"ฮา!!.สภาโจ๊ก" --> บทที่ 3 "รู้ผิด..รู้ชอบ..รู้ชั่ว..รู้ดี" (ตอน 1)


"เดี๋ยวพระมั่วสีกา..นักศึกษาแย่งผัวหมอ..เด็กอยู่หอ เป็นเมียผัว..นักการเมืองชั่ว คอรัปชั่น...แม่ใจหิน ฆาตกรรมลูกตัวเอง".

"รู้ผิด..รู้ชอบ..รู้ชั่ว..รู้ดี"

สวัสดีครับ... พี่น้องชาวสภาโจ๊ก ที่อุดมไปด้วยไขมัน...

แต่ขัดสน  คุณธรรม...จริยธรรม...ศีลธรรม

ถามใครต่อใคร...ก็บอกว่ารู้...บอกว่าเข้าใจ

ถามต่อไปอีกว่า...ถ้ารู้...แล้วรู้มั้ย

ว่าคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม นำความรู้...นำชีวิต...

รู้ผิด...รู้ชอบ...รู้ชั่ว...รู้ดี...

คำตอบคือ..." รู้ "

แต่ปัญหาก็คือ ไอ้เจ้าที่รู้หลายๆคน ยังทำผิดกันอยู่

มันทำ...ทั้งที่รู้ว่า...ไม่ดี

หรือว่าไม่ดี แต่มันก็ยังทำ...

เราเลยไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรกับมันดี

นอกจากหาทางปลูกฝังหล่อหลอมให้มีสำนึกทันมากขึ้น

มิฉะนั้นแล้ว ต้องมาหาทางแก้กันที่ปลายเหตุกันไม่หวาดไหว

เสียงบประมาณไม่รู้จักจบสิ้น

ต้องปลูกกันใหม่...ถ้าปลูกไม่ขึ้น ก็ฝังมันไปเลย...

ไม่อย่างนั้น เกิดมาเป็นสายพันธุ์ ที่เลี้ยงเปลืองข้าวสุกเปล่าๆ

ทางแก้ก็ต้องทำหลายๆหนทางครับ

เริ่มต้นตั้งแต่...ให้รัฐบวมเอาวิชาหลักๆ จับยัดเข้าไป

ในหลักสูตร การเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล

คือวิชาศีลธรรม

วิชาหน้าที่พลเมือง

เราโยนสองวิชานี้ เข้ากรุไปนานแล้ว

ช่วยไปขุดขึ้นมาปัดฝุ่นกันใหม่

และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ก็ช่วยเอาวิชา " สมบัติผู้ดี " และวิชาที่อุดมไปด้วย

จริยธรรม คุณธรรม บรรจุเข้าไปเป็นวิชาหลักๆ

เอาเป็นว่า ถ้าจะสอบเข้ามหาลัย ตอนสอบเอนทรานซ์

ทั้งโอเน็ต เอเน็ต  ถ้าไม่ผ่านวิชาหลักเหล่านี้ ...

คะแนนวิชาอื่นๆก็ไม่ต้องตรวจกันละ...ปรับตกไปได้เลย

ไม่อย่างนั้น จบออกมาประกอบอาชีพ วิชาชีพ แข็งเป๊ก!

แต่วิชา จริยธรรม ศีลธรรม คุณธรรม หน้าที่พลเมืองดี

รวมทั้งสมบัติผู้ดี  อ่อนปวกเปียก เป็นมะเขือเผาเชียว ….

ดูสังคมในปัจจุบันก็แล้วกัน

ว่าเราอ่อนวิชาเหล่านี้ขนาดไหน

"เดี๋ยวพระมั่วสีกา

นักศึกษาแย่งผัวหมอ

เด็กอยู่หอ เป็นเมียผัว

นักการเมืองชั่ว คอรัปชั่น

ข้าราชการโกงแผ่นดิน

แม่ใจหิน ฆาตกรรมลูกตัวเอง"...

เราเห็นข่าวพาดหัว เกือบทุกวัน

อะไรมันเกิดขึ้นกับสังคมเรานี่...

เพราะฉะนั้นถ้าจะสอบเข้ามหาลัย

คะแนนทุกวิชาที่สอบทั้งหมด 100 คะแนนเต็ม

วิชาจริยธรรม หน้าที่พลเมือง สมบัติผู้ดี

ผู้ที่จะไปสอบวิชาชีพได้

ต้องได้คะแนนจากสี่วิชานี้อย่างน้อย 80 คะแนน

ถึงจะมีสิทธิไปสอบวิชาชีพได้

ไม่อย่างนั้น เวลาจบออกมาประกอบวิชาชีพ ก็จะไม่มี

คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม เท่าที่ควร

หลายคนจบมาเป็นหมอ  ก็เป็นหมอที่ทั้งเค็มทั้งเขี้ยว

อะไรที่เค็มได้ แพงได้ แพงไว้ก่อน

ทำยังกับโรงพยาบาลเป็นโรงเกลือ ยังไงยั้งงั้น

โรงพยาบาลเอกชนบางโรง

"โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง"โรงพยาบาลบางโรง ไม่ใช่ทุกโรงพยาบาล

เวลาคนไข้เกิดอุบัติเหตุ  มีคนเอามาส่งโรงพยาบาล

พอดูว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่แน่ใจว่าหายแล้ว หรือตายแล้ว

ใครจะเป็นผู้จ่ายค่ารักษา

เมื่อไม่แน่ใจ ก็บอกให้ไปรักษาโรงพยาบาลอื่น

คนที่พามา ก็ต้องหอบคนป่วยที่แน่นิ่ง

ไปตะลอนหาโรงพยาบาลของรัฐที่ไกลออกไปอีก

บางรายก็รอด บางรายก็พิการ บางรายก็ตาย

เหตุการณ์เช่นนี้ เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อยๆ

 อย่างนี้ไม่เรียกว่าหมอสอบตกวิชาศีลธรรม

แล้วจะว่าสอบตกวิชาอะไร...

บางคนจบออกมาเป็นครู

สอนหนังสือเหมือนแม่ค้า ยืนไล่แมลงวัน... (ฮา)

อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นครู เขาเรียกว่า....คนสอนหนังสือ

เพราะอยู่ในประเภท ตัวยืนอยู่หน้าห้องเรียน แต่..ใจไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

คนสอนหนังสือบางคน ตีนักเรียนหรือทำโทษนักเรียน

ยังกับนักเรียนเป็นวัวเป็นควาย...(ฮา)

บางรายก็ซาดิส... ทำโทษเด็กด้วยวิธีแปลกๆ

อย่างนี้ก็มีให้เห็นในข่าวเนืองๆ แสดงว่าครูกลุ่มนี้

สอบตกวิชา จริยธรรม ศีลธรรม เลยขาด เมตตาธรรม

ทำให้ครูดีๆส่วนใหญ่ พลอยเสื่อมเสียไปด้วย.../...

 

หมายเลขบันทึก: 178353เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2008 17:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีค่ะ อ.พนม

เย้ ดีใจๆมาอมยิ้มด้วยความแสบๆคันๆคนแรกเลย ^ ^

เห็นด้วยค่ะว่าวิชาต่างๆที่อาจารย์กล่าวมานั้นสูญหายไปนานมากๆ และมีคนถามหากันเยอะแยะ แต่ดูเหมือนจะไม่มีการขานรับจากกระทรวงศึกษาธิการเท่าที่ควรเลยค่ะ..เท่าที่พบเห็นมาเบิร์ดเห็นีีพี่แอมป์นะคะที่นำหนังสือสมบัติผู้ดีให้นักศึกษาได้เรียน

เบิร์ดเคยสงสัยว่าจริยธรรมที่เรียนในเรื่องของพุทธศาสนานั้นเราเรียนเพื่อท่องจำมากกว่าการใช้งาน เลยทำให้เบิร์ดคิดเรื่อยเปื่อยไปที่สมบัติผู้ดีว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ความเป็นนามธรรมของศาสนากลายเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการปฏิบัติมากขึ้นค่ะ

สมบัติผู้ดี   แบ่งออกเป็น 10 หมวดหรือ 10 ภาคคือ

            ภาค    1       ผู้ดีย่อมรักษาความเรียบร้อย

            ภาค    2       ผู้ดีย่อมไม่ทำอุจาดลามก

            ภาค    3       ผู้ดีย่อมมีสัมมาคารวะ

            ภาค    4       ผู้ดีย่อมมีกริยาเป็นที่รัก

            ภาค    5       ผู้ดีย่อมเป็นผู้มีสง่า

            ภาค    6       ผู้ดีย่อมปฏิบัติการงานดี

            ภาค    7       ผู้ดีย่อมเป็นผู้ใจดี

            ภาค    8       ผู้ดีย่อมไม่เห็นแต่แก่ตัวฝ่ายเดียว

            ภาค    9       ผู้ดีย่อมรักษาความสุจริตซื่อตรง

            ภาค    10     ผู้ดีย่อมไม่ประพฤติชั่ว

3  จริยา

จากสมบัติผู้ดีที่กล่าวมาแล้ว 10 ข้อ หรือ 10 ภาค แสดงให้เห็นว่ากริยาที่แสดงออกมาของความเป็นผู้ดีนั้นมีทั้งด้านกาย  วาจาและใจนะคะ  หากเรียกเป็นคำศัพท์  ก็จะได้ว่า  กายจริยา  วจีกริยาและมโนจริยา  ซึ่งทั้งกาย  วาจา  และใจจะต้องมี  จริยา  หรือ  ความประพฤติที่เป็นกลางทางสังคม ด้วยค่ะ.. ดังนั้นคำว่า ผู้ดี  จึงหมายถึงบุคคลผู้มีความประพฤติดีทั้งทางกาย  ทางวาจาและทางใจควบคู่กันไปทั้ง 3 ด้าน ไม่บกพร่องเลยหรือบกพร่องน้อยที่สุดหรือครั้งต่อไปจะได้รับการพัฒนาไม่ให้บกพร่องเหมือนครั้งนี้ อิ อิ อิ..เมื่อมีการควบคุม พัฒนาก็จะเป็นลักษณะนิสัยที่ยั่งยืนในตัวตนจนสามารถสืบทอดไปสู่ผู้อื่นไดนะคะ

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 1

        กายจริยา  เช่น     1) ย่อมไม่อาจเอื้อมในที่ต่ำสูง

                              2) ย่อมไม่อื้ออึงในเวลาประชุมสดับตรับฟัง

        วจีจริยา    เช่น     1) ย่อมไม่ใช้วาจาอันหักหาญ ดึงดัน

                              2) ย่อมไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย

        มโนจริยา  เช่น     1) ย่อมไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านหยิ่งโยโส

                              2) ย่อมไม่บันดาลโทสะให้เสียกริยา

                    จากตัวอย่างที่ยกมานี้เป็นข้อบกพร่องอย่างฉกรรจ์ที่คนในสังคมปัจจุบันจะต้องสังวร  เพราะดูจะต้องปรับปรุงแก้ไขจริยาเหล่านี้อยู่เสมอเลยล่ะค่ะ อิ อิ อิ

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 2

        กายจริยา  เช่น      1) ย่อมไม่แต่งตัวในที่แจ้ง

                               2) ย่อมไม่จิ้ม ควัก ล้วง แคะแกะร่างกายในที่ชุมชน

        วจีจริยา    เช่น      1) ย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งโสโครกฟังรังเกียจในท่ามกลางประชุมชน

                               2) ย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งควรปิดบังในท่ามกลางประชุมชน

        มโนจริยา  เช่น      1) ย่อมพึงใจที่จะรักษาความสะอาด

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 3 ค่ะ

        กายจริยา  เช่น      1) ย่อมนั่งด้วยกริยาสุภาพต่อหน้าผู้ใหญ่

                               2) แม้ผู้ใดเคารพตนก่อนต้องเคารพตอบทุกคนไม่เฉยเสีย

        วจีจริยา    เช่น      1) ย่อมไม่กล่าวร้ายถึงญาติมิตรที่รักใคร่นับถือของผู้ฟังแก่ผู้ฟัง

                               2) เมื่อตนทำพลาดพลั้งสิ่งใดแก่บุคคลใดควรออกวาจา ขอโทษ เสมอ

        มโนจริยา  เช่น      1) ย่อมเคารพยำเกรง บิดามารดาและครูบาอาจารย์

                               2) ย่อมมีความอ่อนหวานแก่ผู้น้อย

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 4

        กายจริยา  เช่น       1) ย่อมไม่ฝ่าฝืนเวลานิยม  เช่น  ที่เขานั่งไปยืน  ที่เขายืนไปนั่ง

                                2) ย่อมไม่ทำกริยารื่นเริงเมื่อเขามีทุกข์

        วจีจริยา    เช่น       1) ย่อมไม่ค่อนแคะติรูปกายบุคคล

                                2) ย่อมไม่พูดให้เพื่อนเก้อกระดาก

        มโนจริยา  เช่น       1) ย่อมมีความรู้จักงามรู้จักดี

                                2) ย่อมมีความเข้าใจว่องไวไหวพริบรู้เท่าถึงการณ์

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 6

        กายจริยา  เช่น       1) ย่อมไม่ถ่วงเวลาให้คนอื่นคอย

                                2) ย่อมไม่ทำการแต่ต่อหน้า

        วจีจริยา    เช่น       1) พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้

                                2) ย่อมไม่รับวาจาคล่องๆ  โดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้

        มโนจริยา  เช่น       1) ย่อมไม่เป็นผู้เกียจคร้าน

                                2) ย่อมเป็นผู้ทำอะไรทำจริง

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 7

        กายจริยา  เช่น        1) เมื่อเห็นใครทำผิดพลาดอันน่าเก้อกระดาก 
                                    
ย่อมช่วยกลบเกลื่อนหรือทำไม่เห็น

                                 2) เมื่อเห็นเหตุร้ายหรืออันตรายจะมีแก่ผู้ใดย่อมต้องรีบช่วย

        วจีจริยา    เช่น        1) ย่อมไม่เยาะเย้ยถากถาง  ผู้กระทำผิดพลาด

                                 2) ย่อมไม่ใช้วาจาอันข่มขู่

        มโนจริยา  เช่น        1) ย่อมไม่มีใจอันโหดเหี้ยมเกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย

                                 2) ย่อมไม่ซ้ำเติมคนเสียที

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 8

        กายจริยา  เช่น        1) ย่อมไม่รวบสามตะกรามสี่กวาดฉวยเอาของที่เขาตั้งไว้เป็นของกลาง 
                                      
จนเกินส่วนที่ตนจะได้

                                 2) ย่อมไม่ลืมที่จะส่งของ  ซึ่งคนอื่นได้สงเคราะห์ให้ตนยืม

        วจีจริยา    เช่น        1) ย่อมไม่นำธุระตนเข้ากล่าวแทรกในเวลาธุระอื่นของเขากำลังชุลมุน

                                 2) ย่อมไม่ใช้วาจาอันโอ้อวดตนและลบหลู่ผู้อื่น

        มโนจริยา  เช่น        1) ย่อมรู้คุณผู้อื่นที่ได้ทำแล้วแก่ตน

                                 2) ย่อมไม่เกี่ยงงอน  ทอดการงานตนให้ผู้อื่น

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 9

        กายจริยา  เช่น        1) ย่อมไม่ละลาบละล้วง เข้าร้องเข้าเรือนก่อนเจ้าของบ้าน อนุญาต

                                 2) ย่อมไม่เที่ยวเปิดดูหนังสือ  ตามโต๊ะเขียนหนังสือของผู้อื่น

        วจีจริยา    เช่น        1) ย่อมไม่เที่ยวถามเขาว่านั่นเขียนหนังสืออะไร

                                 2) ย่อมไม่เก็บเอาความลับของผู้หนึ่งมาเที่ยวพูดแก่ผู้อื่น

        มโนจริยา  เช่น        1) ย่อมไม่เป็นคนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างหนึ่ง

                                 2) ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในความเที่ยงตรง

       

ตัวอย่างสมบัติผู้ดีภาคที่ 10

        กายจริยา  เช่น         1) ย่อมไม่ข่มเหงผู้อ่อนกว่า เช่น เด็ก  หรือผู้หญิง

                                  2) ย่อมไม่มั่วสุมกับสิ่งอันเลวทราม เช่น กัญชา ยาฝิ่น

                                      (ปัจจุบันต้องเพิ่มยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ยาเค 4 x 100 เข้าไปด้วยนะคะเนี่ย อิ อิ อิ - )

        วจีจริยา    เช่น          1) ย่อมไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท

                                   2) ย่อมไม่เป็นผู้สอพลอประจบประแจง

        มโนจริยา  เช่น          1) ย่อมไม่คิดทำลายผู้อื่น เพื่อประโยชน์ตน

                                   2) ย่อมเป็นผู้มีความละอายแก่บาป

       

มาถึงพฤติกรรมที่ปรากฏตามที่อาจารย์กล่าวข้างบนนั้นกันนะคะ  แหม..ติดลม ^ ^

                สำหรับพฤติกรรมที่ปรากฏของคนในสังคมไทยตามตัวอย่างสมบัติผู้ดีที่เบิร์ดสุ่มมาให้ดูทั้ง 10 ภาค ก็สามารถให้คำตอบได้เป็นอย่างดีว่า  ทั้งเยาวชน  ผู้ใหญ่ชนและชราชนของเราต่างก็บกพร่อง  จริยา  ทั้งทางกาย  วาจา  และใจกันเป็นส่วนมากเลยนะคะ  การบกพร่องเช่นนี้เองทำให้  สังคม  โดยส่วนรวมวุ่นวายสับสนไปด้วย  ..แหม มิน่าล่ะคะ อิ อิ อิ  ^ ^...

สรุปค่ะ...ลงได้ซะที เกือบไปแล้วเชี้ยว 555

สมบัติผู้ดี  จึงดูจะเป็นเครื่องมือที่  สงบนิ่งดังขุนเขา  แต่ทรงพลังอำนาจดั่งเทพเจ้า  ที่นักการศึกษา  นักวิชาการ  ข้าราชการ เยาวชนและประชาชนทั่วไปทุกอาชีพควรหันกลับมาให้ความใส่ใจนะคะ  อย่างน้อยก่อนจะจากโลกนี้ไป ก็ยัง้สรุปบทเรียนให้ตนเองได้รู้ว่า  ผิดจริยาข้อใดบ้าง  ฮี่ ฮี่ ฮี่

เบิร์ดมาซะบันทึกอาจารยหนักไปเลยค่ะ ขออภัยนะคะด้วยความมันเขี้ยวแท้เทียว..

กราบสวัสดีครับอาจารย์

    ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมนานครับ มาเยี่ยมครั้งนึงก็จะหายไปอีกนานครับ ท่านอาจารย์สบายดีนะครับ...

    ปัญหาหนึ่งปัญหามาจากหลายๆ สาเหตุได้....และในทางเดียวกันเหตุเดียวกันก็คงทำให้เกิดได้หลายๆ ปัญหา หากดับปัญหาักันที่ปลายเหตุ คือไกลจากเหตุ ก็คงห่างจากเหตุครับ เพราะเหตุเดียวเกิดปัญหาต่างๆ ได้หลายๆ ปัญหา ทำให้นึกถึงไฟลามทุ่งเลยครัีบ แค่ทิ้งไม้ขีดก้านเดียว พอเพลิงแผ่วงกว้างดับกันไม่ทันคนเดียว ทั้งๆที่คนเดียวเป็นต้นเพลิง...

    ผมเชื่อเรื่องกรรมครับ... หลายคนเชื่อว่ากรรมคือการกระทำ ผลกรรมคือผลของการกระทำ  ผมเชื่อว่ากรรมเริ่มจากต้นขั้วของความคิดเลย ทุกวันคงอยู่ห่างวัด อยู่ข้างวัดก็ห่างวัด มีวัดมากก็ห่างวัด

    พระธรรมชาติท่านบอกว่า...มนุษย์สมัยนี้ต่างจากมนุษย์ที่ได้สร้างขึ้นในยุคแรกๆ โดยเฉพาะเรื่องของใจนั้น ต่างกันมาก ท่านบอกว่ามนุษย์คงทำร้ายโลกนี้ได้ไม่หมดหรอก เพราะก่อนจะถึงวันนั้น ทุกอย่างจะกลับคืนมาใหม่ ทำให้ผมนึกถึงระบบเหยื่อและผู้ล่าเพื่อสร้างความสมดุลครัีบ

ขอบพระคุณมากครัีบ รัักษาสุขภาพนะครัีบ

  • สวัสดีครับอาจารย์ ควรปฏิรูปหลักสูตร ก่อนที่จะสายไปกว่านี้ ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ควารู้มากมายครับ
  • สวัสดีครับคุณเบิร์ด
  • ขอบคุณมากครับที่ทำให้บันทึกนี้มีน้ำหนักในเนื้อหาสาระเพิ่มขึ้น  รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับ "สมบัติผู้ดี" ซึ่งถ้าถามผม ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วละครับ ..แต่รู้ตัวว่าที่พอจะมีติดตัวมาก็มีหลายข้อเหมือนกันแฮะ... แต่อาจจะมีน้อยบาง มากบ้างในบางข้อครับ เป็นประโยชน์กับผู้อ่านดีครับ  และขออนุญาตเก็บไว้เป็นข้อมูลนะครับ
  • ในกรณีข้อเขียนที่ลงในหนังสือของผม  ส่วนใหญ่เน้นไปในทาง satire ซะมากกว่า ก้ตามแบบฉบับของผมล่ะครับ แต่ส่วนใหญ่ก็จะจับตามแนวทางข้อมูลการวิจัย  ตามที่ค้นคว้ามา  แล้วจึงเอามาจุดประกายด้วยการพูด เขียนให้เป็นเรื่องง่ายๆ  และเพื่อให้จดจำได้ก็เสริมเติมมุขความสนุกสนานเข้าไป 
  • ก้ได้แต่หวังว่าผู้ใหญ่ และผู้ที่รับผิดชอบในส่วนนี้  จะมองเห็นและเอาจริงเอาจังกันเสียที
  • ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ อาจารย์

                          แวะมาทักทายครับ

                          ชอบตรงที่บอกว่า

  • บางคนจบออกมาเป็นครู

    สอนหนังสือเหมือนแม่ค้า ยืนไล่แมลงวัน... (ฮา)

    อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นครู เขาเรียกว่า....คนสอนหนังสือ

    เพราะอยู่ในประเภท ตัวยืนอยู่หน้าห้องเรียน แต่..ใจไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

    คนสอนหนังสือบางคน ตีนักเรียนหรือทำโทษนักเรียน

    ยังกับนักเรียนเป็นวัวเป็นควาย...(ฮา)

    บางรายก็ซาดิส... ทำโทษเด็กด้วยวิธีแปลกๆ

    อย่างนี้ก็มีให้เห็นในข่าวเนืองๆ แสดงว่าครูกลุ่มนี้

    สอบตกวิชา จริยธรรม ศีลธรรม เลยขาด เมตตาธรรม

    ทำให้ครูดีๆส่วนใหญ่ พลอยเสื่อมเสียไปด้วย.../...

  • โดนใจครับ

  • ไม่ใช่เป็นประเภทเดี๋ยวกันะครับ

  • แต่เมื่อครูไม่มีวิญญาณความเป็นครูก็เหมือน แม่ค้า ยืนไล่แมลงวันจริง ๆ

  • ขอบคุณที่นำข้อคิด ดี ๆ มาฝากครับ

  • ขอบคุณครับ

  • สวัสดีครับคุณ เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
  • เห็นด้วยกับความเห็นคุณเม้งนะครับ  เด๋ยวนี้ "มนุษย์" เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่งที่มีความฉลาดและความเห็นแก่ตัว ไปเสียแล้ว ไม่ใช่ "สัตว์ประเสริฐ" อีกต่อไปแล้วล่ะครับ
  • ดูข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสี วันนี้เกือบทุกฉบับซิวันนี้ครับ ข่าวหน้าหนึ่งวันที่ 24.4.51   อนาจใจจริง น่าจะมีบทลงโทษที่หนักๆ ..เช่นทำลายอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดเสียจริงๆ..ผับผ่า!!
  • ขอบคุณครับ

 

  • สวัสดีครับ น้ายูร
  • ก็ขอฝากไว้..และเราคงต้องช่วยๆกันนะครับ
  • ขอบคุณครับ
  • สวัสดีครับคุณยงยุทธ ยอดมงคล
  • งานนี้เป็นภาระของคุณครูยุคใหม่ อย่างอาจารย์โดยตรงเลยนะครับ
  • อย่างไรก็ต้องช่วยกันคิด และผลักดัน ให้สังคมเราน่าอยู่มากขึ้นนะครับ
  • ขอบคุณครับ 

อิอิ..............อาจารย์วันนี้เป็นไรไป

เย็นไว้เย็นไว้โยม    ออกมาเป็นซุดซุด  รัวเหมือนปืนกล  

ฐานความคิดสังคมเราเสื่อมถอยไป  หัวขบวนยังทำชั่วๆแล้วยังบอกว่าทำเพื่อคนอื่นได้ดีทำเพื่ออนาคต  มันแก้เพื่อตัวเองชัดๆ ยังพ่นออกมาได้  อย่างนี้จะไปหา จริยธรรม ศีลธรรม คุณธรรม   จากไหน

เอาหัวจุ่มไปในตุ่ม เขย่าๆ สักหนึ่งนาที  แล้วแหงนมองกระจก แล้วด่าใส่กระจกว่าไอ้โง่เกิดมาทำไมตอนนี้

  • สวัสดีครับอาจารย์พนม
  • มาลงชื่ออ่านครับ
  • เรื่องอมนกเขานี่ ลูกศิษย์สองคนที่อม จะมีความผิดฐานอมของหลวงหรือป่าวครับ
  • สวัสดีครับ คุณกวินทรากร
  • ถามว่า เรื่องอมนกเขานี่ ลูกศิษย์สองคนที่อม จะมีความผิดฐานอมของหลวงหรือป่าว
  • ตอบว่า อันนี้ยังไม่ถึงขั้น อมของหลวงแค่มีความผิด อมของเขา เท่านั้นครับ 

สวัสดีและอโลฮ่าค่ะอาจารย์พนม

ได้มาอ่านบันทึกอาจารย์ ก็เลยกลายเป็นโจ๊กสะท้อนใจให้คิดจริงๆค่ะ

ทราบว่าตอนนี้ที่กรุงเทพฯร้อนมากๆ แต่มีลูกเห็บ...ว้าว... ที่ฮาวายก็เริ่มอากาศร้อนขึ้นเหมือนกันค่ะ แต่ยังดีที่ตอนเย็นค่ำๆดึกๆ อากาศเย็นลงประมาณ 16-20 องศา ไม่ได้ใช้แอร์หรือพัดลมเลยค่ะ แต่กลางวันก็มีเปิดพัดลมบ้าง ประมาณ 28 องศาค่ะ

ได้มีโอกาสแวะมาอ่านที่อ.เล่าให้ฟังว่ามีลูกเห็บตกที่กรุงเทพฯ เลยทำให้ตื่นเต้นไปด้วยกับที่อาจารย์เล่าค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ธรรมชาติของเราในตอนนี้ ยิ่งคิดมากไปก็ยิ่ง หน้ากลัวนะคะ  แล้วยิ่งมาอ่านบันทึกตรงใจมากๆค่ะ ว่าสังคมบ้านเราเป็นอะไรกัน  มีเรื่องวุ่นวายมากๆในหนังสือพิมพ์ไทย ออนไลน์โดยเฉพาะการเมือง สังคม ถ้าคนที่มีบทบาทในสังคมรู้ผิดชอบชั่วดี  เหมือนที่อาจารย์ว่าไว้อย่างแท้จริง สังคมไทยจะไม่วุ่นวายกันซะขนาดนี้..

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

แวะมาบอกคิดถึงอาจารย์ค่ะ

หาย ๆ ๆ ๆ ๆ

ประกาศตามหาคนหาย

มีหลายคนคิดถึงและคิดไม่ถึงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท