ความเดิม *เมื่อป่วยใช้สายตาไม่ได้สะดวก โดนบังคับหยุดงาน ทำอะไรดีล่ะ
จึงคิด อ้อไม่เพียงแค่คิด เรียนจริงเลยล่ะ เรียนไวโอลินเพื่อพัฒนา(ฝึกสมาธิด้วย)หู และทักษะสมองซีกขวา เป็นสิ่งแรก *
*********************************
เมื่อแรกที่ติดต่อคุณครูสอนไวโอลิน พูดคุยกันทางโทรศัพท์ คุณครูเกิดอาการงง เล็กน้อย เพราะปกติส่วนใหญ่ลูกศิษย์ของครู จะอายุประมาณหกขวบขึ้น ยังไม่เคยมี ลูกศิษย์ที่อายุสี่สิบขวบขึ้น
ดิฉันเองตอนนั้น อาการป่วยเป็นมากแล้ว พูดคุยทางโทรศัพท์ ฟังไม่ค่อยชัด จึงขออนุญาตคุณครูว่า เรานัดพูดคุยกันต่อหน้าดีมั้ย เผื่อว่าถ้าครูเห็นว่าพอเรียนไหว หรือเรียนเครื่องดนตรีอะไรไม่ได้ ก็จะขอแค่เรียน อ่านโน้ต ดิฉันบอกครูเลยว่า ดิฉันยังไม่เคยเรียนดนตรีเลย
ตอนนั้นยังไม่กล้าบอกความจริงว่า จริง ๆ แล้ว แค่ร้องเพลงก็ยังร้องไม่เป็น มักจะผิดคีย์และผิดจังหวะ เรียกได้ว่า ให้ร้องเพลง ขอร้องไห้ แทนจะดีกว่า
ครูมาบอกทีหลังว่า ฟังเสียงแล้วเกิดความรู้สึกว่า
ผู้พูดอยากเรียนมาก ๆหนึ่ง
ผู้อยากเรียนที่มีอายุแล้วก่อให้เกิดความรู้สึกท้าทายต่อผู้สอนอีกหนึ่ง
จะสอนคนไม่เคยเรียนดนตรีมาเลยได้ไหมอีกหนึ่ง
และประการที่สี่ ครูเกิดความรู้สึกอะไรบอกไม่ถูก แต่ อยากสอน
ครูจึงแต่งตัวและให้ลูกชายของครูพ่วงรถจักรยานยนต์มาพบว่าที่ลูกศิษย์คนนี้
เมื่อครูและลูกศิษย์พบหน้ากันครั้งแรก
........
มีต่อตอนสาม
(ครูตกใจมาก !!! เพราะคิดว่า...เอ พิการขนาดนี้จะเรียนไหวหรือ !!!)
อ่านแล้ว น่าทึ่งมากค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ
มีภาพมาฝาก ชอบภาพนี้ ดูเงียบ สงบดี ชอบบรรยากาศแบบนี้ ทำให้ความคิดตกตะกอนดี เพื่อย้อนดูตัวเอง และคิดพัฒนาตัวเองค่ะ
สวัสดีค่ะ
* มาดูเด็กสี่สิบขวบเรียนดนตรีค่ะ
* บันทึกนี้มีคุณค่าของคนตรีระหว่างครูกับศิษย์
* ที่สำคัญความรู้สึกที่มีต่อกัน
* ขอให้สุขกายสุขใจค่ะ
เขียนจบแบบนี้น่าติดตามมากค่ะ
สวัสดีปีใหม่นะคะ ดีใจที่พี่หมอได้ไปอัมพวากับครอบครัว : )
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ชอบภาพดอกไม้สีสันงดงามนี้มากค่ะ
แต่เกิดความรู้สึกคิดถึงเวลาเปิดมาแล้วไม่เห็นใบหน้า พี่ศศิ ค่ะ
อย่าว่าแต่คุณพี่ ทึ่ง เลยนะคะ ตัวเองมาหวนคิด รู้สึกว่าเรากล้า(จริง ๆ เพราะเบื่อต้องอยู่เฉย ๆ นาน ๆ)ที่หาญขอเรียนไวโอลินในขณะที่
หนึ่งตาข้างซ้ายปิดไม่ได้
สองหน้าซีกซ้ายทั้งหน้าไม่มีแรง
สามปากเบี้ยว น้ำลายยืดและบางครั้งหยดถ้าพูดมาก ๆ
สี่กลืนข้าวลำบากเพราะลิ้นทำหน้าที่ไม่ครบสมบูรณ์
ห้าเมื่อสี ๆ ไวโอลินไป มีฝุ่นผงของคันชักกระเด็นเข้าตา ต้องหยุดเรียนพักหนึ่งเพื่อหยอดน้ำตาเทียมหรือป้ายเจลแทนน้ำตา
.....ฯลฯ
จะค่อย ๆ เล่าให้ฟังค่ะ...ขอบคุณที่ติดตาม บันทึกออกช้าเพราะงาน..ตรึมค่ะ !!!
พี่พรรณา คะ แปลกแต่จริงค่ะ
คุณครูเคยขอตัวหยุดสอนเพราะ..ลูกศิษย์เก่งแล้ว..อิ อิ ม่ายช่ายค่ะ
เพราะคุณครูเหนื่อย อายุ..ไม่มากไม่น้อย
เมื่อเริ่มการเรียนการสอนกัน สามสี่ปีที่แล้ว ครูอายุ 74 ขวบค่ะ มากกว่าลูกศิษย์ไม่เท่าไร
วันนี้โทรไปสวัสดีปีใหม่ แล้วขอครูเรียนต่อ
ครูบอกว่า "โอ"
ภาษาวัยรุ่นซะด้วย!!!
โอ อัมผพวา นี่หนางามจริง...
เชียร์ให้ไปค่ะ ไปทานข้าว, อาหารทะเล ที่ดอนหอยหลอดก่อนนะคะ แล้วเดินตลาดอัมพวา แวะสวนหลวงร.สองก่อนกลับ
หรือจะพักชมหิ่งห้อยก็น่าสนุกค่ะ
พี่ไม่ได้แวะสวน เพราะลูกเพิ่งสร่างไข้
หิ่งห้อยเคยไปพักชมทั้งครอบครัวที่ดำเนินสะดวก หลายปีมาแล้ว
น้องภู ชอบมาก
น้องมัทพุงโตต้องไปตอนที่ไม่ใช่เทศกาลนะคะ อ้อ หรือไปช่วงเช้า ๆ หน่อยคนจะยังไม่มากค่ะ
เอ เจ้าตัวเล็กจอมผจญภัย คงเตะเก่งแล้ว แน่ ๆ เลย ;P