ผมเขียนบันทึกนี้ในขณะที่ทุกคนกำลังซุกกายหลับฝันอยู่ใต้ผ้าห่มนวมอันอบอุ่นใน “สวนสบาย” ของคุณหมอสุพัฒน์ ใจงาม (kmsabai) และห้วงเวลาที่ว่านี้ก็คือ 1.16 นาฬิกา
บรรยากาศเช้าชื่น สรวลเสเฮฮาดื่มน้ำเต้าหู้อันฉ่ำหวานหน้าบ้านของน้องพิมพ์ดีด
หวนคิดถึงเรื่องราวในค่ำคืนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับหนุ่มนักฝันอย่าง “คุณเอก” (จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร) เพียงสั้น ๆ แต่ในห้วงสั้น ๆ ที่ว่านั้นก็ดูประหนึ่งว่าจะเป็นวันเวลาที่มีค่าอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการกล่าวถึงคุณประโยชน์ของ gotoknow ที่มีต่อตัวเราทั้งสองคน โดยคร่าว ๆ แล้วเราต่างก็เห็นตรงกันว่า gotoknow เป็นกลไกอันสำคัญที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้ตัวเอง พัฒนาตนเอง และเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขบนพื้นฐานของการ “แบ่งปัน”
คุณเอก, สะท้อนแบบง่าย ๆ และตรงไปตรงมาว่า gotoknow ได้ฝึกให้ตัวเองเรียนรู้การคิด การอ่าน การเขียนอย่างเป็นระบบ และหลายปีให้หลังมานี้เจ้าตัวก็เอาจริงเอาจังกับกระบวนการเรียนรู้ผ่าน gotoknow มากขึ้น ละเอียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยนั่นก็หมายถึงการยอมรับว่า ส่วนหนึ่งในการเติบใหญ่ของชีวิตนั้นก็ได้รับการเพาะบ่มและขัดเกลาจากเวทีแห่งนี้อยู่มากเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็ยังไม่รวมถึงการก่อเกิดปรากฏการณ์ทางมิตรภาพที่ฉายสะท้อนให้เห็นความเป็นต้นทุนทางสังคมที่สานใยเป็น “เครือข่าย” อันไร้พรมแดนอย่างมหัศจรรย์
นั่นคือคำบอกเล่าของคุณเอกที่ผมรับรู้และสัมผัสได้อย่างไม่กังขา บางครั้งอาจฟังดูอาจไม่ใช่บทสรุปที่แปลกใหม่ เพราะใคร ๆ ต่างล้วนสรุปไว้ในทำนองนี้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ที่ผมหยิบยกมาพูดถึงอีกรอบนั้นก็เพียงเพื่อที่จะตอกย้ำให้เห็นว่าการมา “ปาย” ในครั้งนี้ ผมเองก็อาศัยต้นทุนทางสังคมที่ว่านี้เป็นใบเบิกทางมาอย่างไม่เขินอาย
และยิ่งได้หยั่งคิดถึงวาทกรรมที่ว่า “จิตอาสา gotoknow” ก็ยิ่งให้ความเคารพต่อวาทกรรมนี้อย่างหนักแน่น เพราะนี่คือบทพิสูจน์มิตรภาพอันดีงามของบล็อกเกอร์ที่มีต่อกันและกัน ซึ่งต่างพร้อมเสมอกับการ “เทใจ” ทำสิ่งดี ๆ ร่วมกันอย่างไม่เกี่ยงงอน โดยรู้ทั้งรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ บางทีอาจจะต้องร่วมเดินทางมากับคนที่เรายังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนเลยก็ตาม
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองเรื่องนี้ว่า นี่คือปฐมบทของกิจกรรมที่ยกระดับจากความเป็น “ปัจเจก” ส่วนบุคคลมาสู่ความเป็น “องค์กร” หรือ “สถาบัน” อย่างน่าสนใจ เพราะเมื่อนับย้อนกลับไปสักสามถึงสีปี หรือมากกว่านั้นกิจกรรมนี้ก็เกิดก่อเป็นรูปเป็นร่างจากการผนึกแรงใจแห่งความเป็น "จิตอาสา" ของ "คุณเอก" และ "หมอสุพัฒน์" ล้วน ๆ โดยวิถีแห่งจิตอาสานั้นมีกัลยาณมิตรจากทั่วสารทิศต่าง ๆ ทยอยส่งสิ่งของเครื่องใช้และปัจจัยต่าง ๆ มาเกื้อหนุนตามกำลังศรัทธาอย่างน่ายกย่อง ถัดจากนั้น ทั้งคุณเอกและหมอสุพัฒน์ ก็ทำหน้าที่ในการเป็น “ผู้นำสาร” แห่งความรักและมิตรภาพเหล่านั้นไปมอบให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้านที่ขาดแคลน และนำพาภาพชีวิตที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความหวังของเด็ก ๆ สื่อสารกลับมายังเจ้าของ “สาร” อย่างไม่ตกหล่น พลอยให้แต่ละท่านอิ่มใจและอิ่มบุญกันอย่างถ้วนหน้า
แต่สำหรับต้นหนาวของปีนี้ ผมเข้าใจว่ากิจกรรมดังกล่าวได้เปลี่ยนสถานะขึ้นอย่างน่าสนใจ อย่างน้อยก็เห็นได้ชัดว่ากิจกรรมนี้ได้ถูกระบบของความเป็น gotoknow สานรับอย่างแน่นหนัก และเป็นเสมือนการตอบรับว่านี่คืออีกกิจกรรมหนึ่งของ gotoknow ที่คืนกำไรกลับสู่สังคม และถึงแม้กิจกรรมนี้จะไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของการก่อเกิด gotoknow แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือผลพวงของเวทีแห่งการเรียนรู้นี้ด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกันนี้ ผมเองก็คิดเองเออเองไปไกลเลยว่า คงดีไม่น้อยหาก “จิตอาสา gotoknow” จะยังคงหยัดยืนอยู่ต่อไป พร้อม ๆ กับการขยายเครือข่ายไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ หากแต่เป็นกิจกรรมที่ง่าย ๆ และแสนงาม ไม่หวือหวาและตั้งเป้าสูงส่ง เฉกเช่นกับที่ผมคิดเองเออเอง รวมถึงแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมทางไปแบบเรื่อย ๆ ในทำนองที่ว่า “คงจะดีมากหากกิจกรรมนี้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และเป็นงานอันสร้างสรรค์ของเครือข่าย gotoknow ที่อาจต้องร่วมกันสานต่ออย่างมีพลังสืบไป ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการหมุนเวียนสัญจรไปยังภูมิภาคอื่นๆ หรือไม่ หรือหากมีขึ้น ณ ที่ใดก้แล้วแต่ รูปแบบก็ย่อมปรับแต่งไปตามภูมิภาค หรือท้องถิ่นนั้น ๆ ก่อเกิดบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกันและได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างไม่ซับซ้อน ซึ่งบางครั้งก็รวมถึงการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้กันและกันไปในตัว”
ต้นกล้า : หนุ่มแม่ฮ่องแสนกับการมาเมืองปายเป็นครั้งแรกของชีวิต
อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังอยากที่จะยืนยันว่า การขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้แนวคิดของความเป็น “จิตอาสา gotoknow” นั้นได้กลายมาเป็นพลังที่น่าสนใจ หากสามารถขยายผลต่อเนื่องและสามารถนำพากลุ่มบรรดาบล็อกเกอร์ทั้งหลายทั้งปวงมาร่วมกันอย่างหนักแน่น ยิ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ท้ายที่สุดแล้ว ดีไม่ดีกลุ่มจิตอาสา gotoknow อาจได้รับการกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย เฉกเช่นหลายกลุ่มที่สังคมให้การยกย่องและกล่าวถึงมาแล้วอย่างมากมาย ยิ่งหากสามารถนำคนหนุ่มคนสาวในรั้วมหาวิทยาลัยมาร่วมเป็นเครือข่ายได้ ยิ่งน่าจะเป็น “ห้องเรียน” อีกห้องที่ควรค่าต่อการเรียนรู้อย่างยิ่งยวด เพราะจะช่วยให้พวกเขาได้มีโอกาสพบเจอกับครูคนใหม่ที่มาในภาพของ “บล็อกเกอร์” และร่วมกิจกรรมด้วยกันอย่างแสนสนุก
แต่อย่างไรก็ดี ผมก็เข้าใจดีว่า โดยเนื้อแท้แล้วคนริเริ่มกิจกรรมนี้อย่างคุณเอกและหมอสุพัฒน์ก็คงมิได้ปรารถนาให้กิจกรรมนี้เติบใหญ่และมีชื่อเสียงเสียทั้งหมดหรอก หากแต่ปรารถนาเพียงการได้แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบข้างเป็นหลักสำคัญ และเพียงต้องการยืนยันให้เราได้ตระหนักอย่างหนักแน่นว่า "ความดี..งดงามเสมอ" และการให้ที่แท้จริงก็คือการให้ที่ปราศจากการหวังสิ่งตอบแทน
นิสิตจาก มศว. กำลังลำเลียงสิ่งของขึ้นรถสองแถว ณ บ้านสุขใจ
สำหรับผมแล้ว ในห้วงเวลาที่ผ่านมา หลายต่อหลายกิจกรรมที่จัดแต่งขึ้นก็ล้วนแล้วแต่ได้รับพลังขับเคลื่อนและหนุนนำจากกัลยาณมิตรที่เป็นบล็อกเกอร์ใน gotoknow แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายเล็ก ๆ ในชื่อ สายธารความรู้สู่เด็กและเยาวชน เรียนนอกห้องเรียนปรับเปลี่ยนทัศนคติสู่จิตสำนึกสาธารณะ หรือแม้แต่ มมส รวมใจสู้ภัยน้ำท่วม และล่าสุดนั้นก็คือ การพานิสิตไปต่อเติมศาลาเพื่อจัดกฐินโบราณแบบสมถะ ๆ ซึ่งทุกกิจกรรมก็มีความเป็น “บล็อกเกอร์ gotoknow” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเหล่านั้นเสมอ ไม่ว่าจะมาในรูปของเงินทอง สมุดหนังสือ ของเล่น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ก็ยืนยันได้ว่า gotoknow เป็นพื้นที่แห่งการสนับสนุนการทำความดีในแบบ “จิตอาสา” อย่างชัดเจน เพียงแต่กิจกรรมที่มีขึ้นนั้น มิได้นำเข้าสู่ระบบและวาทกรรมเฉกเช่นกิจกรรมในครั้งนี้เท่านั้นเอง
และสำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ผมถือได้ว่าเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ไม่ซับซ้อนนัก และเชื่อว่าทุกคนที่เข้าร่วมจะรู้สึกในทำนองเดียวกันว่า “เวลากับงาน” นั้นสามารถจัดการได้อย่างไม่ยากเย็น อีกทั้งไม่เพียงแต่ได้ทำสิ่งดี ๆ เท่านั้น หากแต่ยังผูกโยงถึงการเรียนรู้ “ภาพชีวิต” ของผู้คนและสังคมต่าง ๆ ไปในตัวอย่างแนบเนียน ได้ทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ ได้ทั้งการพักผ่อนและเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชุมชนไปในตัว และที่สำคัญก็คือการเป็นเสมือนการมา “เยี่ยมญาติ” ด้วยเช่นกันกระมัง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ทั้งปวงแล้วก็คงต้องยกคุณประโยชน์นั้นให้กับ gotoknow ไปเต็ม ๆ
ท้ายที่สุดนี้ ถึงแม้ ณ ห้วงที่ผมกำลังนั่งเขียนบันทึกด้วยคอมพิวเตอร์นี้ กิจกรรมที่ว่าด้วย “จิตอาสา” จะยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องลงมือทำอย่างเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็เชื่อและเข้าใจอย่างไม่กังขาว่า แท้ที่จริงแล้ว กิจกรรมทั้งปวงนี้ก็ก่อเกิดและดำเนินมาเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว
และนี่ก็เป็นปรากฏการณ์ของการพัฒนากิจกรรมหนึ่งในระดับปัจเจกขึ้นสู่ความเป็นองค์กรอย่างน่ายกย่อง โดยเฉพาะการใช้พลังของเครือข่ายอันเป็นต้นทุนของสังคมมาขับเคลื่อนอย่างน่าสนใจ และถึงแม้กิจกรรมนี้จะมีขึ้นและปิดตัวลงเพื่อรอการมาเยือนอีกครั้งในปีหน้า แต่ผมก็เชื่อว่า ความดี..ยังงดงามเสมอ
พี่แก้ว พี่คิม และพี่ใบบุญ ..ทีมงานจิตอาสาจากขอนแก่นและโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ฯ
ผมมีความสุขที่ได้เขียนบันทึกนี้จากมุมมองดิบ ๆ ของตนเอง โดยไม่หยั่งคิดอะไรมาก เพราะนี่คือการเขียนแบบเปิดเปลือยตามสไตล์ของผม ส่วนจะผิดหรือถูกนั้นก็สุดแท้แต่ผู้อ่านจะวินิจฉัย ซึ่งผมก็พร้อมน้อมเคารพอย่างปราศจากเงื่อนไขใด ๆ
แต่ที่สำคัญเลยก็คือ ... ผมรู้สึกชัดเจนเหลือเกินว่า งานนี้ คืองานบุญ
และ “จิตอาสา gotoknow” คือปรากฏการณ์ “บุญ” ที่ควรได้รับการขยายผลต่อไปและต่อไป
....
02.25 น.
สวนสบาย, ปาย
คืนที่ความฝันไม่ยอมหลับฝัน
จองงงงงงงงงงง
ขอบคุณที่มีโอกาสได้ไป..จิตอาสาด้วยกัน
ให้ความรู้สึกดีดี..เมื่อพบกันค่ะ
***ชื่นชมกับเส้นทางบุญใหม่ๆ..ในจิตอาสาทุกดวง
กัลยาณมิตรโดยแท้
ยินดีด้วยที่กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักครอบครัว แผ่นดิน แดนไท
สุขใจที่คิดถึงรอยยิ้มของเด็กๆ ค่ะ
ฝากหอมแก้มทั้งคุณเจี๊ยบและน้องแผ่นดิน แดนไท นะคะ
"จิตอาสา gotoknow"
เป็นเรื่องของ "ธรรมะจัดสรร" ด้วยครับ
ผมมานั่งคิดดูว่า เรายอมเหนื่อย เรายอมทุ่มเท เพื่อการได้ทำสิ่งหนึ่งแล้วเรามีความสุขนั้น เป็นความสุขที่อิ่มเอิบครับ
"จิตอาสา gotoknow"
เป็นปฐมบทของความตั้งใจ ของผมที่จะนำสังคมออนไลน์ เชื่อมโยงสายใยมิตรภาพของผู้คน...
หลายคนบอกว่า โลกของไซเบอร์ กับโลกที่เป็นจริง นั้นช่างแตกต่างกัน แต่สำหรับ gotoknowแล้ว เรากลับพบคนดีที่มารวมตัวกันอยู่มากมาย และผู้คนเหล่านั้นพร้อมที่จะทำสิ่งหนึ่ง สิ่งใดเพื่อสังคม โดยมีพฤติกรรมเอาธุระ
ผมเพียงเป็น "ผู้สื่อสาร" และก้าวขึ้นไปสู่ "ผู้ส่งสาร" จนในที่สุดความสำเร็จที่เริ่มเห็นชัดขึ้น ผมขยับตนเองขึ้นเป็น "ผู้ส่งความสุข" ให้กับคนในสังคมของเรา
งานนี้ สำเร็จลงได้อย่างงดงาม จากการรวมมือ ร่วมใจของทุกคน ผมให้ทุกคนคิดถึงเป้าหมาย สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นเป็นที่ตั้ง คือ ความสุข รอยยิ้มของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...
ลมหนาวที่แปรเป็นไออุ่น...ที่บนดอยสูงอำเภอปาย
ตลอดระยะเวลา ๔ - ๕ วัน ผมอยากกราบหัวใจ"ทองคำ" ของทุกท่านมากครับ เพราะผมรู้ดีว่า พื้นที่ที่ผมพาทุกท่านเดินทางไปนั้น ลำบากลำบน เป็นวิถีที่ไม่คุ้นชินของหลายท่าน...แต่ผมก็ได้พบแต่รอยยิ้มและถ้อยคำดีๆให้ผมฮึดสู้ และทำต่อไป
คุณแผ่นดิน...(พนัส ปรีวาสนา) เป็นกัลยาณมิตรที่ดี คำพูดอันทรงพลัง พร้อมกับความฝันที่คุกกรุ่นของคุณพนัส ผมรับรู้ได้ และนั่นเอง...คือ เชื้อไฟ ให้พลังภายในของผมคุโชนตลอดเวลา
ขอบคุณ และ ขอบคุณ ...
ผมอยากกล่าวคำขอบคุณสักพันครั้ง...
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอบคุณบันทึกดีๆที่ทำให้คนอ่านชื่นใจและมีศรัทธาในผู้คนต่อๆไปค่ะ
"น้ำใจยังมีค่าเมื่อรู้ว่ามาจากดิน" ครับ...
ขอบคุณสำหรับ "ความรู้" และ "ความรู้สึก" ที่ได้จากการอ่านของผู้ผ่านทางอย่างผมครับ :)
ด้วยความสัตย์จริง อยากบอกว่า "ขอบคุณอย่างที่สุด" สำหรับ มิตรท่านี้ครับ อ.Wasawat Deemarn กัลยาณมิตรของผม
ผมไปเห็น สิ่งของบริจาคที่ส่งมาที่บ้าน ...สัมผัสถึงความตั้งใจที่ดีงามและทรงพลัง
ผมขอขอบคุณ...จากใจมา ณ บันทึกนี้ครับ
ขอบคุณคะที่มีโอกาสร่วมทำบุญและได้ดูภาพกิจกรรม ถึงแม้จะไม่ได้ไปด้วย
ฝากกำลังใจไปคะ
สวัสดีครับ ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
ดีใจมากเลยที่มีโอกาสได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับผองเพื่อนและน้องพี่ในครั้งนี้ ซึ่งก็เตรียมใจอยู่แล้วว่า คงไม่ได้ไปเที่ยว หากแต่คงมีอะไรให้ทำอยู่มากโข แต่ภาระที่เกิดขึ้นจริงก็ไม่ได้ลงมือลงไม้อะไรมากนัก ส่วนใหญ่น้อง ๆ นักศึกษาก็เป็นเรี่ยวแรงจัดการได้ในระดับหนึ่ง กอปรกับกิจกรรมที่มีขึ้นก็ไม่ได้ซับซ้อนและใหญ่โตอะไรมาก จึงถอยมาทำหน้าที่บันทึกภาพให้กับทีมงานเสียส่วนใหญ่
ถึงแม้จะเคยทำกิจกรรมเพื่อสังคมในทำนองนี้อยู่มาก แต่ก็ยอมรับว่ายังไงแล้วก็ตื่นเต้นอยู่วันยังค่ำ ...
ขอบคุณครับ
รู้สึกยินดีในกิจกรรมดีๆอย่างนี้ไ ปด้วยค่ะ
วันหลัง ถ้ามีโอกาส จะขอไปด้วย
สวัสดีครับ ครูคิม
ตอนที่เขียนบันทึกนี้ ยังไม่ได้เริ่มงานกันจริง ๆ เลย แต่ก็รู้สึกได้ว่า ทุกอย่างจะดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะทุกอย่างมี "ใจ" เป็นตัวนำทาง
เดี๋ยวคงทยอยเล่าเป็นตอน ๆ ไปนะครับ..
สวัสดีครับ พี่แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
บอกได้คำเดียวกับ "เยี่ยม"
และเชื่อว่านี่คือการเริ่มต้นของการทำงานร่วมในนามจิตอาสาโกทูโน ..
ดีใจครับ ที่เป็นส่วนหนึ่งกับงานในครั้งนี้ ไม่มากมายนัก แต่ก็ดีใจและมีความสุขอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
อ่านแล้ว อิ่มอกอิ่มใจกับชุมชนของคนดีที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้สังคมค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทำสิ่งดีๆต่อไปนะคะ
สวัสดีครับ สี่ซี่
ผมเขียนบันทึกนี้ด้วยความสัตย์จริงแห่งมิตรภาพ และปรารถนาให้เกิดพลังเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็จะได้ชวน ๆ ชาวบล็อกขยับออกมาคืนกำไรให้กับสังคม
ดีครับ, กิจกรรมนี้ดีมาก ๆ ..ผมชื่นชอบและประทับใจเป็นที่สุด
....ปรารถนาให้เกิดพลังเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็จะได้ชวน ๆ ชาวบล็อกขยับออกมาคืนกำไรให้กับสังคม....
ขอร่วมปรารถนาด้วยค่ะ
ประทับใจ(โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กสองคน) แม้ ไม่ได้ไปด้วยในครั้งนี้
สวัสดีครับ..กิติยา เตชะวรรณวุฒิ
แท้ที่จริงแล้วก็อยากจะเกริ่นกล่าวในทำนองว่า งานนี้เป็นงานบุญ และเป็นการรวมพลังของคนดีๆ ที่ปรารถนาจะทำความดีให้กับสังคม โดยเฉพาะส่วนใหญ่นั้น ก็ล้วนมีการมีงาน มีความพร้อมกันแล้ว จึงง่ายต่อการคืนสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมไปในตัว.
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ บีเวอร์
กิจกรรม "จิตอาสา gotoknow" เป็นพลังความดีที่กัลยาณมิตรหลอมรวมมาช่วยกัน ควรต่อการสืบต่อให้ยาวนานต่อไปครับ
ขอบคุณครับ
ผมภูมิใจที่ได้ร่วมเดินทางเคียงข้างไปกับท่านอาจารย์ในครั้งนี้ ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าตามรายทาง และขอบคุณสำหรับภาพถ่ายครับ : )
สวัวดีครับ พี่ ใบบุญ
การเดินทางร่วมกับผู้ใหญ่ใจดี.. ถือเป็น "มงคลชีวิต" สำหรับผมและครอบครัว
สุขภาพแข็งแรง นะครับ
แอบมาชื่นชมยินดีกับกิจกรรมดีๆคะ
ขอให้จิตใจที่เป็นกุศลของคุณพนัส และ สมาชิก "จิตอาสา gotoknow" ได้สร้างกิจกรรมดีดีต่อสังคมต่อไป และขยายเครือข่ายไปได้ทั่วภูมิภาค ขอเป็นกำลังใจ
ยืนยันด้วยคนนะคะว่า..ความดียังงดงามเสมอ...