ในวันนี้เนื่องจากในช่วงของการนั่งคิดหัวเรื่องของงานวิจัยและวางแผนงานวิจัยประกอบกับการเรียนเรื่องของวัฒนธรรมชุมชนและสิทธิชุมชน ผมก็ได้คิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังครับ ที่เมื่ออ่านแล้วก็ยังนึกถึงแง่คิดที่ดี ๆ หลายอย่างที่สามารถใช้ในการทำกรอบแนวคิดได้ ก็เลยนำนิทานเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้ทุก ๆ ท่านได้อ่านครับ
"คนไม่มีตาหลัง"
กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี่เอง..........
หืมมมม เรื่องเล่า ...ลุ่มลึกดีจัง !! เป็นอะไรที่เข็มขัดสั้นคะ...
อาจารย์ค่ะ คนเราพัฒนากันได้ และคนที่อยากจะเปลี่ยนแนวคิดแต่เขายังไม่เข้าใจแนวคิดนั้นจะดีและไม่ เขาจะเข้าใจอย่างนั้นดีพอ ถ้าอยากให้เขาได้รับรู้ว่า ถ้าทำอย่างนี้มันอาจจะดีนะ ซึ่งบางครั้งคนเราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนอยู่แล้ว ลองหันหน้าเข้าหากันพูดคุยให้เข้าใจ ไม่ใช่นิ่งเฉยอย่างนี่ ไลรู้ถึงเจตนารมณ์ที่อาจารย์พยายามสื่อนะค่ะ
ปล. ทุกคนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเสมอค่ะ
ไลรู้ว่าจุดมุ่งหมายของแต่ละคนที่อยากจะเรียนนั้นมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คือ ขอเป็นพลังผลักดันให้สังคมไทยมันดีขึ้น
เปรียบเทียบคำพังเพยว่า " ฤาษีลิงดำ คลำไม่ถูกถูกจุด นั้นหมายถึง...จุดยืน จุดหมายแห่งการพัฒนาต่างหากที่แตกต่าง ความแตกต่างจะไม่ลงตัว หากไม่ช่วยกัน "สร้างพลังเพื่อขับเคลื่อนสิ่งนั้นที่จะเกิดขึ้น บนกระแส ของคำว่า " จงสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น " แล้วใครล่ะจะเป็นผู้สร้าง...ก็พวกเราทุก ๆ คนไงครับ จงเร่งสร้าง หน่วยครูอาจารย์ก็ผลิตลูกศิษย์ที่มีคุณภาพ... หน่วยต่าง ๆ ก็ผลิตผลให้ก่อเกิดงานทุกอย่างจะดีเองล่ะครับท่าน ๆ ทั้งหลายเอ๋ย......
แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับน้องนิว ถ้าผมไปเรียนคอมพิวเตอร์อย่างน้องนิวผมก็เข็มขัดสั้นเหมือนกันครับ
แต่นิทานนี้สามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้นะครับ ลองนำไปใช้ดูนะครับ ถ้าได้ผลอย่างไรนำมาบอกกันบ้างนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับน้องพิไล
แล้วน้องพิไลพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าครับ
ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วอย่าลืมแสดงตนออกมาเชิงประจักษ์ด้วยนะครับ
สาส
พ่ออะ
น่าหิ
หากุห่ายเจอ
นะ
สาส
เมลล์มั่ว