ขอบใจมากนะที่มา "ขี้...!"


ครั้งก่อนตอนที่เราได้เป็น "กรรมกร" สร้างบ้านหลังสุดท้ายอยู่ เราหนักใจกับเรื่องที่ช่างเขามาทำห้องน้ำบริเวณข้าง ๆ สกปรกและเลอะเทอะ...

เราเองเคยกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์ว่า "จะล็อคกุญแจสัก 6 ห้องดีไหมครับ ให้เขาใช้ 2 ห้องพอ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง จะได้เลอะเป็นห้อง ๆ ไป..."

ท่านอาจารย์ได้เมตตาตอบเราโดยการเล่าให้ฟังเป็นเรื่อง เป็นราวอย่างนี้ว่า...

"เมื่อก่อนตอนที่อาจารย์ธุดงค์ไปที่สวนโมกข์ ตอนกลับทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณฯพุทธทาส จะพูดเสมอว่า ขอบใจมาก ขอบใจมากนะที่มาเยี่ยม เอ่... เราไปรบกวนท่านแล้วตอบกลับท่านทำไมยังมาขอบใจเราอีก ท่านเจ้าคุณพุทธทาสจึงตอบว่า ถ้าท่านไม่มาอาตมาก็ไม่มีโอกาสสร้างบารมี..."

และท่านพระอาจารย์ก็ยังได้เมตตาให้ข้อคิดเพิ่มเติมอีกว่า

"ถ้าใบไม้มันไม่ร่วง เราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้กวาด ถ้าห้องน้ำไม่มีคนมาขี้เราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ล้าง..."

อื่ม... ด้วยเหตุฉะนี้เองเราจึงขอเดินตามรอยเท้าก้าวตามธรรมแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์

โอกาสนี้เราจึงขอบใจทุก ๆ ท่านที่มายังสถานที่แห่งนี้ ขอบใจมากนะที่มา "..."

เพราะถ้าท่านไม่มา "ขี้" เราก็ไม่มีโอกาสได้สร้าง "บารมี..."

 

คำสำคัญ (Tags): #การสร้างบารมี
หมายเลขบันทึก: 238680เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2009 00:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • อ่านบันทึกนี้แล้วนึกถึงหลายปีมาแล้ว ตอนที่เพื่อนสนิทโทร มาระบายว่าปรับปรุงบ้านใหม่ แล้วลืมเก็บเครื่องประดับไว้กับตัว ก็เลยถูกขโมยไป สงสัยจะเป็นคนงาน...ทีนี้จะไปกล่าวหาใครก็ไม่ได้  ไม่มีหลักฐาน..
  • ศิลาก็เลยบอกให้เขาทำใจให้สบาย ของหายไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ และให้ถือว่าทำทาน ถ้า "เขาไม่ขโมยไป เราก็คงไม่ได้ทำทาน..." ที่พูดได้น่ะ เพราะศิลาเคยถูกขโมยเข้าบ้านมาขโมยเงินและทรัพย์สินหลายหมื่นมาแล้วและการรู้สึกได้แบบนี้แหละ
  • ไม่ทราบว่าเขาโกรธไหม แต่รู้สึกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
  • จึงเข้าใจหลักคิดเรื่องนี้ แต่ปุถุชนธรรมดาทั่วไปอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนค่ะ
  • ขอบพระคุณค่ะ

สาธุ คำพระท่านสอน ถูกที่สุด ขอบคุณที่มาให้โอกาสเราสร้างบารมี

เป็นการหัดมองแง่ดี ชีวิตก็เบาสบาย

555555 อ่านแล้วชำเพราะประสบกับตัวเช่นกัน

ไปสวนโมกข์มาไปหลายวัน

มีการขอแรง งานอาสา ปรากฎไม่มีใครลงงานทำขัดห้องน้ำ

เราก็ลงชื่อด้วยเต็มใจ

พอทำไปปรากฎ ได้อะไรจากการขัดห้องน้ำมากๆ

ก็เห้น ตัวกู ของกู ส้วมกู ของกู ทั้งวัน

สองวันแรกไม่ทันดูตนเอง มัวแต่ส่งจิตออกนอก ก็แบบว่าเราไม่ได้รังเกียจงาน เต็มใจทำ แต่ โทสะ เกิด โมโห ไม่รู้ตัว เกิดอาการเดียวอย่างที่อาจารย์เล่า ก็ขัดไปโมโหไป

พอวันที่สาม เริ่มมองเข้ามาตัว แล้วสังเกตุอาการที่ปรากฎ ก็หยุด ก็อยู่กับลมหายใจได้

มีแต่มือที่ขัดห้องน้ำลากแกรกๆๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ไมมีส้วมฉัน ก็เบาสบาย ใครจะเห็นใจ ช่วยเหลือ มีน้ำใจหรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว

เบาสบายขึ้นเยอะเลย

นี่บทเรียนที่ได้จากงานขัดส้วม

ได้ทำ จิตตานุปัสสนา เรียนรู้ด้วยตัวเอง learning by doing

ตัวอย่างที่คุณ Sila Phu-Chaya ยกมาก็น่าสนใจ ดีจัง

หัดมองแง่ดี ชีวีก็เป็นสุข

ลืมบอกไปว่า

ก็รู้สึกขอบคุณเหมือนกัน

ที่มีโอกาสได้ขัดส้วม และได้เป็นโอกาสฝึกตามดูรู้กายใจ ตามดูรู้จิตตนเอง

"นั่นเห็นไหม ใบไม้ร่วงมาให้เราเก็บอีกแล้ว ถ้าใบไม้ไม่ร่วงลงมาเราก็ไม่มีโอกาสได้เก็บนะ..."

"โอกาส" เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต

อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ ที่จะสร้างบารมีนั้นผ่านไป

ล้างส้วม ล้างพื้นแล้วอย่าลืม "ล้างใจ"

ล้างพิษภัยออกจากใจเสียได้ "สุขแท้" พลัน

ขอบพระคุณ ท่าน

ใช่ ล้างห้องน้ำให้สะอาด ใจก็สะอาดอยู่เบ็ดเสร็จตรงนั้นแล้ว

ไม่ต้องรอ ช่าติหน้า ชาติไหน ส่งผล

ไม่ต้องรอ ใครมาเห็นใจ เมตตาช่วยเหลือ

แค่หมั่นสังเกตุกายใจ ไป ชีวิตนี้ก็สุขขึ้นเยอะ

พระท่านว่า ทุกสิ่งนั้นยุติธรรมที่สุดแล้ว ที่เราต้องมาเจอนั่นนี่

หากแค่ว่ามองทุกสิ่งที่เจอให้เป็นโอกาสสำหรับสร้างบทเรียนก็ ดีที่สุดแล้ว

ขอบพระคุณอีกครั้งที่ได้อ่านบทความนี้เตือนใจอีกที

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท