ยอมรับ "ความจริง"


ความแท้ความจริงในทุกวันนี้เป็นเรื่อง “หนัก” เรื่องอยากที่คนทั่วไปในสังคมจะทำใจให้เข้าใจหรือเพียงแค่ทำใจให้รับรู้ความจริงนั้นก็ยังยาก

หลากหลายคนจึงหลีกหนีความจริงของชีวิต ไปหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ซึ่งเป็น “ความหลอกลวง”
หนีหาความจริงไปหาคำป้อยอ คำสรรเสริญ ต่าง ๆ ซึ่งทำให้จิตใจลุ่มหลงและมัวเมาไปในสังสารวัฏแห่งนี้

จิตใจของเราตอนนี้มิกล้าที่จะยืนหยัดสู้ความจริงแท้ของชีวิต มิกล้ายอมรับว่าชีวิตนี้คือ “ความทุกข์”
ทุก ๆ คนจึงดิ้นรนไปแสวงหาความสุขที่จอมปลอมอันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อฉาบทา

ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นเปรียบเสมือนน้ำผึ้งที่อาบยาพิษ “หลอกลวง” เราให้หนีห่างจากความจริง หนีห่างจากความทุกข์ ไม่ยอมรับความจริง “ไม่ยอมรับความทุกข์”

คนเราจึงต้องต่างเร่งแสวงหา ทรัพย์ สิน เงิน ทอง มาฉาบ มาโปะ มาหลอกความทุกข์ไว้ หลอกไว้ได้ชั่วคราว ความทุกข์มันก็โผล่ขึ้นมาอีก แล้วก็ต้องเร่งไปหาเงิน หาทอง หาทรัพย์มาโปะ มาแปะ มาปิด มาบังความทุกข์นั้นไว้อีก

ความจริงเรื่องชีวิตและความทุกข์นั้นคนในปัจจุบันจึงดู จึงคิดว่าเป็นเรื่อง “หนัก” สำหรับชีวิต ทุก ๆ คนจึงเลิกที่ละที่จะรับความจริง

เราลด เราละ เราเลิกยอมรับความจริงกันแล้ว จึงพยายามเสริม เติมแต่ง ความจอมปลอม ความสุขแบบฉาบฉวย แสวงหาความร่ำความรวย แต่ถึงอย่างไรก็มิสามารถปกปิดความจริงที่เป็นสัจธรรมแห่งชีวิตนี้ได้

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่เป็นของธรรมดา ซึ่งจะต้องเกิดกับทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ “ความจริง” ซึ่งใครก็มิอาจจะหนีได้ ถึงแม้ว่าจะมีเงินอยู่ล้นฟ้าก็ตาม

ความจริง หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น
ถึงแม้ปาก ถึงแม้ว่าความคิดจะพร่ำบอก จะคุยกับตนเองว่าสุขเท่าไหร่ แต่ใต้สำนึกแห่งจิตนี้ “รู้” ว่าตนนั้นทุกข์

ทุกข์ที่เกิดจากสังขาร ร่างกายที่แก่ชราลง ทุกข์ที่เกิดจากความสุขจอมปลอมที่หมดลงเพราะความจริง

ชีวิตนี้ “ความจริง” สำคัญนัก เราทั้งหลายควรจักยอมรับและยอมเข้าใจความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของชีวิต
ยอมรับ “ความจริง” เสียตั้งแต่วันนี้ ชีวีจะหมดทุกข์แท้ได้แน่ในวันหน้า
ยอมรับ “ความจริง” ถึงแม้ว่าวันนี้จะต้องรับทุกข์เต็มอุรา
แต่การยอมรับ “ความจริง” นั้นหนา วันหน้าจะได้ดี
“ใจดี ใจสบาย…”

หมายเลขบันทึก: 184305เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2008 16:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย  แต่หลายคนตายเพราะความจริง  อิอิอิ

 

นมัสการพระคุณเจ้า สุญฺญตา ...

การยอมรับความจริงนั่นหลายคนคิดว่าโหดร้าย จึงเบือนหน้าหนี

แต่ในที่สุดความจริงนั้น ก็วิ่งมาเราอยู่ดี

กราบลาพระคุณเจ้า ครับ

นมัสการ คะ...ถูกต้องคะ "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" ...แม้ว่าเราจะหนีสักแค่ไหน สักวันเราก็ต้องพบเจ้าสิ่งนี้อยู่ดี

  • กราบนมัสการค่ะ
  • มารับธรรมะ ไว้เตือนตน เตือนใจ
  • สาธุค่ะ

อื่ม !

"ยอมรับ “ความจริง” ถึงแม้ว่าวันนี้จะต้องรับทุกข์เต็มอุรา"

เห็นด้วยเป็นที่สุด

ความทุกข์ บางทีก็ทำให้ได้ซาบซึ้งกับพระธรรมได้อย่างไม่เคยมาก่อน

การยืออกต้อนรับความทุกข์ โดยไม่คิดหนีหาสิ่งชั่วคราวจอมปลอมเพื่อแค่หลีกหนีมัน หรือการยืดอกรับความทุกข์ โดยไม่โทษแต่สิ่งแวดล้อมหรือคนอื่น แล้วหันหน้ามาจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกนั้น ด้วยเข้าใจว่าความทุกข์เป้นของเราเอง มิมีใครทำให้มันเกิดขึ้น

การยืดอกยอมรับความไม่แน่นอน แล้วเห็นว่าความทุกข์แค่เป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้น หาได้มาจากปัจจัยภายนอก

ทำให้เราได้เรียนรู้อย่างใหญ่หลวง พร้อมกับการเติบโตภายใน พร้อมภายนอก

เพื่อนเป็นผู้ใหญ่ของตัวเราเอง

ทำให้ได้บทเรียนอันมีค่ามากมาย จริงๆ

ขอบคุณมากคะ :)

การที่เราร้องไห้ให้กับคนที่ตายนั้นก็ถูกอยู่ แต่จะถูกมากขึ้นเราจะต้องร้องไห้กับคนที่เกิดมาด้วย

เพราะการเกิดนั้นคือทุกข์

ภพ ชาติ ชรา มรณะ โศรก ปริเทวะ ร้อยรัดเกาะเกี่ยวกันดังเกลียวเชือก

ชีวิตนี้เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ต้องคิดดี พูดดี ทำดี สำหรับเป็นทุนเป็นแดนเกิดในภพหน้า ชาติหน้า สะสมไว้เป็นบุญ เป็นบารมี เพื่อสักวันหนึ่ง "จิต" นี้จะได้ไม่เกิดอีก

สาธุ

ไปปฎิบัติธรรมมา ได้สวดมนต์ไปถึงบทหนึ่ง

ต้องหยุด เพราะจุก น้ำตาไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ

ซาบซึ้งกับบทสวด

เนื้อความมีว่า

เมื่อเรายั่งไม่พบญาณ ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสารเป็นอเนนกชาติ

แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้สร้างภพ

การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป

นี่แนะ นายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป

โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว

จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป

มันได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งตัณหา (คือถึงนิพพาน)

เข้ามาเก็บเกี่ยวในรอยประสบการณ์...ครับ

ตัณหาเป็นเหตุพื้นฐานแห่งความทุกข์

ทุกข์เพราะอยากได้ของที่รักที่ใคร่

ทุกข์เพราะความอยากมีอยากเป็น

ทุกข์เพราะอยากผลักใสของที่มีอยู่แล้วให้พ้นจากตัว

เมื่อรู้จักตัวทุกข์แล้วจงปล่อยและวางเสียซึ่งทุกข์นั้น มิให้ใจไปพัวพันความตัณหาเหล่านั้นอันรังที่จะนำแต่ความทุกข์มาให้

เมื่อรู้ทันและปล่อยวางได้ฉะนี้แล้วก็จะพ้นจากทุกข์และบ่วงแห่งทุกข์...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท