เขียนไว้ให้ลูกอ่าน "อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา"


อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา

"อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา"

 

ประโยคข้างบน เป็นประโยคที่เรียกได้ว่า "ประโยคทอง" ไม่ใช่วรรคทอง ที่ดี เด่น หรือ สวยงาม เปี่ยมความหมายอะไร

 

หากเป็นประโยคที่

 

คราใดที่พ่อ แซว แม่ ด้วยประโยคนี้

 

หมายถึง

พ่อ อารมณ์ดีพิเศษ

แม่ อารมณ์ดีพิเศษ


หรือ ในทางกลับกัน

 

แม่กำลังเริ่มต้น ยุ่งยากใจ สับสน น้อยใจ(พ่อ) งอน(พ่อ)เป็นพิเศษ โดยที่พ่อเพิ่งจะรู้ทีหลัง

หลังจากที่แม่บอกอ้อม ๆ หรือ บอกตรง ๆ ว่า

"น้อยใจนะ พ่อ"

"อะไร จำไม่ได้เลยหรือคะ..คุณจ๋า"

และ

เสียงแม่เข้ม เป็นพิเศษ

 

และ

เช่นกัน

อาจเป็นช่วงเวลาที่

พ่ออยู่ห่างจากแม่และลูก เช่นไปประชุมต่างประเทศ ไกล หรือ นานวันเป็นพิเศษ

พ่อเคร่งเครียดกับงานมากเป็นพิเศษ ตามคำพิพากษาของแม่
(หรือ คือ แม่คิดเอาเอง ฮา)

 

มีบ่อยครั้ง ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ หัวชนกัน(ก็แล้ว) คิดไม่ออก
ตัดสินใจยังไม่ได้ ในเรื่อง หรือประเด็น บางประเด็น

สับสนพร้อมกัน ด้วยกัน เป็นพิเศษ

 

บางทีก็วิเคราะห์กันเสียงดังไปหน่อย

ลูกยังตกใจเมื่อเป็นเด็กเล็กกว่านี้ ว่าเรา คุยกัน หรือ ทะเลาะกัน

อันที่จริงแล้วเป็นวิธีที่เราสองคนพ่อและแม่ ใช้เหตุผล มาพูดคุยถกปัญหากันน่ะครับ ลูก

เป็นเทคนิคหนึ่งที่ทำให้เรา แม้คุยกันไม่ได้นาน

แต่ครองคู่อยู่กัน นาน

 

แม่ จำได้ว่า นับตั้งแต่ลูกเกิด เติบโตเป็นเด็กเล็ก ก่อนห้าขวบ มีบ้างที่เราขัดแย้งกัน เห็นไม่ตรงกัน แล้ว ทะเลาะกัน

ทว่า เรื่องไม่ใหญ่โตนัก

 

เรื่องใหญ่ ๆ มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูก โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ หรือเป็นห้วงเวลาที่ลูกป่วยนั่นเอง

แม่ พะวักพะวน ยิ่งเป็นหมอเองยิ่งเป็นมาก

พ่อ มักตกเป็นเป้านิ่งให้แม่ กล่าวโทษ

เช่น


"บอกแล้ว อย่าให้ลูกแช่น้ำ เล่นน้ำนาน"

"อย่าพาเข้าโรงหนังช่วงนี้ หวัดกำลังระบาด"

"ซื้อน้ำแข็ง ขนม มากินมากไป"

"พ่อนั่นแหละ ปล่อยให้ลูกเล่นกลางแดดมากไป"

 

.....

 

แม่เขียนถึงตอนนี้ แล้วจึงรู้สึกขึ้นได้ว่า พ่อ เป็นคนอดทน ต่อคำกล่าวโทษของแม่

ชนิดไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สักเท่าไร เรียกได้ว่า

อดทนได้มาก เป็นพิเศษ

และเป็นเวลาเนิ่นนานมา เป็นพิเศษ

......

 

เอาล่ะ กลับมาเรื่องประโยคทอง ประโยคนี้

มันมีที่มาจ้ะลูก

 

สมัยที่พ่อและแม่ คบหาเป็นเพื่อนสนิทกันมาสักระยะหนึ่ง

เราสองคน โดยพ่อ มักพาแม่ไปบ้านปู่และย่า เสมอ ๆ

ไปนั่งอ่านหนังสือเรียน นิตยสาร พอกเก็ตบุ๊ค และนิยายบู๊ลิ้ม

ไปนั่งทำรายงาน

ไปลองทำกับข้าว

ไปดูปู่ซ่อมงานเกี่ยวกับงานช่าง

ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ดูของโบราณ และฟังพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง สงขลา

 

เราสองคนต้องนั่งยานพาหนะที่ใคร ๆ ก็ใช้กัน คือ รถเมล์โดยสาร หาดใหญ่-สงขลา

ซึ่งกระเป๋ารถ-หมายถึงคำเรียก เด็กผู้ช่วยคนขับ จะร้องเชิญชวนผู้โดยสารด้วยเสียงอันดัง สั้น ห้วน เร็ว และมีเอกลักษณ์ว่า

"คล้า คล้า คล้า" หมายถึง รถคันนี้วิ่งไป สงขลา

และขากลับ เรานั่งรถเมล์สายเดิม เขาก็จะร้องว่า

"ไย้ ไย้ ไย้" หมายถึง รถคันนี้วิ่งกลับไป หาดใหญ่

 

แม่เป็นคนภาคกลาง แม่มักติดใจ ขำ ภาษาเอกลักษณ์เหล่านี้แหละลูก

 

เอ้า แล้วเกี่ยวอะไรกับ "อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา"

(เพิ่งเข้าเรื่องนะเนี่ย)

 

เกี่ยวตรงที่ รถโดยสารนี้ จะวิ่งช้าบ้างเร็วบ้าง แต่ จอดบ่อยมาก ๆ เป็นพิเศษ

 

แรก ๆ เราสองคนมักจะหาเรื่องโน้น เรื่องนี้ มาคุยกัน

ผ่านมาช่วงกลาง ๆ กลายเป็นแม่ ฝ่ายเดียวที่มักจะเล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ ให้พ่อฟัง

 

ส่วนพ่อน่ะหรือ

สองตาจับอยู่ที่หนังสือพิมพ์ หรือหนังสืออะไรก็ตามแต่ ที่ซื้อติดมือมาอ่านในรถ

 

ฟัง แม่บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

 

หลาย ๆ ทีที่ แม่เกิดอาการงอน อ้าว สมัยนั้นแม่ยังเป็นเด็กรุ่น ๆ อยู่นะ

มีคนตาม วี ๆ ก็ยังอีกหลายคน (โม้ซะเลย)

 

เมื่อพ่อรู้ตัว หมายถึงรู้อาการแม่ ว่า งอนแล้ว

 

พ่อจะรีบแซวแม่ทันที

"อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา"

 

แล้วจึงทำหน้าทำตาตลกบ้าง ทะเล้นบ้าง ทำแกล้งว่า สองตาไม่สามัคคีกัน(ตาเข) บ้างฯลฯ แล้วแต่จะคิดออก

 

แม่ก็จะ(รีบ) หายงอน

 

(กลัว ไม่งาม)

 

เมื่อผ่านชีวิตคู่กันมาอีกหลาย ๆ ปี หวนคิดถึงภาพความหลังช่วงนั้น

"คล้า คล้า คล้า"

และ

"ไย้ ไย้ ไย้"

 

ประโยคนี้ จะตามมาในห้วงคำนึงของทั้งพ่อและแม่

 

แล้วเราสองคน พร้อมใจกัน ปล่อยวาง ประเด็น ปัญหา หรือความยุ่งยากใจของเรา

ไว้ก่อนเสมอ แล้วก็ ขำ ๆ กันเมื่อนึกถึงเรื่องราว ที่มา ของประโยคนี้

 

 

"อยิยา แจ้ว ๆ เป็นหยังใดจา"

 

<3                  <3                   <3

หมายเลขบันทึก: 360825เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2010 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 01:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เป็นบันทึกที่น่ารักมาก ๆ ครับ คุณหมอภูสุภา

โชคดีที่ได้อ่านก่อน นอน

หลับฝันดี นะครับ

ราตรีสวัสดิ์ ครับ

 

น่ารักมากมายค่ะพี่หมอเล็ก อ่านแล้วเคลิบเคลิ้มเลย นึกถึงเพลง คำสัญญาที่หาดใหญ่

คล้า คล้า คล้า ไย้ ไย้ ไย้ .. ตูเชี้ย (ผกส ถามผดส) ยาย ๆ ไย้ๆๆ ม่าย ๆๆ เลยได้เจอตบใหญ่ โทษฐาน ทะลึ่ง ๆ ไม่ดูหน้าตา อิ อิ  ... เรื่องเล่าฮาๆ เมื่อนานนนม ได้อมยิ้มค่ะ ;)

ขอบคุณค่ะ น้องแสง

เขียนเอง อ่านทบทวนเอง แล้วนึกถึงถนนสายนี้ ค่ะ

 

ถนนไทรบุรี

อิ อิ ของเดิมยังเขียนเล่า(เรื่องยุงชุม)ให้ลูกฟัง (อ่าน)ไม่จบ

P

แสงแห่งความดี

ขอชมว่า ภาพนี้ ก็ น่ารักมาก ๆ แต่พี่ยังไม่รตสว ค่ะ

คนที่เรากำลังนินทา ไปประชุมอีกแล้ว

พี่ได้ที นอนดึก วางแผนไปทำงานสายกว่าทุก ๆ วันสักหน่อย ;P

คิดขึ้นมาได้ว่า พ่อและลูก เหมือนกันที่ ตรงนี้ นี่เอง

P

poo น้องปูจ๋า อีกเวอร์ชั่น คล้าย ๆ กัน ป้า ป้า ป้า ไย้ ๆ ๆ ๆ ม่าย

แล้วก็มีคำตอบฮา ๆ อีกแบบหนึ่งนะคะ

 

วันนี้เพิ่งทำงานชิ้นกลางค่อนไปทางใหญ่เสร็จ กำลังคิดถึงเรื่อง..โมแรนติค อีกแล้ววว...

แม่เขียนถึงตอนนี้ แล้วจึงรู้สึกขึ้นได้ว่า พ่อ เป็นคนอดทน ต่อคำกล่าวโทษของแม่

ชนิดไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สักเท่าไร เรียกได้ว่า

อดทนได้มาก เป็นพิเศษ

และเป็นเวลาเนิ่นนานมา เป็นพิเศษ

 

Have a nice Valentine's day<3<3<3

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท