สองวันนี้ (1-2 ก.ย.) ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโครงการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของชุมชนนักปฏิบัติ R2R (พัฒนางานประจำสู่งานวิจัย หรือ routine to research) ซึ่งจัดโดยคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (สมช.) ผู้เข้าร่วมประชุม นอกจากทีมใหญ่จากศิริราช เจ้าภาพ ซึ่งมีประสบการณ์การทำ R2R ที่มีระบบการบริหารจัดการเต็มรูปแบบ แล้ว ยังมี สถาบันสุขภาพเด็กฯ รพ.ยโสธร รพศรีสังวาลย์ แม่ฮ่องสอน รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ สำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ จากภาควิชาพยา-ธิ มอ. คือ ตนเองกับอาจารย์พรพรต และที่ surprise ก็คือ อาจารย์ธาดา ยิบอินซอยมาร่วมประชุม รวมทั้งหมดประมาณ 38 ท่าน
การมา R2R ครั้งนี้ ไม่รู้จะนับเป็นดวงหรือโชคของตนเองหรือเปล่า เรื่อง R2R นี้ ตนเองคิดมาเกือบปีแล้ว แต่ยังไม่มีแนวร่วม ที่จริงเราก็ได้งานที่เป็น R2R มาบ้างแล้วจาก Patho Otop จึงคิดว่าหากสนันสนุนจริงจังน่าได้มากกว่านี้ หลังจากงานประชุมวิชาการคณะฯ ที่พวกเราบางคนไปคว้ารางวัลนำเสนอผลงานวิจัย ก็เลยปรารภกับอาจารย์พรพรตว่า อยากให้เกิด R2R อย่างจริงจังสักที เพราะดูศักยภาพของคนพยาธิแล้ว เพียงออกแรงลุ้นอีกหน่อย คงมี R2R ปีละหลายเรื่อง เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ตนเองกับอ.พรพรต เผอิญได้ทานข้าวร่วมกับ อ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ อาจารย์ได้รับการบอกกล่าวจากอาจารย์วิจารณ์ว่า น่าจะชวนทีมพยาธิจาก มอ.ไปร่วมประชุมด้วย ก็เลยได้รับโอกาสในครั้งนี้ ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์วิจารณ์ มากๆ เลยค่ะ
กลับมาที่การประชุม เริ่มด้วย อ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการ สมช. .เล่าถึงที่มาที่ไปของการประชุม อาจารย์ประเวศ วะสี กล่าวเปิดงานสั้นๆตามด้วย อาจารย์วิจารณ์ บอกวิธีในการลปรร แบบ KM
ข้อคิดสำคัญจากอาจารย์ประเวศ (คิดว่าเป็นหลักที่อาจารย์ให้ความสำคัญมาก เพราะได้ยินอาจารย์พูดครั้งนี้ เป็นครั้งที่สามแล้ว) อาจารย์บอกว่า จะทำอะไรก็ตาม ต้องหาความหมาย ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เราจะทำมีความหมายอะไร ก็จะทำให้เกิดพลัง และ ทำให้เกิดความสุขในการทำสิ่งนั้น การทำ r2r นั้น เป็นสิ่งที่มีความหมาย สิ่งที่เราทำอยู่ (หมายถึงการปฏิบัติ เช่นการดูแลรักษา การใช้ยา ฯลฯ) กับในภาวะในอุดมคตินั้น ยังมีช่องว่างอยู่ ช่องว่างตรงนี้ ต้องใช้กระบวนการวิจัย หาคำตอบ (เช่น ฝรั่งขายยาใหม่อยู่เรื่อยๆ ยาใหม่ส่วนใหญ่ ก็เปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อยจากสูตรเก่า แล้วก็มาขายเรา หากเราไม่ทำอะไร ก็จะตกเป็นเหยื่อเขา) อาจารย์ทิ้งท้ายว่า หลักก็คือ ทำให้มนุษยชาติดีขึ้น การทำเพื่อมนุษยชาติ เป็นความงาม การเห็นความงาม ทำให้เกิดความสุข
อาจารย์วิจารณ์ อธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับกระบวนการ ลปรร.แบบ KM ว่า
นี่แค่การเกริ่นนำนะคะ ก็ได้ข้อคิด และความรู้ดีๆ มากมาย แล้วตามต่อในบันทึกหน้านะคะ
(รูปได้อภินันทนาการจากคุณกะปุ๋มผู้น่ารัก ขอบคุณมากๆ ค่ะ)
ตันแบบ R2R ที่กะปุ๋มดูนอกจากที่ศิริราชแล้วก็มีที่ ภาควิชาพยาธิ มอ. นี่แหละคะ...อาจเป็นเพราะช่องทางการสื่อสารที่มีเรื่องเล่าผ่าน Blog นี่เองที่ทำให้กะปุ๋มมาเข้าใจเพิ่มขึ้นจากบันทึกของ อ.หมอปารมี เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมรุ่นที่จุฬาฯ ที่ทำงานอยู่ศิริราชเล่าและแนะนำ R2R ให้เข้าไปศึกษา http://www.si.mahidol.ac.th/r2r/
...
กะปุ๋มหวังว่าคนรักการพัฒนางาน น่าจะมาได้แลกเปลี่ยนรูปแบบที่ดีจากที่ Patho Otop นะคะ
*^__^*
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
กะปุ๋มตามพี่เม่ยมาคะ...มาขอร่วมทีมกับพี่เม่ย...โครงการ"ตามหา R2R กับตาวิเศษ"คะ...ตามหาเจอแล้วไปที่นี่เลยนะคะ...CoP R2R
*^__^*
สามารถแจ้งกะปุ๋มได้ทุกช่องทางการสื่อสารเลยนะคะ...เพื่อนำเข้าสู่ planet แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
คุณกะปุ๋มค่ะ หมอ get สิ่งดีๆ จากทีมงานยโสธรมากเลยค่ะ ดังในบันทึกต่อไป
ครูนงค่ะ คิดว่าแนวคิด R2R ใช้ได้กับทุกงานค่ะ รวมทั้งการศึกษา ดีใจที่บันทึกเป็นประโยชน์
พี่เม่ยค่ะ
R2Rดีขอชื่นชม น่าจะนำไปประยุกต์ใช้ในหลายด้าน