สาละ..ดอกไม้แห่งตำนาน


      ชีวิตเป็นพวกไม่ค่อยมีสาระ ...พอเจอว่ามีดอกไม้ชื่อว่า สาระ เลยอยากเห็นจังหน้าตาเป็นอย่างไร   หาข้อมูลไปพบว่าไม่น่าสนใจแค่ชื่อว่า สาละ (อาศํยพ้องเสียงว่าสาระ)เท่านั้น ...ความสำคัญยังช่วยเตือนสติและดึงจิตใจให้กลับสู่ความสงบและศรัทธาในศาสนาอีกด้วยค่ะ   

      ต้นสาละ [Shorea robusta Roxb.] ต้นไม้ในพุทธประวัติ

      ต้นสาละ จัดเป็นไม้มงคล และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Shorea robusta Roxb. อยู่ในวงศ์ Dipterocarpaceae เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่อง ใบเดี่ยวออกเวียนสลับตามปลายกิ่ง ปลายในแหลมโคนสอบ ขอบใบจักตื้น ๆ ดอกมีสีชมพูแดงอมเหลือง กลิ่นหอม ออกเป็นช่อใหญ่ตามลำต้นใกล้โคน กลีบดอกมีลักษณะแข็ง เกสรตัวผู้โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปแผ่นแบนโค้ง ออกดอกตลอดปี ผลกลมผิวน้ำตาล ชอบแดดกลางแจ้ง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด

ถ่ายจากโรงเรียนสาธิต นครสวรรค์ แต่มีอีกที่วัดบ้านแก่ง นครสวรรค์ค่ะ

สาละ ชาวอินเดียเรียกว่า ซาล [Sal] เป็นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน

     
โดยที่พุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เมื่อใกล้กำหนดจะให้พระสูติการก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ ไปยัง กรุงเทวทหนคร ในระหว่างทางพระนางได้ทรงหยุดพักบริเวณสวนลุมพินีวัน ใต้ร่มต้นสาละ เขตตำบลลุมพินีสถาน ซึ่งอยู่ระหว่างพรมแดนกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ  เป็นวันเพ็ญ เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ยามนั้นอากาศโปร่ง ต้นไม้ในป่าสาละอุทยานลุมพินีกำลังผลิตดอกออกเบ่งบาน ส่งกลิ่นเป็นที่จำเริญใจ เป็นด้วยอำนาจบุญญาธิการของพระราชโอรส  พระนางทรงเจ็บพระครรภ์ จึงได้ให้คนเตรียมพื้นที่ เพื่อประสูติพระโอรสอย่างกะทันหัน พระนางทรงยื่นพระหัตถ์เหนี่ยวกิ่งต้นสาละ และได้ทรงประสูติพระโอรสซึ่งมีพระวรกายผุดผ่อง อันสมบูรณ์ ด้วยลักษณะ แห่งมหาบุรุษ ที่ไม่มี บุรุษใด จะเทียบเทียมได้ พระโอรสนี้คือพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยบารมี

      ครั้นยามสามของวันเพ็ญ เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ภายใต้ร่มเงาพระศรีมหาโพธิ ภายในป่า สาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ

      ครั้น วันเพ็ญเดือน ๘ สองเดือนภายหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้พระพุทธองค์เสด็จมาถึงบริเวณป่าสาละอันร่มรื่น ณ อุทยานมฤคทายวันหรืออิสิปตนมฤคทายวัน ทางทิศเหนือใกล้เมืองพาราณสี แคว้นกาสี ณ ที่นี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนากัณฑ์แรก คือ ธัมมจักกัปปวันสุตร โปรดปัญจวัคคีย์ พระรัตนตรัยเกิดครบบริบูรณ์ครั้งแรกในโลกนี้ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    สำหรับในช่วงสุดท้ายที่ต้นสาละเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัตินั้น เมื่อพระพุทธเจ้ามีพระชนมายุ ครบ ๘๐ พรรษา พระพุทธองค์ได้เสด็จถึงสาลวโนทยานหรือสวนป่าไม้สาละของมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ เป็นเวลาใกล้ค้ำของวันเพ็ญ เดือน ๖ วันสุดท้ายก่อนการกำเนิดพุทธศักราช ได้ประทับในบริเวณสาลวโณทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่หนึ่ง ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดที่บรรทมเอนพระวรกาย ลงโดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ประทับไสยาสน์แบบสีหไสยาเป็นอนุฏฐานไสยาคือเป็นการนอนครั้งสุดท้ายจนกระทั่งสังขารดับแล้วเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละนั่นเอง

ที่มา http://www.tripandtrek.com/webboard3/show.php?Category=&No=488

คำสำคัญ (Tags): #ดอกสาละ
หมายเลขบันทึก: 178723เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2008 18:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ที่บ้านมี 1 ต้นยังไม่โตมากสูงขนาดเท่าศีรษะ ยังไม่เคยออกดอก ที่ชอบเพราะไปนิเทศงานชมรมผู้สูงอายุกับคุณนัยนา สำเภาเงิน ที่วัดทับคล้อ และที่วัดหนองขาหย่าง ชอบดอกสวย เลยซื้อมาปลูก มีคนทักว่าเป็นดอกไม้ในวัดไม่ควรนำมาปลูก แต่ซื้อมาปลูกเพราะถ้าเป็นดอกไม้ในวัดเราคิดว่ายิ่งดี ตอนนี้รอเชยชม ต้นไม้ในบ้านเหลืออยู่ 2 ชนิดที่ยังไม่เคยเห็นดอกเลยตั้งแต่ปลูก คือจันทร์กระพ้อ กับสาละนี่แหละ ออกดอกเมื่อไหร่จะเอามาฝาก

  • ยินดีต้อนรับที่กลับมาเป็นสมาชิกใหม่จ้า
  • ต่อจากนี้เราจะไม่ข้องใจแล้วทไมคนบ้านนี้มีสาระมากจังเลยนะ
  • ก็ที่บ้านมีต้นสาละนี่เอง....ต้องขอมาปลูกในศูนย์ฯบ้างแล้ว
สมบัติ ศิริอุดมเศรษฐ

ใน blog นี้ อธิบาย ต้นสาละ ถูกต้องเกือบหมดครับ ยกเว้นรูปภาพเป็นต้นลูกปืนใหญ่ และส่วนที่อธิบายดังนี้ " ใบเดี่ยวออกเวียนสลับตามปลายกิ่ง ปลายในแหลมโคนสอบ ขอบใบจักตื้น ๆ ดอกมีสีชมพูแดงอมเหลือง กลิ่นหอม ออกเป็นช่อใหญ่ตามลำต้นใกล้โคน กลีบดอกมีลักษณะแข็ง เกสรตัวผู้โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปแผ่นแบนโค้ง ออกดอกตลอดปี ผลกลมผิวน้ำตาล ชอบแดดกลางแจ้ง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด " ซึ่งเป็นลักษณะของต้นลูกปืนใหญ่ ข้างล่างเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลของทั้ง ต้นสาละ และ ต้นลูกปืนใหญ่ครับ

 

ผม เพิ่งจะเข้ามาอ่านเกี่ยวกับดอกไม้ที่ให้ทายกันในบอร์ดนี้ช้าไปหน่อย ผมขอเริ่มเล่าให้ฟังเลยนะครับผมสนใจในต้นสาละมานานพอสมควร เดิมผมก็เข้าใจว่า ต้นลูกปืนใหญ่ Cannonball tree (Couroupita guianensis Aubl) วงศ์ Lecythidaceae เป็นต้นสาละ และคนที่นำเข้ามาในประเทศไทย นำเข้ามาจากประเทศศรีลังกา และในศรีลังกาก็เรียกกันว่า sal tree หรือสาละ ก็เลยเรียกว่า สาละลังกา ต้นลูกปืนใหญ่เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเหนิดในอเมริกาใต้ ประเทศทางยุโรปและเอเซีย รู้จักทวีปอเมริกาเมื่อไม่เกิน 700 ปีที่ผ่านมา และทวีปอเมริกาสมัยนั้นไม่เจริญเลย ต้นลูกปืนใหญ่ไม่มีทางที่จะมีอยู่ในศรีลังกาหรืออินเดียในสมัยพระพุทธเจ้า ของพวกเรา พระพุทธองค์ประสูติมาก่อนตั้งไม่น้อยกว่า 2000 ปี แต่จากประวัติความเป็นมามีการนำ ต้นลูกปืนใหญ่เข้ามาปลูกในศรีลังกาประมาณระหว่างปี พ.ศ.2422-2424 และเรียกกันว่า sal tree หรือสาละ (ผมจะอธิบายต้นสาละต่อจากต้นลูกปืนใหญ่) เพราะว่าดอกสวยเลยเอามาบูชาพระ และในปี พ.ศ. 2500 มีคนนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย แล้วเรียกตามศรีลังกาดังกล่าวข้างต้น และหนังสือพิมพ์ในประเทศศรีลังกาก็ยืนยันความผิดพลาดนี้ด้วย โดยผมจะให้ ชื่อเว็บทั้งหมดในตอนท้าย สรุปแล้วไม่เกี่ยวกับต้นสาละเลยจึงไม่ควรเรียกว่า สาละ หรือสาละลังกา

สำหรับ ต้นสาละ Sal Tree ( Shorea robusta C.F. Gaertn.) วงศ์ Dipterocarpaceae ชื่อก็ไม่เหมือน และต่าง วงศ์ กันกับต้นลูกปืนใหญ่ ต้นสาละเป็นต้นไม้พื้นเมืองของอินเดีย เนปาล อัสสัม และพม่าบางส่วนเป็นไม้ยืนต้น ตระกูลเดียวกับต้นยางนา ต้นเต็ง ต้นรัง ต้นรังในบ้านเราก็มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับต้นสาละเหมือนกันโดยในพระ ไตรปิฎกกล่าวว่าพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานใต้ต้นรัง ผมเข้าใจว่าผู้แปลคงเคยเห็นต้นสาละในอินเดียมาก่อน ลักษณะ ต้น ใบ ดอก ของสาละคล้ายกับ ต้นรังของไทยมาก ผลของทั้งสาละ และ รัง ก็มีห้าปีกเหมือนกัน จึงเกิดความเข้าใจผิด ต้นรังบ้านเราชื่อ ( Shorea siamensis Miq )วงศ์ Dipterocarpaceae เป็นพืชวงศ์ เดียวกันกับต้นสาละ และต้นสาละก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วตามประวัติ ผมจึงอยากให้เรียก ต้นสาละ ว่าต้นสาละเฉยๆไม่มีสาละอินเดียหรือลังกา อีก ในกรุงเทพฯ สามารถไปดูต้นสาละได้ที่วัดเบญจมบพิตรฯ ในหลวงทรงปลูกไว้เมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม 2516 หน้าศาลา 100 ปี ร.5 ยังมีที่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ปลูกอยู่ข้างพระอุโบสถ โดยขอแนะนำเว็บต่อไปนี้มาเป็นหลักฐานพิจารณาดู

http://sundaytimes.lk/070916/News/news00026.html http://www.forest.ku.ac.th/forestry/th/knowledge_detail.php?knowledge_id=68&cat_id= http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=19537

http://anggate.multiply.com/photos/album/36/36 http://www.watsai.net/sal_tree.php

ถ้ามีข้อสงสัยสอบถามมาได้ครับ ถ้าเห็นว่ามีเหตุผลเชื่อได้กรุณาแนะนำต่อๆไปด้วยเพื่อจะได้เข้าใจกันให้ถูกต้อง

ต้องขอขอบคุณ คุณสมบัติ ศิริอุดมเศรษฐ ด้วยใจจริงเพราะคุยกับใครก็มักเข้าใจว่าต้นสาละคือต้นลูกปืนใหญ่ แล้วในวัดแต่ละแห่งก็จะมีให้เราเห็นบ่อยๆด้วย  วันนี้เลยไปค้นตามดูว่าแล้วสาละที่แท้จริงตามตำนานของพระพุทธเจ้าเราคือหน้าตาแบบไหน..หาดูยากนะค่ะ น่าจะนำมาปลูกกันให้แพร่หลายบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท