เวทีนี้.... เป็นเวทีแห่งการนำเสนอ
เสนอสิ่งที่เราได้ทำ บอกถึงสิ่งที่ “คนดี” เขาได้ทำ
เวทีนี้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ช้างเผือกที่ซ่อนตัวหลีกไร้ไกลสังคม ให้บอกถึงสิ่งที่ตนได้คิดและได้ทำ
เวทีนี้ เป็นเวทีแห่งการบอก...
คิดอย่างไรก็บอกไป ทำอย่างไรก็พูดไป
คิดอย่างที่พูด และพูดอย่างที่ทำ เวทีนี้นั้นจึงไร้การ โอ้อวด
เวทีที่อุดมและเป็นที่พบปะพูดคุยของบัณฑิตจะไม่มี “โอ้อวด”
ตั้งจิตคิดก่อนพูด...
เมื่อคิดแล้ว ทำแล้ว เมื่อจะบอกใครต่อใครถึงสิ่งที่เราได้ทำ ขอให้ตั้งจิต “คิดให้ดี”
คิดให้ดี คือการ คิดเพียงเพื่อจะบอก จะกล่าว มิใช่คิดเพื่อจะโอ้อวดใครต่อใครมาฉันเจ๋ง ฉันเก่ง
คนไม่อยากใหญ่ มันยิ่งใหญ่
คนไม่อยากดัง มันยิ่งดัง
ดังเพราะความอ่อนน้อม ใหญ่เพราะความถ่อมตน
ทำอะไรมาก็บอกเขาไป บอกให้โลกนี้รู้ไว้ว่าเราได้ “ทำ”
ทำมากก็บอกมาก
ทำน้อย พยายามขวนขวายทำมาก เพื่อนำมาบอกกล่าวแก่ปวงชน
ทำดีมิต้องอายใคร ทำชั่วซึ่งการโอ้อวดไซร้นั่นต้องอายแทรกแผ่นดิน
มีอะไรทำก็ทำไป
มีหน้าที่เขียนก็เขียนไป
มีเวทีให้บอกก็บอกไป
ตั้งจิตให้เป็นกลางอันอุเบกขาไว้เป็นการณ์ดี
เวทีนำเสนอสิ่งดี...
เวทีนี้จึงเป็นเวทีทรงคุณค่า เพราะต่างคนก็ต่างเสนอสิ่งดี
สิ่งดีที่ได้ทำ ทำจริง พูดจริง
เวทีนี้จึงเป็นเวทีที่ดี เพราะเวทีนี้ไม่มีการ “โอ้อวด”
ทำน้อย คุยมาก ทำหนึ่งคุยร้อย ทำร้อยคุยทับถมคนอื่น ในเวทีจะไม่มี
เวทีนี้เป็นเวทีของบัณฑิต...
บัณฑิตนั้นเขาทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าถูกใจ
การโอ้อวด สรรเสริญ เยินยอตนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกใจ
การอ่อนน้อม ถ่อมตน ต่อผู้อื่นด้วยจริงใจเป็นความถูกต้องของบัณฑิต
เวทีนี้จึงเป็นเวทีที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์แห่งความดี
ความดีที่มีไว้บอก บอกต่อกัน บอกซึ่งกันและกัน
เราทั้งหลายที่เป็นสมาชิกแห่งนี้เวทีนี้นั้นร่วมช่วยกัน “เวทีดี G2K”
สาธุค่ะ เป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ
นมัสการ... พระคุณท่านสุญฺญตา
สถานที่แห่งนี้สว่างไสวด้วย "ปัญญา" เป็นสถานที่แอบอิงและพึ่งพาของเหล่า "ปัญญาชน" ทุกเพศ ทุกวัย
อันต้นมะม่วงที่ล้ำค่าเหลือ เพราะได้เผื่อเจือจุนธรรมะสู่จิตใจ
ธรรมะจากต้นมะม่วงนั้นเป็นร่มเงาให้สัตว์ทั้งน้อยใหญ่ ยืนหยัดสู้กับทุกข์อย่างถูกทาง
วิวาทะของบัณฑิตจากทั้งสามท่าน ขอเชิดชูในน้ำใจและความหมายลึกซึ้ง
วิวาทะของท่าน "ทนัน" เป็นสิ่งที่ตราตรึงให้เวทีนี้ดีแท้จริง...
นมัสการครับพระคุณเจ้า .. ตามอนุทิน น้องมะปรางเปรี้ยวมาครับ :)
เวทีนี้ดีที่มีเครือข่ายที่ผูกสายโยงกันเป็น "กัลยาณมิตร"
ทำให้มิตรได้มีโอกาสเจอมิตร แล้วตามติดแลกเปลี่ยนกันฉัน "บัณฑิต"
มีเวทีย่อมมีนักแสดง มีนักแสดงย่อมมีคนชมการแสดง
นักแสดงมีหลายคน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแสดง
บ้างยืนบนเวที บ้างลงไปชมการแสดง
เวทีนี้ไม่มีโขน มีแต่หัวนักแสดง
"คิดอย่างไรก็บอกไป ทำอย่างไรก็พูดไป
คิดอย่างที่พูด และพูดอย่างที่ทำ เวทีนี้นั้นจึงไร้การ โอ้อวด"
เข้ามาชมการแสดงและเก็บเกี่ยวร่องรอยประสบการณ์ครับ
หัวโขนแน่แท้นั้นแสนหนัก ถ้าเราฝืนใส่คงคอหักเข้าสักวัน
ถอดแล้ว วางแล้ว ปลอดโปร่ง โล่ง สบาย
คนไม่มีหัวโขน ย่อมไม่มีอัตตา บุคคลผู้นั้นจะดึงดูด ต่อยอด "ปัญญา" ได้จากมหาชน
คนไม่มีหัวโขนย่อมอ่อนน้อม ผู้ที่อ่อนน้อมพร้อมถ่อมตนย่อมจะอุดมด้วยธรรมทั้งสี่ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เพราะธรรมทั้งสี่นี้จักเจริญแก่ผู้มีปกติกราบไหว้ และบุคคลที่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นนิจ บุคคลใดไร้ซึ่งหัวโขน จักเป็นเช่นนั้น...
ขออนุโมทนาสาธุการที่ท่านได้ปฏิสันฐาน "หัวโขน" เพื่อเติมเต็มต่อยอดบันทึกนี้
บุญกุศล เจตนารมย์จากการกระทำดีขอให้รวมเป็นผลส่งชี้ให้ท่านลุ "นิพพาน"
เจริญพร
ขอบคุณท่านสุญฺญตา ที่ได้บันทึกข้อคิดดีๆ ไว้ ทำให้ผมได้บันทึกเรื่องราวต่อความคิดของท่าน
หัวใจหลักการทำเวทีที่ได้คิดวันนี้ คือ
ขอบคุณครับ
ขอแสดงความนับถือทุกท่านคะ