ท่านทราบไหมครับว่า
หน้าปกสมุดเล่มนี้ คืออะไร?
สิ่งใดซ่อนอยู่หลังหน้าปกสมุดเล่มนี้?
.....
....
...
..
.
ด้านหลังของปกสมุดเล่มนั้นคือ "ตัวอย่างผ้า"
ลายและสี
ของกลุ่มทอผ้าบ้านตาล ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
"การนำสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด"
ความหมายของการจัดการ (Manament) ที่ได้พิสูจน์เชิงประจักษ์ว่า คนไทย ชุมชนไทย รู้จักคำนี้และสามารถ "จัดการ" สิ่งต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยมกว่านักวิชาการหลาย ๆ ท่านที่ลงไปจัดเวที จัดอบรม หรือทำงานพัฒนาเพื่อช่วยเขาตามหลักทฤษฎีทางตะวันตกเสียอีก
ภูมิปัญญาการจัดการของคนไทย ไม่แพ้คนชาติใดในโลก
ภูมิปัญญาต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกปลูกฝังอยู่ในสายเลือด ถูกปลูกฝังอยู่ในวิถีชีวิตความเป็นไทย
การเรียนรู้ ปรับปรุง พัฒนา และประยุกต์ใช้ คนไทยเราทำกันเป็นประจำ
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า "วิจัย คือ ชีวิต"
เพียงแต่เขาไม่ได้เรียกสิ่งที่เขาทำว่าเป็น "การวิจัย" แค่นั้นเอง
การทอผ้า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาชั่วนาตาปี โดยเฉพาะชาวลับแล ที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาวเชียงแสน ผ้าทอจึงเป็นสิ่งที่ผูกพันธ์กับวิถีชีวิตมานานแสนนาน
ทอใส่ ทอใช้ ทอให้
ทอใส่ไปวัด ทอใช้ในชีวิตประจำวัน ทอให้คนที่ตนเองรัก
ผ้าทอแต่ละผืนจึงอุดมไปด้วยกลิ่นไอแห่งวิถีชีวิตและวิถีแห่งวัฒนธรรม
จากฝ้ายสู่ฟืม
จากใช้สู่ขาย
OTOP หรือผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ นโยบายของรัฐที่ออกมาในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนวิถีชีวิตจากการทำใช้ เป็นทำขายและซื้อใช้
ทุก ๆ อย่างถูกปรับเปลี่ยน
นโยบายหนึ่งกับอีกหลายแสนวิถีชีวิต
คนเราจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไร้ซึ่งการปรับตัว
จากการทอใส่ เลือกสีตามที่ตนเองชอบตนเองรัก
เปลี่ยนเป็นการทอขาย
"สีแดง" แดงเฉดไหน
"สีเขียว" เขียวอย่างไร
ต่างคนก็ต่างจิตใจต่าง เขียวเขากับเขียวเรา อาจจะคนละเขียวก็ได้
ดังนั้น ตัวอย่างผ้า ตัวอย่างสี ตัวอย่างลาย เป็นทางออก และเป็นทางออกที่ใช้การจัดการฉบับภูมิปัญญาไทย
ปกสมุดเล่มเก่า ๆ ที่ไร้คุณค่า เปลี่ยนมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงอานุภาพ
ปกสมุดที่ไม่มีค่าไม่มีราคา เปลี่ยนมาเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องกลุ่มทอผ้า
พี่ ป้า น้า อา ของเรามิได้หยุดแค่นั้น
ทุกท่านทำงาน คิด และพัฒนากันเป็นวงจร ไม่หยุดนิ่งและหยุดเฉย
เพราะสิ่งเหล่านั้นคือ "ชีวิต"
พัฒนาเพื่อชีวิต ทดลองเพื่อชีวิต สังเกตเพื่อชีวิต
ดังนั้นจึงกลายเป็น
"การวิจัยเพื่อชีวิต"
การวิจัยที่เนียนอยู่ในเนื้องานและเนียนอยู่ในชีวิต
R2R & R2L (Research to Routine & Research to Live)
จากปกสมุด ที่มีสื่อกลางคือลวดเย็บกระดาษ นำผ้าและกระดาษมาติดเรียงกันตามเฉดตามสีสัน
จากนั้น ปรับปรุงและพัฒนา ทอไล่ลำดับสี มาเป็นตัวอย่างผ้าชั้นดี
หลากสีหลายสัน บรรจงทอกระตุกพลัน จนออกมาเป็นงานสังสรรค์ที่สวยงาม
R2R งานวิจัยฉบับไทย สร้างด้วยใจใส่ฝีมือและวิถี
งานชีวิตสรรค์สร้างสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่บอกว่าคือชาติไทย
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ การวิจัยเป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิต ชาวบ้านเขาทำวิจัยกันอยู่แล้วนะครับ
เป็นประโยชน์มากครับอาจารย์
ออตมีโอกาสเข้าไปศึกษาการจัดการความรู้แบบฉบับชาวบ้านหลายแห่ง ผ้าขิดของชาวผู้ไทจะสืบทอดลวดลายกันผ่าน ผ้าแส่ว ส่วนคนลาวสืบทอดกันผ่านผืนผ้า
ผ้าแส่วคือผ้าผืนเล็ก ๆขนาดหกสิบคูณหกสิบเซนติเมตร ในผืนผ้านี้จะบันทึกลายขิดของชาวผู้ไทเอาไว้ดังนั้นบ้านทุกหลังจะต้องมีผ้าแส่งเพราะเวลานำมาทออีกครั้งจะกลับไปเปิดผ้าแส่วดู ถือว่าเป็นตำราอย่างดี ดังนั้นลายผ้าขิดของชาวผู้ไทจึงสูญหายน้อย
ผ้าผืนสำหรับคนลาว เมื่อคนลาวจะทอผ้ามัดหมี่จะเอาผืนผ้ามากางออกเป็นตัวอย่าง อยากได้ลายไหนก็เอามากางไว้และลอกเลย บางคนเก่งจำเอาก็เอาจากความจำของตนเอง ดังนั้นคนอีสานจึงต้องมีผ้ามูนเก็บเอาไว้ประจำตระกูล ผ้ามูนเหล่านี้คือตำราเล่มใหญ่ของคนลาวอีสาน
การจัดการความรู้แบบฉบับของชาวบ้านนะครับ จัดการหนึ่งแต่ได้ผลหลายประการ
ท่านพี่วีรยุทธ
คุณออต
ขอพลังแห่งความรู้จงสถิตกับทุก ๆ ท่านตลอดไปครับ