คนเราเรียนกันตลอดชีวิต_จดหมายถึงลูก


เราสนใจอะไร เราอยากรู้ เราก็ต้องค้นคว้า หัด ลองทำ หรือถามคนที่รู้มากกว่าเรา แล้วก็ทำตามอย่างเขา..."แม่ครับ ปล่อยวางบ้างเถอะครับ"

Orthotomus_atrogularis3

 ขอขอบคุณภาพประกอบบันทึกนี้ ฝีมือ อาจารย์นกฟ้า wwibul ค่ะ

 

ลูกครับ

หลังจากส่งลูกเข้าโรงเรียน แม่ติดใจเรื่องที่เราคุยกันอยู่สามสี่เรื่อง  จึงต้องเขียนจดหมายฝากพ่อมาให้ลูกถือว่าเราคุยกันต่อ โดยคุยกันทางจดหมายมือ แม่ขอให้ลูกตอบทางจดหมายมือนะครับ

 

เรื่องแรก ลูกถามว่าเมื่อไหร่คนเราจึงจะเรียนกันจบ
 

แม่ขอตอบทางความคิดเห็นของแม่ ลูกมีสิทธิ์ที่จะแย้งได้

 

แม่ว่า คนเราไม่มีวันเรียนจบหรอกครับ

คิดดูสิ พ่อ..ยังต้องอ่านหนังสืออยู่ทุกคืน แม้จะอ่านผสมกับนั่งตาปรือเป็นบางครั้ง ทั้งยังมีเสียงกรน คร่อก ๆเป็นบางหน ฮา

แม่ด้วย นอกจากเปิดอ่านเรื่องภาษาอังกฤษ แม่ก็ยังต้องอ่าน ตำรา และค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตเรื่องเกี่ยวกับงานของแม่อยู่บ่อย ๆ

ลุง ๆ ของลูก ลูกคงเคยเห็น แม้กระทั่งภาษาจีนซึ่งไม่ใช่การงานของลุง ลุงก็ยังหัดเขียนหนังสือจีนอยู่ทุกคืน

ป้านิต ลูกเห็นมั้ย เขาชอบฝึกโยคะ เขาอ่านธรรมให้เราฟัง

เพื่อน ๆ หรือรุ่นพี่ ๆ ของน้อง แม่แนะนำว่า ลูกลองสังเกตุสิครับ จะเห็นหลายคนเลยที่เขาฝึกฝน อ่าน หรือสนใจในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องหนังสือเรียน  อาจเป็นกีฬา อาจเป็นเรื่องถ่ายภาพ อาจเป็นการวาดรูป

หรือแม้กระทั่งการแฮ็คข้อมูลของคอมพิวเตอร์ หรือการวาดการ์ตูนต่อเนื่องหลาย ๆ หน้าสมุดโน้ตของลูกเพื่อทำเป็นหนังการ์ตูนสั้น ๆ ...นั่นก็คือการเรียน อย่างหนึ่ง

 

แล้วคนเราจะมีวันเรียนจบหรือ

 

เราสนใจอะไร เราอยากรู้ เราก็ต้องค้นคว้า หัด ลองทำ หรือถามคนที่รู้มากกว่าเรา แล้วก็ทำตามอย่างเขา

 

นี่เป็นวิธีการเรียน เรียนรู้ วิธีหนึ่ง

 

 

เรื่องที่สอง เรื่องที่ลูกถามว่า การเมือง การปกครองของประเทศไทยเมื่อไหร่จะ สงบ เรียบร้อย

 

ลูกเสนอว่า น่าจะทำตามอย่างประเทศที่เจริญแล้ว

แม่ไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ในที่สาธารณะมากนัก

 

มีอยู่สองเรื่องนะครับลูกที่ เราไม่น่าจะคุยกับคนอื่น ๆ ถ้าเราไม่สนิทพอ หรือแม้สนิทกัน(แบบแม่กับลูก) ก็ไม่ควรคุยในที่สาธารณะ ได้แก่ การเมือง, ศาสนาและแนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อในลัทธิต่าง ๆ

 

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เรารอมาคุยกันต่อที่บ้าน หรือคุยทางจดหมาย ดีมั้ยครับ

 

 

เรื่องที่สาม คำที่ลูกพูดปลอบแม่ 

 

ตอนที่แม่เสนอเส้นทางการขับรถ หรือ เวลาที่เราสามคน-พ่อแม่ลูก  ควรออกเดินทางจากร้านกาแฟ-นมสด-ขนมปัง แล้วไปส่งลูกที่โรงเรียนได้แล้ว โดยแม่กลัวว่า จะไม่ทันตามเวลาที่โรงเรียนกำหนด

พอพ่อไม่ทำตาม แม่ก็เริ่มหงุดหงิด

 

ลูกเตือนแม่ว่า "แม่ครับ ปล่อยวางบ้างเถอะครับ"

 

แม่คิดว่า เป็นไฮไลต์ ขอโทษที่ใช้คำทับศัพท์

ขอแก้เป็นว่า แม่คิดว่าเป็นประโยคทองของลูกเลยเชียว สำหรับอายุขนาดลูก อ้อ อันที่จริงสำหรับผู้ใหญ่อย่างพ่อและแม่ด้วย

 

ถ้าคนเรารู้จักทำอย่างที่ลูกพูดกับแม่ "ปล่อยวางบ้างเถอะครับ"

โลกจะสงบมากเลยล่ะครับลูก

จริง ๆ นะ

 

ถ้าเรา-ซึ่งถือเป็นหน่วยหนึ่ง หน่วยเล็ก ๆ ของสังคม ของโลก รู้จักปล่อยวาง รู้จักพอเพียง รู้จักนิ่ง 
พลังความสงบสามารถส่งผลให้โลกสงบได้
ดั่งคำของพระพุทธองค์ที่ว่า ธรรมสูงสุดคือการบำเพ็ญภาวนา เมื่อแต่ละคน แต่ละหน่วย รู้จักธรรมนั้นอย่างเข้าใจ...
 
ความขัดแย้ง สงคราม ความทุกข์ เรื่องคิดเบียดเบียนกันของผู้คน คงไม่มี
 

 

ลูกเห็นด้วยหรือเปล่า

ตอบจดหมายแม่ด้วย

 

ว่าแต่ว่า ลูกพอรวบรวมสมาธิ ความมุ่งมั่นที่จะตั้งใจเรียน ทำการบ้าน ปฏิบัติตามระเบียบวินัย ดูแลข้าวของ

และ..อย่ามัวนั่งคิดว่า..เมื่อไหร่หนอคนเราจึงจะเรียนกันจบ

 

อ้อ แม่แอบดูตู้เสื้อผ้าของลูกแล้ว ขอชมจากใจจริงว่า เรียบร้อยจังครับลูก-ภูมิใจไหม   

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 235983เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2009 22:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 19:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • น่ารักจังเลย คุยกับลูก เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากๆค่ะ
  • ครูอ้อยจะแวะมาอ่านอีกนะคะ

มีความสุขมากๆๆและนานๆๆนะคะ

P  ขอบคุณค่ะครูอ้อย

ช่วงแรกรู้สึกเครียดเล็กน้อยว่าลูก จะงงกับจดหมายของเรา แบบนี้หรือเปล่า สามีอ่านแล้วบอกว่า ดีแล้ว เขาจะได้เก็บไว้อ่านเรื่อย ๆ ถ้าไม่เข้าใจเขาก็มาถามเราหรือ พ่อ เท่ากับว่าเราจะได้คุยกับเขาสองรอบ

แม่ จึงมีกำลังใจนั่งคัดลายมือ ไม่พิมพ์ค่ะเพราะอยากให้เขาเลียนแบบเราบ้าง หัดเขียนด้วยลายมือ

วันนี้ได้ แผ่นซีดี ของพระอาจารย์ปราโมทย์ (วัดหนึ่งที่ศรีราชา) ฟังแล้วคิดว่าน่าจะย่อยให้ลูกร่วมหัดเรียนรู้ไปกับเราด้วย

แต่ข้อสำคัญ แม่ต้องฟังก่อน จนเข้าใจ จริงมั้ยคะ

ลูกครับ แม่มาจดไว้คุยกับลูกอีก (วันละนิดนะลูก)

แม่ได้แผ่นซีดีพระอาจารย์ปราโมทย์ จากป้าหมอคนหนึ่ง แปลกมากที่ฟังแต่ละเที่ยว แต่ละรอบ เราจะได้แง่คิดต่าง ๆ กันออกไปเรื่อย ๆ ในทางลึก และต้องเฝ้าถามทั้งกับตัวเองและเพื่อน ๆ (แม่นำไปพูดคุย ถกกันเพื่อความรู้ด้วยครับ)

เช่น คำสอนพระอาจารย์ที่ว่า

"ไม่ต้องมีรูปแบบในการภาวนา"

"ขอให้ตามดูให้รู้ว่า จิต ของเราทำงาน คือ คิดอยู่ตลอด แต่ไม่ต้องไปพะวงว่าจะดับความคิดอันไหนออกไป เฝ้าดู เฝ้าตาม ทำซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ อาจต้องหลายวัน หลายเดือน หลายปี หรือหลายชาติ* แล้วในที่สุด เราเองจะรู้ได้ด้วยตัวเราเองว่า ความคิดเหล่านั้น มา แล้วผ่านไป"

"เรื่องธรรม เป็นเรื่องง่าย ง่ายมากเพราะเป็นธรรมชาติ"

"ธรรม เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง"...

ประโยคคำสอนเหล่านี้แม่ยัง งง ๆ อยู่เลย ต้องใช้เวลาคิดอีกสัก(มาก ๆ)หน่อย(และอาจจะยังอีกนานกว่าจะคิดออก)

 

*เรื่องหลายชาติ แม่คงต้องคุยกับลูกอีก

และผลพวงจากแผ่นซีดีนี้ ที่ป้าหมอให้มา แม่และพ่อจะไปฟัง หรือ เยี่ยมชม"สวนสันติธรรม" ศรีราชา อำเภอหนึ่งในชลบุรี ที่ ๆ พ่อชอบพาเราสองคนไปกินอาหารทะเลไงครับ

พรุ่งนี้ ไปไหว้อาม่าแล้วจะเลยไปสวนนี้ จะถ่ายรูปไว้ให้ลูกดูครับผม;P

สมัยลูกเรียนโรงเรียนในไทย ลูกถามบ่อยว่า เมื่อไหร่จะเรียนจบ

เดี๋ยวนี้เมื่อพูดคุยกัน เขาเล่าเรื่องการเรียนอย่างสนุกสนาน

มันมีความแปลกอย่างมีนัยสำคัญ

มาอ่านเพื่อเตือนใจว่า คนเราเรียนรู้กันตลอดชีวิต

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท