คิดถึง อ.เชาว์ มากค่ะ
ไม่รู้ว่า อาจารย์จะได้เปิดอ่านหรือเปล่า หนูอยากเป็นครูที่ดีค่ะ แต่ตอนนี้มีปัญหามาก และท้อแท้มาก ความคิดของหนูเป็นอย่างข้างล่างนี้
การเรียนการสอนปัจจุบันที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษาเป็นความผิดของครูทั้งนั้น นั่น เป็นการโยนความผิดกันเห็นๆ ไม่เคยมาเป็นครูอย่างปัจจุบันนี้คงไม่รู้ บังคับครูทุกอย่างเลย ว่าเด็กต้องผ่าน และไม่มีนโยบายไม่ให้เด็กเรียนซ้ำชั้น มองดูก็เป็นนโยบายที่ดี แต่ในความเป็นจริง มีปัญหามากมาย เช่น หากนักเรียนตกก็แสดงว่าครูสอนไม่ดี ทำให้เด็กในปัจจุบันขี้เกียจไม่จำเป็นต้องเรียนก็ผ่านได้ เดี๋ยวมาซ่อมด้วยการทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนก็ผ่านไปได้โดยไม่ยาก ถ้าไม่ให้เด็กผ่านเยอะๆ เดี๋ยว สมศ. จะไม่ให้ผ่าน ไม่ว่าครูจะตั้งใจสอนอย่างไรผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก็ไม่ดีขึ้นมา เป็นครูสอนเด็กมัธยมเมื่อเด็กบวก ลบ คูณและหารไม่ได้ แล้วจะให้เรียคณิตศาสตร์ผ่านได้อย่างไร ขนาดเขียนภาษาไทยยังผิดอยู่เลยแล้วจะให้คิดวิเคราะห์ได้อย่างไร ในขั้นนี้แล้วเด็กต้องนำความรู้ที่เรียนมาใช้ในขั้นสูงขึ้นมา เมื่อไม่มีทักษะในด้านนี้จะทำอย่างไร ก็ไม่อยากเรียนแล้วก็สร้างปํญหาให้กับเพื่อนๆและครู หากครูสอนแล้วเด็กตกก็เป็นว่าครูไม่มีประสิทธิภาพ การประเมินของ สมศ. ก็คงไม่ผ่าน ทางผู้ใหญ่ก็ไม่เข้าใจ ก็อยากถามว่าถ้าคนที่ไม่ได้สัมผัสกับสถานการณ์จริงๆจะเข้าใจได้อย่างไร นั่งในหอบังคับการแล้วออกคำสั่งมา แล้วผลคือให้ครูดำเนินการตามนโยบาย หัวอกครูที่ทำตามคำสั่งโดยไม่สามารถขัดขืนได้ หากลูกศิษย์ไม่มีประสิทธิภาพ ก็เป็นความผิดของครูเต็มๆ ครูที่อยู่มาก่อนก็บอกว่าในเมื่อผู้ใหญ่ต้องการอย่างไรก็จัดให้ไปก็จบ ความรู้สึกแบบนี้รับไม่ได้จริงๆ และงานของครูก็ไม่ได้มีแค่การสอนอย่างเดียว หากมีทางเลือกอื่นคงไม่อยากเป็นครูอีกแล้ว
คุณครูค่ะ อย่าเพิ่งท้อนะค่ะ
หนูเคยเป็นนักเรียนที่เคยดื้อและไม่ตั้งใจเรียน
ทั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณครูเลย ทุกวันนี้หนูต้องขอบคุณคุณครูที่ทำให้พวกหนูมีวันนี้
คุณครูหรือแรงผลักดันหลักที่ทำให้อนาคตของชาติประสบความสำเร็จและสมบูรณ์แบบ
นักเรียนและลูกศิษย์ทุกคนระลึกถึงพระคุณของครูเสมอค่ะ
ขอกราบคุณครูด้วยความเคารพ
อย่าท้อนะค่ะคุณครู
ลูกศิษย์(ขออนุญาตนะค่ะ)
ขอให้มีความสุข
paaoobtong
25/3/52
19:09
สวัสดีค่ะท่าน
ก่อนอื่นแป๋มต้องขอชื่นชมท่านมากๆ ที่ใส่ใจกับความรู้สึกของศิษย์ที่กำลังผจญกับภาวะกดดัน จากผู้บริหาร เพื่อนครู แม้กระทั่งตัวเองที่สับสน จนถึงบทสรุปสุดท้ายที่แป๋มและใครอีกหลายคนไม่อยากจะได้ยิน น่าเสียดายครูที่มีอุดมการณ์แบบนี้ อยากให้มาคุยกับพี่ทางเมลล์ก็ได้นะคะ เพราะบางเรื่องอาจมีผลกระทบกับใครหลายคน ด้วยเราอยู่ในสังคมที่สวมหน้ากาก หลอกกันไปมาอย่างไม่รู้จบ อยากให้กำลังใจ เพราะอย่างน้อยครูแป๋มก็ได้พิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง และ
ยังทำให้ "เด็กห้องท้าย" ได้รับการยอมรับก่อนที่ครูแป๋มจะย้ายไปจากเขาด้วยความจำเป็นค่ะ แต่เด็กเมื่อเราฝึกให้เขามีความหนักแน่นในจิตใจ มั่นใจในสิ่งที่เขาทำว่าถูกต้อง การที่เขามี "ทุนทางสังคม" ต่ำจะเป็นพลังให้เขาไม่ย่อท้อต่อคำครหา ขอเพียงครูอยู่เคียงข้างเมื่อยามเขาอ่อนแอ ให้กำลังใจลุกขึ้นมาสู้ใหม่ เอาบทเรียนนั้นมาสอนใจไม่ให้หลงทาง ปล่อยให้เขาค่อยๆพบอุปสรรคและแก้ไขด้วยตัวเขาเองบ้าง ไม่ช้าค่ะ "เด็กห้องท้าย" จะเป็นดังที่ครูแป๋มได้ชื่นใจ อยากให้คุณครูชื่นใจแบบครูแป๋มบ้างจังเลยค่ะ
อดทนนะคะ เรื่องแบบนี้แม้จะเห็นผลช้า แต่เมื่อสำเร็จแล้ว ความเหนื่อย ความอ่อนล้า รับรองหายเป็นปลิดทิ้งค่ะ ยังไงก็แวะไปที่บล็อก "ครูแป๋ม" บ้างนะคะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันค่ะ ดีใจมากเลยที่มีครูที่เป็นแบบเดียวกันเหลืออยู่ค่ะ
ครูแป๋ม
ขอบพระคุณอาจารย์เชาว์ค่ะ ที่แนะนำมาที่นี่ ได้มารับรู้และมาอ่านข้อคิดที่ดี ตอนนี้ครูอิงเป็นโรคเบื่อเอกสาร เพราะโรงเรียนของครูอิงได้รับการยกย่องจากโรงเรียนรอบข้างว่าเป็นเจ้าแม่เอกสาร แต่ครูอิงคิดว่าเอกสารพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ หรือ คิดเลขเป็น พื้นฐานสำคัญของเด็กประถม ไม่ต้องยัดเยียดอะไรให้มากมาย เอาแค่การอ่านคล่องเขียนคล่อง คิดคำนวณได้ (และปลูกฝังคุณธรรมการเป็นคนดีของสังคมให้เยอะ ๆ) จะได้ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ได้ แต่ก่อนครูอิงเป็นครูมัธยม เคยคิดตำหนิครูประถมว่าสอนเด็กอย่างไร อ่านหนังสือไม่ออก เขียนคำผิดมากกว่าถูก แต่พอมาเป็นครูประถมจึงรู้ซึ้งดี ว่าเพราะอะไร ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าการสอนการเอาใจใส่ของครูก็มีส่วน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหลักสูตร และมาตรฐานต่าง ๆ ที่เอามาวัดกันนี่แหละ ทุกวันนี้ครูใช้เวลากับการนั่งทำเอกสารต่าง ๆ มากกว่าการใช้เวลาสอนเด็กอ่านหนังสือ เพราะต้องสนองนโยบาย และต้องให้ผ่านการประเมินมาตรฐาน ปิดเทอมนี้ครูอิงก็ต้องใช้เวลาในการทำเอกสารพวกนี้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ก็คือขยะดี ๆ นี่เอง เช่นกันค่ะ
หากมีทางเลือกอื่นคงไม่อยากเป็นครูอีกแล้ว แต่ตราบใดที่ยังเป็นครูอยู่ จิตวิญญาณแห่งความเป็นครูมันสูงนัก ก็คงต้องทำงานหนักต่อไป
*อย่าเพิ่งท้อเลยนะคะ...
* ถ้าขาดซึ่งครูดีๆ..แล้วเด็กไทยจะพัฒนาไปอย่างไร...
*สู้..สู้..นะคะ
คุณครูท้อได้แต่อย่าถอย.... อย่างน้อยให้คิดว่าเป็นการทำบุญกับเด็กตาดำๆทำให้เต็มที่เต็มความสามารถ เพื่ออย่างน้อยเราสามารถไหว้ตนเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ
จิตวิญญาณของความเป็นครู
จะแฝงอยู่ด้วยความเมตตาเสมอ
อยากบอกว่านโยบาย แนวปฏิบัติ และความอยากของผู้บริหารชั้นสูง มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากจริง ๆ เพราะอะไร??? คนเราในภาพที่เป็นจริงไม่มีใครทำได้เท่าเทียมกันสักอย่าง อย่าหวังเลยว่านักเรียน ผู้เรียนจะมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกัน ดูแต่พวกเราทำไมไม่เป็นนายแพทย์ ผู้พิพากษา นักกฎหมายชั้นสูง นักร้อง นักแสดงที่มีรายได้เรือนล้าน รายได้ของเราทำไมมากกว่าชาวบ้าน ชาวนา และทำไมต้องน้อยกว่าวิชาชีพอื่น ๆ การทำงานก็หวังผลอะไรไม่ค่อยได้ เพราะวัตถุดิบของเราคือคน คนนี่แหละสำคัญ ความรู้ ความคิด ความประพฤติ การปฏิบัติงานต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน ไยเล่าเราจึงต้องการให้ทุกคนเป็นคนดี คนเด่น คนได้ (สมหวัง) กันเสียทั้งหมด ก็เขาเกิดมาอย่างนั้น ไม่อยากเรียน ไม่อยากเขียน ไม่อยากอ่าน แล้วมาบังคับให้เขาต้องเรียน ต้องเขียน ต้องอ่าน ก็เขาไม่ชอบ จริงไหม ถ้าคนจะดี จะได้ดี คงไม่มีกฎหมายมาบังคับหรอก ไม่มีแม้แต่ตำรวจ ทหาร มาจัดการกับคน(คนที่คิดไม่ถูกต้อง : ขโมย โจร ค้ายาเสพติด ทำร้ายร่างกาย ทำลายสาธารณะ ฯลฯ) เห็นไหมว่าบางครั้งเราก็มีความเห็นคล้อยตามพวกที่ชุมนุมเดินขบวน บางครั้งเราก็เห็นว่าเขาน่าจะทำอย่างอื่นแทน นับประสาอะไรที่เราจะสอน สอน สอน ให้คนเขาได้ให้เขาสำเร็จ มีผลสัมฤทธิ์ที่ดีเป็นที่พึงพอใจ (ทั้งของเรา โรงเรียน สพท.สพฐ.) มันทำไม่ได้หรอก แต่เราต้องสอน สอน ไปเท่าที่ความสามารถที่เรามีอยู่ และสำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบ(สอน) อย่าปล่อยเด็ก(ตลอดระยะเวลาปฏิบัติราชการประจำวัน 08.30-16.30 น.) ส่วนเขาจะได้ เขาจะเรียน เขาจะเล่น เขาจะไม่สนใจ มันเป็นเรื่องของเขา เป็นกรรรมของเขาที่ไม่ต้องการเป็นคนราชการ ไม่ต้องการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต เขาอยากเป็นลูกน้อง อยากรับจ้าง อยากทำงานอิสระ ถ้าเราคิดได้อย่างนี้การสอนจึงมิใช่เรื่องเบื่อหน่าย ครับ??? สำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของท่านที่จะต้องปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่น อุตสาหะพยายาม รับผิดชอบเต็มที่ และเมื่อผลที่เกิดจะไม่เป็นที่พอใจนักก็อย่าท้อถอย นึกถึงเงิน เงิน เงิน ที่ท่านได้รับเป็นค่าจ้างสอนให้ดี มันมาก และมากพอที่จะทำให้เรา ครอบครัว อยู่ได้อย่างมีความสุข ครับ สุดท้ายนี้ใคร่ขอเสนอแนะว่า เราอย่าท้อ ทำไมต้องท้อ ชีวิตคือการต่อสู้ ตัวอย่างที่ดีของชีวิต คือ "ขอทาน" "คนพิการ" เขาจะอดทนมาก มากจริง ๆ แดดร้อน ฝนตก สกปรก ไม่เหมือนเรานะครับ สะอาด ดูดี มีกินมีใช้ น่าจะสบายกว่าเขานะครับ
สวัสดีครับครูดี
สวัสดีค่ะ...
อยากเข้ามาให้กำลังใจคุณครูค่ะ อย่าเพิ่งท้อนะคะ อาจมีบ้างที่เราท้อ แต่ก็ขอให้มันผ่านไป อย่าให้มันเกาะกินใจของเรานานนะคะ
ไม่ว่านโยบายของผู้บริหารจะทำให้เราท้อแท้ หมดหวัง แต่ก็อย่าลืมหน้าที่ของความเป็นครูนะคะ ให้ยึดผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดกับตัวเด็กให้มาก อย่างอื่นก็เป็นเรื่องรองแล้วนะคะ
ให้กำลังใจค่ะ
การเรียนการสอนปัจจุบันที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษาเป็นความผิดของครูทั้งนั้น นั่น เป็นการโยนความผิดกันเห็นๆ ไม่เคยมาเป็นครูอย่างปัจจุบันนี้คงไม่รู้ บังคับครูทุกอย่างเลย ว่าเด็กต้องผ่าน และไม่มีนโยบายไม่ให้เด็กเรียนซ้ำชั้น มองดูก็เป็นนโยบายที่ดี แต่ในความเป็นจริง มีปัญหามากมาย
อ่านแล้วไม่อยากเป็นครูละ
สวัสดีค่ะ
"ผิดเป็นครู"
ในภาวะดมหะภูมิของสังคมปัจจุบันนี้
ครูและการสิกขาเท่านั้นจะเป็นทางออก
..
....
วานนี้ได้เป็นลูกศิษย์ติดตามพระอาจารย์ไปที่รัฐสภา
จึงนำเรื่องราวด้านการศึกษานี้มาฝากครับ
ฝ่าวิกฤติการศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ (33378.59 Kb)
การศึกษาไทยในสังคมโมหะภูมิ เป็นตัวเร่งให้สังคมไทยล่มสลายเร็วขึ้น
เราจะฝ่าวิกฤติเหล่านี้ไปได้อย่างไร หากไม่แก้ที่ต้นเหตุคือการศึกษาของคนในชาติ ?
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเห็นผลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือตามนโยบายด่วนได้ของฝ่ายการเมือง
แต่ต้องใช้เวลาเป็น10ปี เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ให้หลุดพ้นจากภาวะของสังคมโมหะภูมิ และแน่นอนว่า ต้องใช้เลือดใหม่ล้างเลือดเก่า!!
หาก ครูและนักการศึกษา โชคดีที่ได้มีโอกาสฟัง ไฟล์นี้จบ ตลอด 2 ชั่วโมง ท่านจะเห็นว่า ภาพรวมของสังคมเราอยู่ในภาวะโมหะภูมิและวิกฤติเช่นไร?
..........................................................................................................................
พระ ราชาตรัสว่า "..เหตุการณ์ในวันนี้แสดงความจำเป็น นับแต่อุปราช จนถึงคนรักษาช้างรักษาม้า และนับจากคนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้ทางวิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วง แต่ก็ทำลายต้นมะม่วง " ความตอนหนึ่งจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ...........................................................................................................................
ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย คือทางออก ทางรอดของประเทศชาติ ....ที่พระองค์ทรงชี้ทางด้วยปริศนาธรรม ในพระมหาชนก
http://blog.palungjit.com/uploads/d/dhammav/4054.wma
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
แถวบ้าน .. เด็กตก เพราะครูเก่งค่ะ
ดิฉันก็เป็นครูมาได้ 5 ปี ปีนี้รู้สึกท้อแท้มาก งานสอนดิฉันไม่เคยเกี่ยว อยากสอนให้เด็กได้แต่งานอื่น ๆ ของโรงเรียนนี่สิคะ ทำให้ลำบากใจมากเลย ปวดหัวทุกวันเลยค่ะ