มีคำสอนของพระท่าน มาฝากค่ะ
คนที่มีปัญญา  จะไม่ยึดมั่น ถือมั่นอะไรค่ะ  ว่า สิ่งทั้งหลายเป็นของเรา ไม่มีความติดข้องในสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เมื่อกำจัด ความพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แล้วก็ข้ามห้วงกิเลสคือ โอฆะ เป็นผู้รู้ที่ไม่ติดอยู่ในอารมณ์อันน่าใคร่น่าพอใจ ถอนลูกศร คือ กิเลสออกได้ เป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท 

พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้เราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่ให้เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง

  จะปิดเครื่องแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ได้พูดคุยกับพี่ศศิ...ยึด อีกแล้ว

ต้องขอขอบคุณพี่ศศิ มาก ๆ ค่ะ

บางครั้งบางคราก็ไม่ยึด ไม่ติด
แต่ถ้อยความบางถ้อย พลอยให้เกิด..การหวนพะวงถึงลูกศร

"ถอนลูกศร คือ กิเลสออกได้ เป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท" 

ชอบมาก ๆ และคงต้องลอกข้อความติดไว้เตือนตัวและใจ            

  พี่ศศิ คะ

อานิสงส์จากการนั่งกำหนดจิตใจ  พักจิตใจ  เฝ้าดู-ตามลมหายใจ

น้องเกิดคิดขึ้นมาได้ สิ่งหนึ่งค่ะ

ทุกสิ่งไม่มีอะไรที่เราต้องยึดติด

ให้มัน(แต่ละสิ่ง แต่ละเหตุการณ์ แต่ละคน...)  ผ่านมา เหมือนลมโชยพัดผ่านผิวกายแล้วเรารู้สึก เรารู้ว่ามีลมผ่าน  เรารู้ว่าเดี๋ยวลมนี้ก็จะล่องลอยไป หรือเปลี่ยนทิศทาง หรือ สลายไป...

แม้กระทั่งตัวเราเอง

สักวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  ก็จะสลายไป

เริ่ม ๆ จะ คลายความ ยึดติด ได้แล้วค่ะ