นาลันทา นักรบในเปลวเพลิง


We fight with Peace for Peace

.

 ประวัติการพลีชีพในพระพุทธสาสนา นั้นไม่ได้ไปพลีชีพเพื่อทำร้ายใครเลย แต่เป็นการตั้งสัจจะในการบำเพ็ญเพียรหรือทำความดีอย่างใดอันหนึ่งเท่านั้น เพราะพระพุทธศาสนาที่แท้จริงนั้นไม่ใช้ความรุนแรงทุกประเภท ปฏิเสธการทำสงคราม ส่วนใหญ่จะหนีสงคราม นิสัยเก่าของชาวพุทธก็ยังติดมาจนถึงปัจจุบัน ภายในสามปี ประชากรชาวพุทธในสามจังหวัดภาคใต้ของไทย จาก สามแสนคน ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง เก้าหมื่นคนเท่านั้น วัดก็ร้างไปหลายวัดแล้ว  

มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของพวกเติร์กสมัยที่บุกเข้านาลันทา ว่าพวกเติร์กคิดว่านาลันทาเป็นป้อมปราการแห่งหนึ่ง ทหารเติร์กพังประตูเข้าไปโดยปราศจากการต่อต้านใดๆ ภายในมีนักรบหัวโล้นห่มผ้าสีเหลือง นักรบในป้อมเหล่านั้น นั่งสงบนิ่งกันเป็นกลุ่มๆ ครั้นทหารเอาดาบฟันหัวขาดกระเด็นไปทีละคน นักรบเหล่านั้นก็มิได้มีความเกรงกลัว ก็พากันนั่งสงบให้ทหารตัดหัวไปทีละคน จนหมดสิ้นไป  

มินฮัช (Minhaj) นักประวัติศาสตร์ มุสลิมได้เล่าถึง โมฮัมเม็ด บุขเตียร์ (Mohammed Bukhtiar) ทำลายเมืองๆหนึ่ง ในแคว้นพิหารตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งวิชาการ ของพระพุทธศาสนา แห่งหนึ่ง เมืองนี้ก็คือนาลันทา นั่นเอง.

ข้อมูลบางแหล่งว่า พวกมุสลิมซึ่งมีแม่ทัพชื่อ บักตยาร์ ขิลจิ พร้อมทหาร 200 คน บุกเข้ามาฆ่าพระสงฆ์ องค์แล้วองค์เล่า แต่พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้น ก็ยังคงนั่งกันเฉย ไม่ลุกหนี  ไม่ต่อสู้.บางท่านเล่าถึง การบุกโจมตีนาลันทาว่า 

ป้อมปราการที่นี่ ช่างน่าแปลก นักรบทุกคน ล้วนแต่นุ่งห่มสีเหลือง โกนหัวโล้น ไม่มีอาวุธในมือ นั่งกันอยู่เป็นแถวๆ เมื่อเราบุกเข้าไปถึง ก็ไม่ลุกหนี ไม่ต่อสู้ เมื่อเราเอามีดฟันคอขาด คนแล้วคนเล่า ก็ยังนั่งกันอยู่เฉยๆ ไม่ร้องขอชีวิต ไม่โอดครวญ

ตารนาถกล่าวว่า มุสลิมได้สร้างความพินาศ ย่อยยับ ให้แก่นาลันทา, โดยฆ่าพระภิกษุ อย่างเหี้ยมเกรียม บุกรุกทำลาย จุดไฟเผา จนนาลันทา กลายสภาพ เป็นเถ้าถ่านไป ในที่สุด.พวกมุสลิม ยังได้เผาทำลาย ตำรับตำราต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนา ในมหาวิทยาลัยนาลันทา จนหมดสิ้น.

กล่าวกันว่า เผาตำรับตำราอยู่ถึง 3 เดือน จึงได้เผาหมด. นอกจากนี้มุสลิม ยังเอาไฟคอกพระภิกษุ โดยหวังจะให้ตายให้หมด แต่ก็ยังมี พระส่วนน้อยที่หนีไปได้ โดยหนีเข้าไปอยู่ ในธิเบตบ้าง เนปาลบ้าง.เมื่อได้ฆ่าและเผาแล้ว พวกมุสลิม ยังได้ขนเอาทรัพย์สมบัติ อันมหาศาลไปด้วย. มุสลิมนั้น หวังจะทำลาย พระพุทธศาสนา ให้หมดสิ้น ไปจากอินเดีย.

Protect the Monastery of Nalanda

.

Nalanada University Ruins, Nalanda, India

แต่ของทางมหายานเช่นจีนหรือญี่ปุ่น นี่แปลกออกไปเลย อย่างวัดเส้าหลินเนื่องจากพระโดนนักบวชลัทธิเต๋ารังแก ท่านตั๊กม้อ จึงฝึกศิลปะวรยุทธ์ให้ป้องกันตัว แต่กาลเวลาผ่านไปกลายเป็นพระนักรบไปเสีย บางครั้งจักรพรรดิ์ในราชวงศ์ต่างๆก็เข้ามาขอความช่วยเหลือหรือใช้วัดเส้าหลินเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองและการทหาร วัดก็กลายเป็นโรงฝึกกังฟู ฝึกทหาร แทนการศึกษาพระธรรม ในปัจจุบันกลายเป็นโรงถ่ายหนัง กับ สถานที่ขายของระลึกให้กับนักท่องเที่ยวแทน พระภิกษุกับวัดก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ญี่ปุ่นเองก็ใช่ย่อย ในประวัติศาสตร์ พระญี่ปุ่นก็เกี่ยวข้องกับการทหารมากๆ ถึงกับช่วยทหารรบในสงครามเลยทีเดียว เนื่องจากชนชั้นทางสังคมในญี่ปุ่นที่นิยมนับถือพระพุทธศาสนามากที่สุดคือ ชนชั้นซามูไร ส่วนพวกขุนนางและพระราชวงศ์นั้นเขาถือลัทธิชินโต ส่วนชาวบ้านนั้นก็ชินโตผสมกับพุทธเห็นอะไรดีก็ไหว้ เพราะ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้มากพอที่จะศึกษาพระพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่อ ชนชั้นซามูไร ซึ่งเป็นพวกนักรบ นิยมชมชอบ และสนับสนุนพระพุทธศาสนามาก จนเกิดวิธีการแบบที่เรียกว่า ฆ่าคนด้วยจิตว่าง ซึ่งเป็นการหาทางออกแบบน้ำขุ่นๆของพวกซามูไรที่นับถือพระพุทธศาสนา เนื่องจากซามูไรเป็นอาชีพฆ่าคน ทีนี้พอนับถือพุทธแล้วประกอบอาชีพไม่ได้ ก็เลยต้องหาข้อแก้ตัวในลักษณะดังกล่าว เกิดการฆ่าชนิดที่เรียกว่า ฆ่าด้วยจิตว่าง แต่จริงๆคือการฆ่าคนแบบไร้น้ำจิตน้ำใจมากกว่า ก็เห็นชัดเจนว่า พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นนั้นเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยโชกุนโตกุกาว่า แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติล้มล้างระบบโชกุน โดยฝ่ายนิยมจักรพรรดิ ทำให้เกิดสมัยเมจิ ความสำคัญของพระพุทธศาสนาก็ค่อยๆลดทอนลง ความสำคัญของชินโตก็โดดเด่นมากขึ้น

Peace Warrior

We fight with Peace for Peace

Tank: So what do you need? Besides a miracle.
Neo: Guns. Lots of guns.

  • หากปาฎิหาริย์เกิดขึ้นบ่อยๆ เราจะเรียก "ปาฎิหาริย์" นี้ว่าอะไร?
  • Guns. Lots of guns...............

Many people today say that they especially like Buddhism because of its emphasis on peace. They understand it as expressed by teachers like Dalai Lama or Thich Nhat Hanh. Does a Buddhist teacher have to be a pacifist?

  • At first, you  is a guns ...... by teache your self.
  • Please Iron Curtain our world peace. 
  • Keeping Buddhism Alive,

คำสำคัญ (Tags): #nalunda#peace#นาลันทา
หมายเลขบันทึก: 93320เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2007 06:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 12:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • มุสลิมทุกคนไม่ได้เป็นแบบนั้น
  • ซามูไรทุกคนไม่ได้เป็นแบบนั้น

เพราะพวกเขาไม่เข้าใจแกนของ ศาสนาตนเอง หรือ หลัก Budo มากกว่ารึเปล่าถึงเป็นแบบนั้น ???

ก็เหมือนที่คนไทยพุทธมีหลายแบบนั่นเอง  

ิิแมนว่าไง 

 

"ชั่ว" ทำให้รู้ว่าอะไร "ดี"

"ความว่าง" ทำให้รู้ว่า "ความมี"เป็นอย่างไร

"กลางคืน" ทำให้เรารู้ว่า "กลางวัน" น่าอยู่แค่ไหน

"สิ่งที่เรามองเห็น" ไม่ใช่ตัวตนของ "สิ่งทั้งหมด"

การฆ่า ต้องเป็นผู้มีจิตใจเหี้ยมโหดจึงทำได้ บุคคลพวกนี้ไม่ผ่านการชำระจิตด้วยการบำเพ็ญทางจิต หากแต่ฝากจิตวิญญาณไว้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตน สมมุติว่าเป็นสิ่งสูงสุดของตนเอง คอยช่วยตนเอง สิ่งที่กระทำจึงไม่ไตร่ตรองด้วยสติปัญญาว่าถูกหรือผิด ซาตานชั่วร้ายเข้าสิงสู่จึงทำได้ทุกอย่าง

กรรมจะส่งผลให้มันไม่เจริญ ไร้การศึกษา และจะถูกกระทำอย่างที่ทำกับคนอื่นเช่นกัน

หากเขา"รู้"เขาคงไม่ทำ

 เรากับเขาก็คงไม่ต่างกันนัก ที่สามารถหลงผิดเพราะความไม่รู้ ได้ทุกเมื่อ โปรดอโหสิกรรมให้ผู้ที่หลงผิดด้วยครับ

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

  • สมัยนี้กรรมติดจรวดค่ะ
  • ขอบพระคุณที่เผยแพร่บทความสุดรันทดใจ

ผมศึกษาประวัติศาสตร์และยังไม่เห็นด้วยว่าเป็นฝีมือชาวมุสลิม ถ้าคุณมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ซักนิดคุณจะพิจารณาสิ่งเหล่านี้ออก แม่ทัพ บุกนาลันทา ชื่อ ภัขติยาร์ ขิลจี ดูยังไงก็ไม่ใช่ชาวเติร์กมุสลิม แต่คือพวก มองโกล ซึ่งถูกเรียกว่าคนเถื่อน ซึ่งขนาดสมัยนั้น จักรพรรดิ ฉินซีฮ่องเต้(จีน) ยังต้องสร้างกำแพงป้องกันคนพวกนี้เลย มองโกลในสมัยนั้น พอๆกับ ประเทศอเมริกาในยุคนี้เลย คุณนึกหรอว่าแค่มหาวิทยาลัยนาลันทาเท่านั้น ที่โดนบุก?? มองโกล บุก ทั้งเปอร์เซีย แบกแดด(อิรัก) รัสเซีย โปแลนด์อินเดีย อียิปต์ ญี่ปุ่น ฯลฯ และจีน

และชาวมุสลิมก็ถูกตัดคอไปก่อเป็นปีระมิด ในสงครามเปอร์เซีย-มองโกล (คศ.1260-1264) ทหารมองโกล 50000 นาย ต้องฆ่ามุสลิมอย่างน้อยให้ได้ 4 คน ไม่ใช่แค่ชาวพุทธเท่านั้นที่ถูกตัดคอ มุสลิมก็ยังโดนเลย ภายหลังเมื่อ คนเถื่อนพวกนี้ เข้ามารับศาสนาอิสลาม

นักประวัติศาสตร์ที่มีอคติต่อมุสลิม อยากลดเครดิตและ พยายาม สร้างความเกลียดชัง ระหว่างชาวมุสลิมกับชาวพุทธ เลยยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนาใส่ลงไป ว่าเป็นฝีมือชาวมุสลิมที่กระทำซี่งมันไม่จริง

ถ้าคุณอ่านประวัติศาสตร์สักนิดคุณก็จะรู้เอง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบยุคสมัยดูก็จะรู้

สงครามเปอร์เซีย-มองโกล เริ่ม ค.ศ. 1260 (พ.ศ.1803) ในช่วงนั้นชาวมองโกลยังไม่ได้รับศาสนาอิสลามยังคงสู้รบกับประเทศมุสลิมอยู่

การล่มสลายของมหาวิทยาลัยนาลันทา คศ. 1199 (พ.ศ.1742) ชาวมองโกลบุกมารุกรานรบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือ และสังหารพระสงฆ์


เห็นความแตกต่างไหมครับ?? แล้วคุณมาอ้างได้ไงว่าคือฝีมือชาวมุสลิม เมื่อยุคนั้น ชาวมองโกล หรือคนเถือนยัง ไม่ได้เข้ารับศาสนาอิสลาม และ ถ้าบอกเป็นชาวเตริก ชาวเตริกก็คงไม่ว่างไปรุกรานที่อื่นหรอกครับเพราะประเทศแทบนั้นกำลังโดนบุกอยู่ และชื่อแม่ทัพกบ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นพวกมองโกล

ศาสนาอิสลามก็ไม่มีกฏในศาสนาที่ต้องไปรุกรานผู้อื่น แต่ถ้าผู้อื่นมารุกรานก่อนอันนี้อีกเรื่องครับ ก่อนจะว่าอะไรกัน กลับไปดู ประวัติศาสตร์หน่อยนะครับ พยายามอย่ามองด้านเดียวครับ มองกว้างๆครับ

ฝากด้วยครับ

ผมเชื่อว่าเป็นมุสลิม

โมฮัมเม็ด บุขเตียร์ (Mohammed Bukhtiar) ผู้บันทึกชื่อก็เป็นมุสลิม เรื่องพ.ศ.ขอพิสูจน์กันทีหลัง

คนมุสลิมก็พยายามแก้ข้อหาความป่าเถื่อนแต่ก็แก้ไม่หลุด

มินฮัช (Minhaj) นักประวัติศาสตร์ มุสลิม..เป็นผู้บันทึกก็น่าจะจบได้เพราะ มินฮัช อยุ่ใกล้เหตุการณ์มากกว่า

ถ้าผมเป็นชาวพุทธจะเขียนบันทึกว่า บิน ลาเดนเป็นคนทำลายตึกเวิรลด์เทรดจะมีความน่าเชื่อถือกว่า ใครสักคนที่เป็นมุสลิมเขียนในปีพ.ศ.๓๓๐๐

ผมคิดอย่างนี้แหละน่าจะเป็นเหตุผลมากกว่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท