นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของหลักสูตร “พัฒนบูรณาการศาสตร์” จากท่าน ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ผมก็เกิด จาความรู้สึกฉงนงงงวยว่า เอ๊ะ หลักสูตรนี้เป็นอย่างไร
จากนั้นผมก็ได้รับความกรุณาจากคุณจ๋า ได้มอบหนังสือ “รายงานประจำปี KM ประเทศไทย (สคส.) 2548 ในหน้าที่ 199 จะมีรายละเอียดบางส่วนของโครงการ ในช่วงนั้นก็ไม่สามารถอ่านรายละเอียดอะไรได้มากนัก เพราะจะต้องเตรียมตัวเข้าประชุม weekly กับทางคณะทำงานของ สคส. เป็นครั้งแรก ต่อมาคุณอ้อม ก็ได้มอบแผนที่การเดินทางเพื่อไปค้นหาคำตอบเกี่ยวกับหลักสูตรนี้ ซึ่งเป็นเปรียบเสมือนกับลายแทงขุมทรัพย์ที่พาผมไปกับท่าน ศ.ดร.อภิชัย พันธเสน
เมื่อพบท่านอาจารย์อภิชัย ผมก็ได้คำตอบของชีวิตที่เคยใฝ่ฝันมานานว่านี่แหละ หลักสูตรที่ปรารถนา เพราะมีคำพูดหนึ่งที่ผมจำได้ไม่มีวันลืมเลยว่า “การเรียนหลักสูตรนี้ ขอให้คุณมีความเพียรดั่งพระมหาชนก” เป็นคำพูดที่มีความหมายกับผมมาก ๆ เลยครับ เพราะความฝันของผมก็คือ อยากที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ยิ่งหนักเท่าไหร่ ยิ่งยากเท่าไหร่ ยิ่งใช้ความเพียรมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งพัฒนา เพราะหัวใจหลักสำคัญที่ผมค้นหาและต้องการสำหรับการเรียนนั้นก็คือ “การพัฒนาตนเอง” ครับ
หลังจากนั้นผมก็ได้รับความกรุณาจากท่านอาจารย์อภิชัย ให้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ดร.สุธิดา ซึ่งเป็นประธานของหลักสูตรพัฒนบูรณาการศาสตร์ เพื่อทำความรู้จักกับท่านและปรึกษารายละเอียดในการที่จะเดินทางไปที่อุบลราชธานีครับ
จากนั้นตลอดระยะเวลาของการเดินทางกลับบ้านผมก็ได้รับการติดต่อจากทั้งทางหลักสูตรและทาง สคส. อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่พัก การเดินทาง และรายละเอียดของหลักสูตร ทำให้ผมอุ่นใจได้อย่างยิ่งว่า การเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานีครั้งนี้ เป็นการเดินทางรอนแรมจากบ้านจากเมืองที่ไกลที่สุด แต่เป็นการเดินทางที่อุ่นใจที่สุดเลยครับ
ในช่วงที่ผมอยู่บ้านกับพ่อและแม่นั้น ผมก็ได้พยายามอ่านและทำความเข้าใจหนังสือที่คุณจ๋ามอบให้ผม เพื่ออธิบายเกี่ยวกับหลักสูตรที่ผมจะต้องไปเรียนในครั้งนี้ และสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดและเป็นสิ่งเร้าอยากให้ถึงวันเดินทางเร็วขึ้นนั่นก็คือ “มหาชีวาลัยภาคอีสาน” ของท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤธิ์ ซึ่งจะทำให้ผมได้พบและได้สัมผัสผู้ที่มีจิตวิญญาณมีความรู้ความสามารถที่เข้าถึงการทำงานกับชุมชนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งผมจะได้พบกับปราชญ์ชาวบ้านทั้งพ่อคำเดื่อง และปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสานท่านอื่นๆ อีกมากมาย จนผมแทบจะรอไม่ไหว
จากการที่ผมได้อ่านรายละเอียดของหลักสูตรฯ แล้วทำให้ผมจินตนาการถึงหน้าที่และความหวังอันยิ่งใหญ่ของผู้ริเริ่ม ก่อตั้งและพัฒนาจนหลักสูตรนี้เกิดขึ้นจริงได้ ทั้งในส่วนของปราชญ์ชาวบ้าน มหาวิทายลัยอุบลราชธานี สคส. และมหาชีวาลัยภาคอีสาน เพื่อให้พวกเราที่เข้าร่วมในหลักสูตรนี้ “ทำงานเพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ให้แก่ประชาชนในภาคอีสานบนพื้นฐานของการสร้าง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนรู้ความรู้ที่เกิดจากงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในพื้นที่ในวิถีทางที่ยังคุณประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในภาคอีสาน” สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำคำพูดของท่าน ศ.ดร.อภิชัย ในเรื่องของความเพียรของพวกเรา ว่าเรามีหน้าที่อันยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ
เมื่อเดินทางมาถึงอุบลราชธานี สิ่งแรกก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดคิดไว้ครับ คือ ผมได้รับการต้อนรับจากน้ำจิตน้ำใจอันดียิ่งจากทั้งเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ และอาจารย์ทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะเมื่อทราบว่า หลักสูตรนี้ใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ปี สำหรับการทำงานวิจัยในชุมชน ยิ่งเป็นสิ่งที่ท้ายทายมาก ๆ เลยครับ แต่ตอนนี้สิ่งที่ยังต้องรอก็คือ การรอที่จะได้พบกับท่านครูบาสุทธินันท์ และปราชญ์ชาวบ้านทุก ๆ ท่านครับ แต่ผมก็ได้เริ่มสัมผัสกลิ่นไอของท่านใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ครับ
เมื่อวันก่อน ผมถือจดหมายที่คุณต้องฝากมาให้พี่ดา โดยมุมซองเขียนว่ามหาวิชชาลัยภาคอีสาน ผมก็คิดในใจว่าต้องเป็นจดหมายจากครูบาแน่ ๆ เลย และก็เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ครับ เพราะพอพี่ดาได้รับจดหมายก็พูดว่า “จดหมายจากครูบา” จากนั้นพี่ดาก็ได้อ่านจดหมายที่ครูบาเขียนมาถึงและฝากความห่วงใยในการเรียนของพวกเรา ทำให้ผมได้สัมผัสกับครูบามากยิ่งขึ้นครับ
ต่อมา ตอนที่พวกเราไปดูละครเงากัน ผมก็ได้ยินเสียงครูบา เป็นครั้งแรกครับ แต่ไม่ได้เจอตัวท่านครับ เพราะผมได้ยินมาจากท่านอาจารย์ที่นำสไลด์งานพัฒนาชุมชนของท่านครูบามาเปิดให้พวกเราฟัง หลังจากฟังและดูสไลด์จบ ก็ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับงานที่จะต้องลงไปทำมากขึ้นครับ และเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผมอยากไปทำงานเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
ความใฝ่ฝันของผมนับตั้งแต่ได้ยินเรื่องของหลักสูตรพัฒนบูรณาการศาสตร์ครั้งแรกจนถึงวันนี้ที่ได้เริ่มเรียนและเริ่มใช้ชีวิตในอุบลราชธานีแห่งนี้เกือบ 2 สัปดาห์ ผมตั้งใจว่าจะสร้างและพัฒนาตนเองให้เป็นดุษฎีบัณฑิตที่มีคุณภาพสมกับชื่อของหลักสูตร และมาตรฐานของสถาบันฯ จะพัฒนาตนให้คุ้มค่าให้เหมาะสมกับทุนทุก ๆ ด้านที่ลงมาเพื่อพวกเราชาวพัฒนบูรณาการศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนท ค่ากาแฟ น้ำตาล คอฟฟี่เมท และสรรพสิ่งที่ใช้ในการบริหารหลักสูตรนี้ ผมต้องทำตนเองให้ดีขึ้น พัฒนาศักยภาพของตนเองให้มากขึ้นสมกับทุนและความหวังต่าง ๆ ที่ได้ลงมากับเราครับ
การทำงานยาก ๆ และท้าทาย เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของนักวิจัยมีความสนุกสนาน มีรสชาดและท้าทาย ทุก ๆ วันที่เราได้ใช้ความเพียรขบคิดปัญหา ทุก ๆ นาทีที่เราได้ใช้ความเพียรก้าวเดินในชุมชน สนุกและมีชีวิตชีวา ทุก ๆ ย่างก้าวที่ผ่านความเพียรนั้นเต็มไปด้วยทฤษฎีที่เกิดขึ้นจากรากหญ้า เพราะเป้าหมายหลักของผมในการมาเรียนที่นี่ก็คือ การได้ทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อชุมชน โดยใช้ความเพียรอย่างสุดความสามารถ เพื่อพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสูงสุด ส่วนปริญญาบัตรนั้นถือว่าเป็นเพียงเป้าหมายรองครับ เป็นมรรคผลที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ความเพียรอย่างเต็มความสามารถและศักยภาพ ซึ่งจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจในปริญญาบัตรที่ได้มาจากความเพียร เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชุมชนและทุก ๆ คน เพราะความรู้เป็นสิ่งยั่งยืนกว่าสิ่งใด ๆ ครับ
มีหลายอย่างที่ผมอ่านแล้วเหมือนอยากจะค้นหาว่าหลักสูตรนี้เป็นอย่างไร และทำไมผมรู้สึกดีเอามาก ๆ เมื่ออาจารย์เขียนถึง หากเป็นไปได้อาจารย์ช่วยส่งหรือ Link แหล่งข้อมูลของหลักสูตรให้ด้วยสิครับ ผมสนใจครับ
ขอบคุณพี่ ๆ ทั้งสองท่านมาก ๆ เลยครับ
ผม Link รายละเอียดของหลักสูตรไว้ให้พี่ ๆ ได้ลองอ่านดูนะครับ
(หมายเหตุ รายละเอียด หลักสูตรพัฒนบูรณาการศาสตร์)
แอบมาอ่าน
บอกได้อย่างหนึ่งว่า "อึ้งไปเลย"