เปลี่ยนผ่าน วิกฤติ


วิกฤติ....คือสิ่งที่กระแทกเราให้หลุดจากชีวิตแบบเดิม ชีวิตคือ ....สิ่งสวยงาม ชีวิตคือ..ชีวิต

วิกฤติที่เข้ามาในชีวิต จะกระแทกเราให้หลุดจากชีวิตแบบเดิม

ถ้าผ่านไปได้ สักวันหนึ่งเมื่อมองย้อนกลับ เราจึงจะค่อยเห็นด้านที่เป็นคุณของวิกฤติ

ถ้าผ่านไปนานจนบาดแผลจางหายหมดแล้ว เราอาจค่อยสำนึกขอบคุณวิกฤตินั้น

******************************************

 

 

 

 

 

 

อ่านอนุทินนี้แล้ว...โดน..ใจค่ะ

ขออนุญาต (ที่ไม่ใช่ญาตตัวเล็ก ๆ) มาขยายความเป็นบันทึก

ขอบคุณอาจารย์วิบุล

ล่วงหน้า

 

คาดว่าได้รับอนุญาต อิ อิ

 

******                      ******

 

คนวัยปูนนี้อย่างเรา วัยเกือบวัยทอง อ่านแล้วคงเข้าใจง่าย

คนวัยน้อยกว่านี้ ลองเก็บเป็นคำพูด หรือ ประโยคทอง จดโน้ตไว้สักนิด

 

วันเวลาผ่านไป กลับมาทบทวนแล้วจะเห็นจริง

วิกฤติ คือสิ่งที่กระแทกเราให้หลุด ผ่าน หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบเดิม

วิกฤติ คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราโต(mature) ขึ้น

 

เข้าใจชีวิต

ว่า

ชีวิตคือสิ่งสวยงาม

เพราะ

ชีวิตคือ

ชีวิต

 

ถ้าเราไม่เคยประสบความทุกข์เลย เราจะไม่รู้ว่า เวลาทุกข์เจือจาง หรือ ลด เกือบหมดไปนั้น รสชาติชีวิตตอนนั้น เป็นอย่างไร

ถ้าเราไม่เคยผิดหวัง เราจะดีใจได้มาก ๆ เวลาสมหวังหรือ

 

ถ้าการบ้านยากแสนยาก แล้วเราไม่พยายามทำ เราจะเข้าใจเรื่องที่เรียนหรือไม่

หลังสอบเสร็จใหม่ ๆ จะเริ่มรู้ตัวว่า อ๋อ เรื่องนี้ บทนี้ เนื้อหาส่วนนี้นี่เองที่อาจารย์ ครู อยากให้เรารู้

 

เรามีปัญหากับผู้ร่วมงาน เรามองเขาอย่างเดียว คงไม่ใช่ทางแก้

เราต้องมองเราด้วย

 

ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด

ประสานความคิดเห็นให้ได้ ไปในทางเดียวกัน

หรือไม่งั้น ลองทำทั้งสองแบบ

 

แล้วเลือกแบบใดแบบหนึ่ง

หรือเลือกทั้งสอง ถ้าผลประกอบการดีทั้งสองแบบ..แฮ่ม

 

วิกฤติที่เรา(ดิฉัน)พบ

เรามักแปรวิกฤติเป็นลมหายใจ ค่ะ

แปรเป็นการเฝ้า ตาม ดู รู้ สัมผัสลมหายใจตัวเอง

ควบคุมสติ

 

พยายามปลุกความกล้าหาญที่พอมีของตัวเอง

นั่งตามลมหายใจ กัลยาณมิตรที่เที่ยงแท้ตลอดกาล ตราบชั่วชีวิตของเรา

 

แล้วจึงค่อย ๆ สาง คิด ดำเนินการ

ถาม ปรึกษา ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ทรงคุณค่า

อย่างมี สติและปัญญา

 

ปัญญา

ที่ว่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดได้เมื่อเราผ่านขั้นตอนการพินิจพิจารณา ลมหายใจ

เจริญสติ และปรึกษาผู้รู้ อย่างใจเย็น

และอย่างกล้าหาญ

 

ผ่าน วิกฤติ ได้เมื่อไหร่

เราเกิดสุข(ที่จริงคือทุกข์ที่น้อยกว่า..)สักพัก

 

 

แล้วตั้งตา รับมือ ค่ะ

มีมาอีกแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 322996เขียนเมื่อ 25 ธันวาคม 2009 23:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2014 22:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

คนที่ไม่เคยเผชิญปัญหาเลยแรกๆ จะมึนงง สับสน วิตก คิดมาก แต่พออายุมากขึ้นเจอหลายเรื่องเข้ามา สั่งสมเป็นประสบการณ์ หลังๆ ก็จะเกิดอาการตายด้านต่อปัญหา อย่างตัวเองเดี๋ยวนี้ก็รู้ตัวเลยว่าความตื่นเต้นในชีวิตต่อเรื่องต่างๆ ลดลงมาก ไม่ค่อยจะยินดียินร้ายเท่าไหร่ ดีก็ดีไป แต่ถ้าร้ายก็หาวิธีจัดการแก้ไข ไม่ตีโพยตีพายสติแตก วิกฤติทั้งหลายเมื่อผ่านไปได้ก็จะกลายเป็นวัคซีนชั้นดี ทำให้มีภูมิคุ้มกันเวลาเจอเรื่องที่หนักหนาขึ้น เจ็บก็ไม่สาหัสเพราะรู้วิธีหลบหลีก จุกก็ลุกขึ้นได้เร็วกว่าใหม่ๆ ปิดป้องและสวนกลับได้บ้าง อย่างน้อยก็คงไม่น็อคคาเวทีค่ะ

P
น้องซาน ชนะน็อคแล้ว นี่เอง
พี่เสียดายวันก่อน ถ้าสามีไม่เปื่อยขนาดหนัก เราได้ชม Dion Worwick พร้อมกันค่ะ
พี่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ หลังเขาสองสามวัน ทำงานพุธและพฤหัสไม่รู้เรื่อง
น้อง ๆ ไล่ให้กลับบ้านด้วยความรังเกียจ กลัวติดโรค
จึงได้นอนเต็มตากับเขาทั้งวันวันนี้
นอนเปิดวิทยุช่องธรรมมะ
ฟังแล้วหลับ ตื่น หลับ ตื่น
เกิดคิดได้ว่า ขนาดเราป่วยนิด ๆ เรายังแย่
เดี๋ยวจะเข้านอนแล้วสวดมนต์ค่ะ

 

สวัสดีครับ

เจอวิกฤติอยู่เหมือนกัน

แต่จะพยายามผ่านให้รู้เท่าทัน อย่างมีสติครับ

กำลังรู้สึกว่าเจอ วิกฤติ อีกแล้วเช่นกัน

 

จะ...นาน...แค่ไหนหนอ....

P

Phornphonคุณน้อง วิกฤติของพี่ครั้งนี้ สี่วันแล้วค่ะ

 

กำลังมองดู มองเฉย ๆ (มีแกว่ง เผลอ..บ้าง)

รอดูว่าเมื่อไหร่ ไป

P

นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)สวัสดีปีใหม่นะคะ คุณพรรณา ผิวเผือก

ปีเสือใจดี ค่ะ

 

 

วิกฤติ สำหรับดิฉัน ครั้งนี้ สิบเอ็ดวัน

ผ่านไปโดยที่เราเฝ้ามองดู

ตามลมหายใจ

 

....

 

รู้สึกเหมือนมี ภูมิคุ้มกันโรคหวัด..เพิ่มอีกหนึ่งสายพันธุ์

วิกฤติครั้งนี้

เรื่องที่หนึ่ง สิบเจ็ดวันแล้ว

เรื่องที่สอง สองวัน

แล้วมันก็จะดับไปผ่านไปโดยที่เรารับรู้

โดยไม่ได้ตั้งใจมองดู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท