เมื่อตอนที่ด.ญ.เบญ (นามสมมติ) เกิดในโรงพยาบาลระนอง จากพ่อแม่ซึ่งเป็นชาวพม่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2545 นั้น น้องเบญยังไม่ได้รับการแจ้งการเกิด ต่อมาเมื่อประเทศไทยได้เปิดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ พ่อแม่ และน้องเบญ ได้ไปขึ้นทะเบียนประวัติแรงงานดังกล่าว ทั้งหมดได้รับการบันทึกลงรายการในท.ร.38/1 รวมทั้งน้องเบญด้วย
น้องเบญ ได้รับการลงรายการในท.ร.38/1 ตรงตามความเป็นจริง ทั้งชื่อพ่อแม่ ตามภูมิลำเนาที่พม่า ทั้งวันเดือนปีเกิด ที่ได้เกิดยังโรงพยาบาลระนอง แต่มีข้อมูลหนึ่งอย่างที่ไม่ปรากฏ คือ “สถานที่เกิด” ได้ถูกทำเครื่องหมาย (-) ในช่องไว้
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 แม่ของน้องเบญไปขอหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.1/1) จากโรงพยาบาลระนอง เพื่อจะไปขอแจ้งการเกิดและรับสูติบัตร ต่อมาเมื่อแม่น้องเบญมาขอความช่วยเหลือจากผม ปรากฏว่า น้องเบญมีเลข 13 หลัก ตามท.ร.38/1 แล้ว
และเมื่อกฎหมายบังคับว่าการแจ้งการเกิดในกับเด็กเกินกำหนดนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้รับการจัดทำทะเบียนราษฎรและไม่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก น้องเบญจึงไม่เข้าข่ายที่จะสามารถแจ้งการเกิดได้
เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำเช่นไร เพื่อให้รัฐไทยรับรู้ว่าน้องเบญเกิดในประเทศไทยจริง ลำพังหลักฐานท.ร.1/1 จากโรงพยาบาลไทยยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “หนังสือรับรองสถานที่เกิด”
แม่น้องเบญจึงต้องขอหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.20/1 ตามพ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร์(พ.ศ.2551) ม.20/1 แทน โดยให้เหตุผลว่าต้องการท.ร.20/1 ไปใช้สมัครเข้าโรงเรียนไทย แต่ว่ากว่าน้องเบญจะได้รับท.ร.20/1 นี้ มีขั้นตอนทั้งการสอบพยานบุคคล ใช้ระยะเวลานานมาก เรียกได้ว่า เลือดตาแทบกระเด็น
ดั่งราวกับว่า หนังสือรับรองการเกิด ท.ร.1/1 จากโรงพยาบาลระนอง เป็นหลักฐานที่ไม่เพียงพอว่าเกิดในประเทศไทย นอกจากสอบพ่อแม่ของน้องเบญแล้ว ยังสอบนายจ้างคนก่อนในขณะที่น้องเบญเกิดด้วย
น้องเบญโชคดีที่นายจ้างคนก่อนมีใจเมตตา ยังมีชีวิตอยู่ และยอมมาเป็นพยานรู้เห็นในการเกิดน้องเบญให้ ทั้ง ๆ ที่เวลาผ่านมา 7 ปี แล้ว
ในที่สุดน้องเบญก็ได้รับหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.20/1 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2552 เป็นรายแรก และคนเดียวตั้งแต่บัดโน้น กระทั่งถึงบัดนี้
จันทร์กระดาษคะ
อ.แหววอยากแนะนำให้ช่วยนำเสนอขอเท็จจริงแบบนี้นะคะ แต่อย่าสรุปว่า ปัญหามันต้องคงเดิม
อย่างประเด็นนี้ พี่ว่า เราต้องหารือกรมการปกครองนะคะ
โดยหลักนิติศาสตร์นั้น ประเด็นที่จะต้องสืบของการทำหนังสือรับรองการเกิดตาม ม.๒๐/๑ อาจเป็นไปได้ ๒ ทาง กล่าวคือ (๑) สืบการเกิดใหม่ดังที่ทำในกรณีน้องเบญ และ (๒) สืบความน่าเชื่อถือของ ท.ร.๑/๑
จะเห็นว่า สืบแบบที่ ๒ ง่ายกว่า ๑ ในประเด็นของน้องเบญ ซึ่งพี่ว่า เราเสนอได้ ถ้าอำเภอไม่ฟัง ก็อุทธรณ์ไปสู่กรมการปกครอง
แต่จะให้ทำง่ายๆ จนทุจริตแทรก พี่ก็ว่า ไม่ดี
เห็นความเห็นของ อ.วีนัสในกรณีน้องพลามไหมคะ
http://gotoknow.org/blog/archanwell-and-maeai-study/273524