ข้อมูลนี้ได้มาจากหนังสือสารคดีปีที่22 ฉบับที่264 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ ในคอลัมภ์สุขภาพดูแลเองได้..โดยคุณภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ อ่านแล้วอยากเผยแพร่เรื่องดีๆอย่างนี้ให้ทุกคนคะ เพราะส้มตำเป็นอาหารที่ฮิตติดตลาดทุกเพศ ทุกวัย และมีขายเกลื่อนเมือง จนดูคล้ายจะกลายเป็นโลโก้อาหารไทยอีกหนึ่งอย่างไปแล้ว
วงการแพทย์แผนปัจจุบันเพิ่งค้นคว้าเกี่ยวกับความลับของมะละกอพบว่ามะละกออุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งเอนไซม์หลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกเหนือจากปาเปนซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนแล้ว ยังอุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งทำหน้าที่ชำระล้างอนุมูลอิสระภายในร่างกาย รวมทั้งช่วยในกระบวนการเผาผลาญกระตุ้นระบบประสาท สมอง และจิตใจ ตรงกับศาสตร์อายุรเวทของอินเดียที่บอกว่า..มะละกอเป็นอาหารประเภท"สัตตวะ"ซึ่งช่วยให้ร่างกายเบาสบาย สมองปลอดโปร่งและช่วยพัฒนาจิตใจ
นอกจากนี้ยังพบว่า ในบรรดาผลไม้ด้วยกันมะละกอมีวิตามินเอมากที่สุด โดยมะละกอเนื้อเหลืองจะมีวิตามินเอมากกว่ามะละกอเนื้อแดงครึ่งหนึ่ง ทั้งยังมีวิตามินซีมากกว่ากีวีหรือแครอต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูง ซึ่งแคลเซียมจากผักผลไม้ย่อยง่ายกว่าจากแคลจากนมหรือกระดูกสัตว์ แล้วคุณผู้หญิงจะพลาดได้อย่างไร แล้วอีกอย่างที่สำคัญ คือ เอนไซม์ในมะละกอยังช่วยในการกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป ทั้งยังเป็นตัวนำอาหารสู่เซลล์ผิวและช่วยกำจัดพิษและของเสียทางรูขุมขนด้วย
ในส่วนที่เกี่ยวกับคุณแม่ที่ให้น้ำนมกับลูกเองทั้งหลาย...จากบทความนี้กล่าวว่า ในผู้หญิงกวางตุ้งจะกินมะละกอดิบกับเนื้อสัตว์ต้มผสมน้ำเพื่อกระตุ้นน้ำนม ...ก็ลองไปทดลองกันดูนะคะ ได้ความว่าไงก็อย่าลืมส่งข่าวกันนะคะ จะได้นำไปเผยแพร่ต่อจ้ะ เพราะนอกจากเรื่องการเตรียมเต้านมให้พร้อมก่อนคลอด การทำจิตใจให้สบายๆ และการใช้หลัก 3 ดูด(ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี) เราก็มีเคล็ดลับจากรพ.พิจิตร ว่าให้ดื่มน้ำมากๆหลังคลอดวันละ 1-2 ลิตร แล้วคุณจะพูดได้ว่า "น้ำนมมาแว้ว......."
ดีมาก ๆ ได้ประโยชน์ น่าจะบอกคุณประโยชน์ของปูเค็ม ปลาล้า และกุ้งแห้งด้วย
จะได้สั่ง ส้มตำปู ปลาล้า/ตำไทยใส่ปู ขอบคุณครับ ฮิฮิ..