเขาเองด้วย "ด.ช.ภู" ดังรูปภาพด้านล่าง(แม่เขียนด้วยคอมพ์ ไม่เหมือนนักค่ะ)
คุณครูที่สอนภาษาอังกฤษเอามาให้คุณแม่ดูแล้วบอกว่า Your son has creative idea , he is great !
แต่คุณครูที่สอนวิชาหนึ่งของโปรแกรมภาษาไทย สิคะ เอาปากกาแดงขีดกากะบาท เล็ก ๆ (เครื่องหมายว่า..หนูเขียนผิด?หรือเปล่า?นะคะ) ทุกเส้นที่ล้ำใต้เส้นบรรทัดลงไป (ขอเพิ่มเติมนิดหนึ่งนะคะว่า ไม่ใช่วิชาคัดไทย เป็นแค่หัวกระดาษที่เขียนงานของเด็ก ๆ นะค่ะ)
โดยส่วนตัวคิดว่า คุณครู ที่สอนวิชาหนึ่งของภาษาไทย คงไม่อยากให้เด็กคิดแหวกแนว คิดแปลกจนเกินไป หรืออาจกังวลเกรงว่า เด็กจะติดการเขียนอักษรไทย ที่ไม่ถูกต้องไป
แม่(เราเอง) กังวลเล็กน้อย ว่า จะเป็นการทำให้ลูกเราไม่กล้าคิดนอกกรอบ คิดแหวกแนวแบบคิดแตกยอดไปทางกึ่งศิลปะ
แต่เราก็ไม่ได้ไปคุยกับครู หรือทำอะไรที่ซีเรียสเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกค่ะ เพียงแค่หัวเราะขำลูก พร้อมกับพ่อของเขา
และสอนลูกว่า วิธีที่เขาเขียนมันไม่ถูกตามแบบฉบับของการเขียนตัวอักษรไทย
มีเถียงกลับมานิดหน่อยว่า "ก็คล้าย ๆ ในหลักศิลาพ่อขุนรามไง แม่"
ลูกโตขึ้น เขาจะยังจำได้หรือเปล่า หนอ..
จึงบันทึกไว้ให้เขาอ่านดู
มาอ่านครับพี่ leg
แปลกแต่จริงค่ะ น้องทีมเคยวาดต้นไม้ลักษณะเหมือนต้นไม้เอาหัวทิ่มมีรากชี้ขึ้นบนฟ้า ครูให้เครื่องหมายผิดมา แล้วเขียนว่ารากต้นไม้ต้องอยู่ใต้ดิน งานนั้นร้อนถึงเราต้องไปโรงเรียนเพราะว่าอยากให้ครูได้เห็น ได้เปิดโลกทัศน์บ้าง เลยเอาหนังสือไปให้ดู "ครูคะ รู้จักต้นบาวบับมั้ย หน้าตามันเป็นแบบนี้ค่ะ มีจริง เพียงแต่ครูไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักใช่ว่ามันไม่มี เด็กเขาเคยดูแล้วชอบเลยวาดตามที่จำได้" ครูอึ้งว่ามีไอ้ต้นพิสดารแบบนี้ในโลกด้วยเหรอ ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่ไม่ควรด่วนตัดสิน ถึงจะไม่มีจริงมันก็เป็นจินตนาการของเด็กเพราะเป็นวิชาศิลปะค่ะ
บ้านเราส่วนมากถ้าไม่ใช่โรงเรียนใหญ่ มักจะเหมาวิชาศิลปะให้ครูประจำชั้นสอน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ครูบางคนวาดรูปยังไม่เป็นเลย หรือไม่ก็มีแนวคิดว่าบ้านต้องมีประตูหน้าต่าง มีหลังคา ทะเลต้องสีน้ำเงิน หญ้าต้องสีเขียว โดนัทต้องมีรู ฯลฯ เรียกว่าสร้างศิลปะได้บนพื้นฐานความจริงเท่านั้น อย่างอื่นผิดค่ะ พึ่งเคยเจอตอนมีหลานเล็กๆ นี่ล่ะ ว่าศิลปะมีผิดถูกด้วย เคยพลั้งปากถามครูว่าเรียนจบศิลปะที่ไหนมาเขาสอนอย่างนี้เหรอ ครูงอนเลย เพราะไปจี้ใจดำ ก็อิฉันเอกภาษาไทยนี่นา เขาดันจับฉันมาสอนเอง ช่วยไม่ได้ เขียนเป็นแต่กลอน สอนได้ก็ดีถมแล้ว บางทีก็ต้องสอนคณิตศาสตร์+วิทยาศาสตร์แทนด้วย เฮ้อ เวรกรรม เลยได้ย้ายโรงเรียนเพราะเราไม่มีความพยายามพอที่จะไปเปลี่ยนครู เรามีปัญญาจ่ายก็เปลี่ยนที่ดีกว่า กรรมของเด็กที่พ่อแม่ไม่มีปัญญาย้าย นี่ล่ะระบบการศึกษาไทย ยอมจ่ายแพงก็ได้ดังใจมากขึ้น ไม่มีปัญญาจ่ายก็ก้มหน้ารับสภาพไป
น้องภูช่่างจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์ดีจังค่ะ :)
คุณหมอคะ น้องภูมีหัวศิลปะแต่เด็กๆเลยนะคะ
อย่างน้องซูซานเล่ามา ก็ใช่ค่ะ ครูศิลปะ บางโรงเรียน ก็ให้ครูประจำชั้นสอน จึงมาสอนเด็ก แบบศิลปะมีผิดถูกด้วย
พี่เอง ตอนเด็กๆ ก็มีปัญหากับครูศิลปะ 2 คน ยังจำได้จนบัดนี้ แต่เราก้ไม่มีปัญญาไปทำอะไรได้เลย ในตอนนั้นค่ะ
ที่น่ารักมากๆก็คือ คุณแม่ได้บันทึกเรื่องราวนี้ ไว้ให้เขาอ่านเมื่อโตขึ้น...
:)
สวยมากเลยค่ะ "ต้นบาวบับ" ต้องตามไปอ่านรายละเอียดดู
คุณน้องซูซานคะ พี่เองสมัย ๆ เด็ก ๆก็..คุณครูคนเดียวสอนทุกวิชาเลยค่ะยังจำชื่อคุณครูที่เราประทับใจและลึกซึ้งกับพระคุณของท่านได้หลาย ๆ คน
ยุคสมัยเปลี่ยนไป บางสิ่งดี บางสิ่งดีมาก บางสิ่งดีกลาง ดีน้อย..แต่ทุกสิ่งที่น้องทีมได้รับจากน้องซูซาน สร้างเสริม เป็นดั่งปราการที่น้อง(อาซาน)ของน้องทีม มอบให้เขา พี่เชื่อว่าน้องทีม จำติดใจไม่ลืม
หากเราก็ต้องลองเปรียบตัวเราเป็น หรือ ตกอยู่ในสถาณการณ์เช่นเดียวกับคุณครูของน้องทีม อย่างที่น้องซานสรุปไว้..
ขอบคุณน้องซานมาก ๆ ค่ะ
น้องภูจะตื่นเต้นแน่ ๆ เมื่อได้เห็นต้นไม้นี้
(พี่ขออนุญาต พิมพ์ออกมา แล้วเอาไปส่งเป็นจดหมายให้ลูกนะคะ)
คุณอุ๊ ขอบคุณค่ะ แต่โตมาแล้วยังไม่ค่อยเห็นแววเขาทางศิลปะ เท่าไร อิอิ
พี่ศศิคะ น้องภูเขาได้ทางศิลปะหรือเปล่ายังไม่แน่ใจค่ะ เขาเปลี่ยนไปเป็นระยะ ๆ
ช่วงนี้เขาชวนแม่คุยเรื่อง "เดคาร์ต" "เพลโต"
แต่บางทีก็กระโดดไปที่ "บิล เกตส์""วอร์เรน บัฟเฟตต์" แล้วก็อยากรู้เรื่อง "พระพุทธเจ้า,พระเยซู,พระอัลล่าห์"
นักวิทยาศาสตร์เขายังสนใจน้อยกว่า นักปรัชญา (เท่าที่สังเกตุนะคะ)
น้องยกให้เป็นเครดิตคุณพ่อเขา นักอ่านโดยละเอียด ชอบซื้อหนังสือให้ลูกอ่านค่ะ
ที่บ้าน น้องจัดหนังสือไม่ไหวเลยค่ะ แต่ลึก ๆ ดีใจมาก ๆค่ะ
น้องเอกคะ ไม่เพียงบันทึกค่ะ บังคับกลาย ๆ ให้อ่าน โดยการพิมพ์ออกมาส่งเป็นจดหมายให้เขาด้วยค่ะ
วันนี้อ่านหรือยังไม่อ่านไม่เป็นไร สักวัน....;P
ขอบคุณค่ะ
ทำให้นึกถึงเรื่องเด็กหญิงเพียงใจ เป็นเรื่องสั้นลงแพรวที่พี่คุ่น ปราบดาเขียนไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ดัง เรื่องนี้มีในรวมเล่มด้วยแต่มัทจำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน
มาค้นดู อ้างเจอแต่ เด็กหญิงต้องใจ ไม่แน่ใจว่าเราจำผิดเองหรือว่าพี่เค้าเขียน 2 เรื่องคล้ายๆกัน เริ่มงงๆ แต่ concept คล้ายๆกันค่ะ
ส่วนหนึ่งของเรื่องสั้นเด็กหญิงต้องใจ
เด็กหญิงต้องใจเป็นเด็กหญิงธรรมดาที่แสนจะไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
เกิดในครอบครัวที่พ่อเป็นหมอฟัน และแม่ก็เป็นเมียหมอฟัน
พ่อและแม่อยากให้เธอเป็นหมอฟันเหมือนพ่อ
แต่เธอกลับอยากเป็นนักทุ่มน้ำหนักหญิง
ที่จริงเธออยากเป็นนักทุ่มน้ำหนัก ...
แต่ด้วยความเป็นเพศหญิงของเธอ
เธอจึงต้องอยากเป็น .. นักทุ่มน้ำหนักหญิง
เธอมีความฝันอีกอย่างหนึ่งคืออยากเป็นพนักงานไปรษณีย์
ถ้าเกิดมีโอกาสเธออยากจะเอาน้ำลายป้ายใส่แสตมป์ของลูกค้า
เพราะเธอคิดว่าถ้าน้ำลายเธอมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวไกลๆ
เธอก็จะมีความสุขด้วย
เด็กหญิงต้องใจไม่เก่งคณิตศาสตร์
เด็กหญิงต้องใจไม่เข้าใจว่า 1+1 ทำไมจึงได้ 2
เด็กหญิงต้องใจมีครูมดเป็นครูสอนเลข
ครูมดสอนว่า 1+1 ได้ 2 .. เด็กหญิงต้องใจไม่เข้าใจ
ทำไมไม่ได้ 1 กับ 3
พ่อ + แม่ = ลูก ทำไมจึงไม่เป็น 3 ในเมื่อ 1+1 เหมือนกัน
ปรอท + ปรอท = ปรอท ทำไมจึงไม่เป็น 1 ในเมื่อก็ 1+1
ครูมดทนไม่ไหวข้างชอร์กใส่เด็กหญิงต้องใจ
ชอร์กโดนข้างแก้มของเด็กหญิงต้องใจ
เด็กหญิงต้องใจไม่ได้แสดงอาการเจ็บแต่อย่างใด
เธอเพียงแค่เกาข้างแก้มที่เธอโดนเท่านั้นเอง
ครูมดเห็นแล้วน้ำตาก็เริ่มเอ่อออกมาแล้วก็ขอโทษเด็กหญิงต้องใจ
แล้วบอกเด็กหญิงต้องใจว่า 1+1 = 2 นะลูก ..
เด็กหญิงต้องใจได้แต่พยักหน้ารับ
เด็กหญิงต้องใจเรียนรู้ว่า ..
ถ้ามีผู้ใหญ่ถามเธอว่า 1+1=? เธอจะตอบว่า 2
แต่ถ้าเป็นเด็กกับคนชราเธอก็จึงตอบว่า น้อยกว่าหรือมากกว่า 2
ถ้าอยากอยู่รอดในสังคม ก็ต้องตอบตามความเห็นของคนส่วนใหญ่
ถ้าตอบตามความคิดของเรา .. เราก็จะแค่นอนตาหลับเท่านั้นเอง
*เด็กหญิงต้องใจยังเรียนรู้ว่า
คนปาชอร์กเจ็บกว่าคนถูกปาชอร์กเสมอ ...
ลืมบอกว่าตอนป. 4 มัทเองก็เคยโดนครูกากบามสีแดง ทับรูปกรรไกรที่ตั้งใจวาดมาก เป็นรูปประกอบการเขียนเรียงความวิชาภาษาไทย มัทไปดูแบบมาจากหนังสือสอนวาดรูปการ์ตูนล้อเลียนที่ซื้อมานอกเวลา มันจะเป็นกรรไกรที่รูปร่างเพี้ยนไปคืออ้วนๆ โค้งๆ ครูเขียนปากกาแดงว่า นี่ตัวอะไร ไม่เหมือนกรรไกร
ยังจำได้จนทุกวันนี้ ตอนนั้นคิดตามครูเชื่อว่าเราวาดไม่เหมือนจริงๆ
นั่นคือที่รร.สาธิต....ปลายปีนั้น ครูคนนี้โดนเชิญออกเพราะเธอดุเด็กไม่มีเหตุผล ทำโทษเด็กมากจนเป็นเรื่องจนได้ แล้วเด็กสาธิตก็กลายเป็นเด็กนอกกรอบอีกครั้ง เหอะๆ
ครูมดทนไม่ไหวขว้างชอร์กใส่เด็กหญิงต้องใจ
ชอร์กโดนข้างแก้มของเด็กหญิงต้องใจ
เด็กหญิงต้องใจไม่ได้แสดงอาการเจ็บแต่อย่างใด
เธอเพียงแค่เกาข้างแก้มที่เธอโดนเท่านั้นเอง
ครูมดเห็นแล้วน้ำตาก็เริ่มเอ่อออกมาแล้วก็ขอโทษเด็กหญิงต้องใจ...
พี่เชื่อในเรื่องนี้ค่ะ "จิตวิญญาณคนเป็นครู"
****** ********* *******
เด็กนอกกรอบ เรียนอะไรไม่รู้ คนเรียนน้อย ๆ ๆ ๆ แต่มีประโยชน์ต่อสังคม..มาก ๆ ๆ ๆ"
เด็กนอกกรอบ เรียนอะไรไม่รู้ คนเรียนน้อย ๆ ๆ ๆ แต่มีประโยชน์ต่อสังคม..มาก ๆ ๆ ๆ"
ประโยคนี้ พี่หมายถึงน้องมัท น่ะค่ะ
มาอ่านอีกรอบ
เพิ่มสถิติหรือเปล่า ไม่ใช่ ค่ะ มีเหตุผล ค่อยมาบอกค่ะ