บ้านที่แท้แห่ง "ดวงจิต..."


แต่วันใดจิตได้กลับมาเจอ “พื้นแห่งจิต (Floor of MIND)” กลับมาเจอความจริงแห่งชีวิต ความรู้สึกปีติย่อมพรั่งพรูออกทางกาย


ครั้นเมื่อชีวิตได้เคลื่อนเข้าสู่สภาวะแห่งจิตที่มีความสุขแล้ว หลาย ๆ ครั้งเราจะไม่สามารถควบคุมหยาดน้ำตาแห่งความสุขนั้นได้

เมื่อจิตนั้นได้กับสภาวะแห่งสุข อันเป็นสุขที่ห่างหายนั้น เปรียบได้ดั่งกับคนที่รอนแรมเดินทางไร้ญาติ ขาดมิตร ออกเสาะ แสวงหา ความสุขต่าง ๆ นานา ที่ใคร ๆ เขาบอกว่าสุขทั้งหลายนั้น
ออกไปเรื่อย ออกไปนาน ออกไปเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

แต่ทว่าวันหนึ่งเมื่อ “จิตเจอจิต” “ใจเจอใจ” ความสุขที่แท้สัมผัสได้ด้วยจิตและใจของตนเองย่อมทำให้น้ำตาไหลด้วยความ “ปีติ”

คนที่วิ่งลัดเลาะเรื่อยไปในกระแสแห่งสังคม ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หมักหมมด้วยกิเลส ตัณหา และกามราคะ
วัน ๆ หนึ่งก็เล่ง ก็เพ่งแต่จะหาผลประโยชน์ต่อกัน

แต่หากวันใดที่เราจเอบุคคล คนที่เมตตามาก ๆ ให้เรามาก ๆ ให้ความจริงใจ ให้การให้อภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตทำให้ใจเรานั้น “ปีติ”

จิตเดิมแท้ของคนแต่ละคนนั้น “มีแต่ให้”
เมื่อจิตต้องร่อนเร่ไปด้วยการ “แสวงหา” ก็ย่อมทุกข์ ย่อมโศรกเป็นธรรมดา

แต่วันใดจิตได้กลับมาเจอ “พื้นแห่งจิต (Floor of MIND)” กลับมาเจอความจริงแห่งชีวิต ความรู้สึกปีติย่อมพรั่งพรูออกทางกาย

อดีตชาติปางก่อนจิตเดิมแท้นั้นประเสริฐ บริสุทธิ์ และสิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัว
เมื่อเจอคนเห็นแก่ตัวด้วยกันมาก ๆ จิตจะเริ่มชินชากับความรู้สุขนั้น
แต่เมื่อใดเจอบุคคลที่บริสุทธิ์จริง ประเสริฐจริง และสิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัวจริง ความปีติสุขย่อมเกิดขึ้นกับกายและใจ

จิตที่ได้สัมผัสกับสถานการณ์เช่นนั้นย่อม “ปีติ”
คนที่ต้องจาก “บ้านที่แท้จริง” มาเสียนาน เมื่อได้กลับบ้านย่อม “ร้องไห้” เป็นธรรมดา

ทุกวันนี้เรานั้นต้องออกจากบ้าน เพื่อแสวงหาความสุข ความสนุก ตามที่ใครต่อใครเขาหลอกล่อหาผลประโยชน์กับเรา
แต่ยิ่งวิ่ง ยิ่งหา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ…!

หากวันใดเราเจอคนที่แท้ คนที่ให้ ให้ด้วยความจริงให้ จิตนั้นย่อมสัมผัสจิตเดิมได้ “จิตแห่งสุข”

จิตเดิมแท้ที่ประภัสสรนั้น “บริสุทธิ์”
ให้ก็ให้ด้วยความบริสุทธิ์ รับก็รับด้วยความบริสุทธิ์
หากวันใดจิตได้สัมผัสจิตที่สุขแท้แม้นเพียงเสี้ยววินาที โปรดจงจดจำความรู้สึกแห่งสุขแท้นั้นไป “ชั่วนิรันดร์”

การค้นหาสภาวะแห่งจิตเดิมแท้นั้นต้องหมั่นสังเกตุลักษณะอาการของจิต
จำและจดไว้ในดวงจิต ว่าครั้งหนึ่งเราได้สุข ได้ปีติ
ได้สุขพร้อมคราบน้ำตา ได้สุขโดยไร้แรงปรารถนา ความสุขแท้นั้นจักนำพามาพร้อมพรั่งสุขสองคือ “กายและใจ...”

หมายเลขบันทึก: 268824เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2009 19:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

จรรโลงใจจังเลยค่ะ

อ่านแล้วอยากทำแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่ลุ่มหลงกับสิ่งที่พาให้หัวใจหม่นหมอง

แล้วทุกสิ่งที่งดงามจะกลับมาสู่ "กายและใจ" ของเราเอง ใช่หรือเปล่าคะ

จิตเดิมแท้ของเรานั้น "บริสุทธิ" จิตเดิมแท้ของเรานั้น "ดีงาม"

เมื่อกายและใจของเรากระทำอยู่ ตั้งอยู่ด้วยความดีงาม นั่นเป็นสะพานทอดใจเข้าสู่ "จิตเดิมแท้"

จิตเดิมแท้ที่ประภัสสรนั้นเฝ้ามองการกระทำของเราอยู่เสมอ

เมื่อไหร่หนออัตภาพอันประเสริฐที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้จักทำความดี เพื่อขจัด ปัดเป่า เมฆหมอกอันคลุมดวงจิตเดิมออกไปเสียทีหนอ

ครั้นเราได้กระทำความดี ก็เปรียบได้ดั่งมีไม้กวาดมากวาดคราบที่แปะเปื้อน ปกคลุม และกุมดวงจิตของเราอยู่

กวาดหนึ่ง พึ่งมีสองให้บรรจบ

กวาดให้ครบ คือ ทำดี ละกรรมชั่ว

กวาดให้ใส กวาดใจทั่ว พ้นเมามัว

ไม่ต้องกลัว เจอสุขแท้ แน่นอนเอย...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท