และน้องแหม่มเล็ก น้องพัธ น้องสหภัค
เรียนน้องอ ขจิต
พี่มาอยู่ห้องเจมบอลแล้วค่ะ
รอประชุมกับทางทีมโรงพยาบาลและน้องมดค่ะ
กะว่าจะให้เลี่ยงข้าวซักหน่อยไม่รู้หายไปไหน
ขอไปหาหมอก่อนประชุมแล้วจะเมล์ให้ทราบ
มันเกิดจากเหตุ
เหตุเป็นเจตนาที่จะทำให้ดีที่สุดค่ะ
วงการศึกษาเคยฮิตการทำSWOTมาก
แต่ก็น้อยเหลือเกินที่นำมาวิเคราะห์
และใช้ให้เกิดประโยชน์ และอาจเนื่องมาจาก
ปัจจัยทั้งภายนอก และภายใน
ที่ไม่สามารถเดินไปในทิศทางเดียวกัน
หรืออาจเป็นเหตุอื่น ทำให้ได้ข้อมูลบิดเบือน
จุดอ่อนคนไม่นิยมยอมรับ
จุดแข็งบางคนก็ไม่กล้าจะยืนยันว่ามีจริง
โอกาสมีน้อยมากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยบางSWotที่วิเคราะห์ออกมาแล้ว
ไม่ถูกตามวัตถุประสงค์ของผู้ใหญ่
ไม่ตรงเป้าหมายบ้าง หรือไม่ก็ไม่ตอบสนองneed
ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยนค่ะ
พี่SWOT ตัวเองดีอย่างที่เราสามารถนำมาพัฒนาตัวเองได้
แม้มีอุปสรรค์ก็จะเป็นจุดแข็งให้เรามุ่งมั่นต่อไปค่ะ
แวะมาอ่านความรู้...หลายครั้งที่เรา SWOT แต่วัฒนธรรมการรู้คิดของคนไทยเราจะวนไปวนมาและไม่วิเคราะห์จุดด้อยและอุปสรรคของตนเองได้ทันที ซึ่งการพัฒนาตนเองสำคัญอย่างมากพอๆกับการพัฒนาโอกาสจากบริบทรอบตัวเรา
ขอบคุณมากครับครูต้อย
หา ไว้เลย กรรมการที่ปรึกษาในใจครูต้อย สัก 10-12 คน นะคะ ฟุ้ง เครียด คิดสรุปได้ ความคิดยวบลงตกผลึกวิธคิด ความโล่งเกิดขึ้น .ดีใจด้วยน้า
ที่จริงที่ปรึกษาในใจพี่มีเยอะมาก แทบจะทุกคนเลยหละ
รวมทั้งเพื่อนผู้ป่วยเองด้วยค่ะ
แต่ถ้าหากจะให้ขอที่ปรึกษาสำหรับกลุ่มงานจิตอาสา
ก็ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ทางฝ่ายสนับสนุนงบ การบริหารจัดการก็น้องมดไง
ทำอยู่แล้วชำนาญแล้ว ทางcccก็เอาหมดทุกคน
ทางฝ่ายพยาบาลที่เสียสละมาช่วยพัฒนาผู้ป่วยก็น้องโย่ง
เพราะขนาดเราทำวันเสาร์ก็ยังมาร่วม
ทางสังคมสงเคราะห์ที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาแกนนำเบาหวาน
กลุ่มนี้รับผิดชอบอยู่แล้ว
แล้วก็ทางชุมชนที่นำพาจิตอาสาลงฝึกงานก็หมอจอย พี่อี๊ดค่ะ
ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกลุ่มงานผู้ป่วยจิตอาสาหมดเลย...ตรงประเด็นไหมคะ
แต่ละหน่วยเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ป่วยจิตอาสาทั้งสิ้น
ผู้นำแต่ละงานก็ส่งผู้สันทัดกรณีลงมาเป็นที่ปรึกษาได้ทุกคน
หรือจะแบ่งเป็นตอนๆตอนที่ 1 สรรหา ตอนที่สองรับช่วงต่อ จัดอบรมให้ความรู้ทั้งด้าน
สังคม และการดูแลเบาหวานด้วยตนเอง ตอนที่ 3 ดูแลตนเองดีแล้วก็เอาความดีที่ตัวเอง
ทำมาแบ่งปันให้เพื่อนผู้ป่วย ก่อนไปแบ่งปันก็เติมเต็มความรู้ด้านการทำงานจิตอาสาโดย
ให้สังคมสงเคราะห์จัดกิจกรรมพัฒนาให้ เสร็จแล้วก็ส่งไปหาหมอจอยที่ชุมชน ที่นั่นน่า
จะเหมาะกับงานจิตอาสาเพื่อนผู้ป่วย และทำงานได้สะดวกกว่างานในเมองนะคะ
ได้ลงไปสัมผัสงานหมอจอยแล้ว รู้สึกเหนื่อยแทน จิตอาสาที่ลงพื้นที่บอกว่าอยากลง
ไปช่วยมากๆ และเหมือนเขาได้กลับไปทำที่บ้านเขาให้ดี ผู้ป่วยสุขภาพดีคุมเบาหวานได้
ก็ไม่ต้องมารพ.ให้มันแน่นเอี๊ยดเป็นปลากระป๋องอย่างทุกวันนี้ ต่อไปผู้ป่วยอาจขอทุน
สนับสนุนทำกิจกรรมต่างๆเช่นการรวมตัวกันออกกำลังกาย การเรียนรู้การทำอาหารเพื่อ
สุขภาพผูป่วยเบาหวาน และรวมถึงการแลกเปลี่ยนกับผู้ป่วยจิตอาสาจังหวัดอื่นได้ด้วย..
นี่ป็นเพียงความคิดของพี่นะคะ ...และหากเป็นไปได้ ผู้ป่วยเบาหวาน อาจได้รับการ
พัฒนาเรื่องการใช้สื่อไอทีในการพัฒนาความรู้ด้วยตัวเองก็ได้ ประหยัดงบของโรง
พยาบาลด้วย แต่เราจะหาสื่อที่ว่านี้ได้อย่างไร
ก็มีแนวคิดและโครงการในใจที่อยากทำอีกหลายอย่าง อาจต้องไปลิงค์กับหน่วยงานอื่นๆ
ให้ช่วยพัฒนาผู้ป่วยที่สามารถดูแลตนเองได้ดีให้มีศักยภาพสูงขึ้นๆ และลงช่วยเหลือ
เพื่อนผู้ป่วยด้วยกันในเชิงมิตรภาพบำบัดในเบื้องต้นก่อน และอาจรวมถึงมารวมตัวกันทำ
งานเสริมรายได้ จำพวกงานฝีมืออะไรทำนองนี้
..ขอบคุณค่ะ