...เป็นการแข่งขันกับความข้ีเกียจของตัวเอง ก็เป็นรื่องที่ท้าท้าย เพราะวันอาทิตย์เราตื่นมา เราก็อยากนอน อยากดูทีวี ..มันก็เหมือนการออกกำลังกาย ถ้าเราสร้างวินัยหรืออะไรสิ่งพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่เราจะทำ ก็เลยทำให้ไปอย่างสม่ำเสมอ...
น้องโบว์..นรีกานต์ บางอ้อ เป็นคนพูด เมื่อผมตั้งคำถามว่า เพราะอะไร ถึงมาทำงานเป็นอาสาสมัคร ขณะเรานั่งคุยกันสบายๆในร้านกาแฟสุดเทรนด์กลางซอยอารีย์ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่คอนโดใหม่ๆกำลังผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ด เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
น้องโบว์เป็นวิศวกรที่ทั้งเก่งทั้งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และยังเจียดเวลาวันพักผ่อนสุดสัปดาห์ของตนเอง มาทำงานเป็นจิตอาสา หลังเข้าอบรมในโครงการเผชิญความตายอย่างสงบของเครือข่ายพุทธิกาและเสมสิกขาลัย ในช่วงเวลาที่ต้องการจะเปลี่ยนตนเองจาก..คนสำคัญที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง มาเป็น..คนที่ไร้ตัวตน
ถ้าอยากฟังเสียงใสๆของน้อง ที่พูดถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงมาทำงานเป็นอาสาสมัครในเขตกรุงเทพมหานคร ก็ดูคลิปข้างล่างนี้นะครับ
น้องโบว์เล่าให้ผมฟังถึงความประทับใจ เมื่อได้เข้าไปช่วยเหลือคนไข้ผู้ชายรายหนึ่งที่ใช้ปืนยิงศีรษะตนเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย และต้องนอนเป็นอัมพาตทั้งตัว แสดงออกได้แต่สีหน้าเท่านั้น โดยมีภรรยาสาวคอยดูแลอย่างใกลชิด ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆทั้งของคนไข้ ภรรยา รวมไปถึงครอบครัวของภรรยาคนไข้ คือ สิ่งที่น้องโบว์สัมผัสได้
น้องโบว์เข้าไปช่วยเหลือครอบครัวนี้อย่างไร
การรับฟัง คือ ทักษะที่น้องโบว์ใช้ ลองฟังประสบการณ์เรื่องนี้จากปากของน้องเขาในคลิปข้างล่างนะครับ
การรับฟัง ทำให้น้องโบว์ได้ยินประโยคสำคัญจากคุณแม่ของภรรยาคนไข้รายนี้ ซึ่งทั้งๆที่ต้องเจ็บปวดแทนบุตรสาวของตนเอง เมื่อชีวิตครอบครัวต้้องเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง คุณแม่พูดว่า "เขาเป็นลูกเขยของฉัน เขาก็เหมือนลูกชายฉัน"
น้องโบว์บอกผมว่า การได้รับฟังประโยคสั้นๆจากปากของคุณแม่ประโยคนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
การมีโอกาสได้พูดคุยกับน้องโบว์ในวันนั้น ก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่าของผมเช่นกัน
เป็นความรู้สึกร่วม ที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ของครอบครัว
..
ชื่นชม …กิจกรรมจิตอาสา นะครับคุณหมอเต็มศักดิ์ครับ
และขอปรบมือให้กับ คุณนรีกานต์ บางอ้อ ครับ