ภาพหัวเราะร่วมกัน...ในหน้าที่
"บ่มเพาะต้นกล้าแห่งอนาคต"
อันเป็นต้นกล้าที่เราเชื่อว่า...เราจะสามารถนำพาได้และเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้
ต้นไม้เหล่านี้...ในสังคมมองว่าไร้ค่าและไร้ประโยชน์ แต่สำหรับเรา "ต้นไม้" เหล่านี้
ทำให้เราได้ยิ้ม หัวเราะ และสัมผัสได้ถึงใจอัน "บริสุทธิ์"
วิถีการงาน: ที่ปรึกษาศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดวัดป่าหนองไคร้
______________________________________________________________________________________________
ข้าพเจ้ามักถูกถามและบอกกล่าวเสมอว่า "มาทำภารกิจนี้ทำไม"...
มีผู้ปรารถนาดีหลายคนบอกต่อข้าพเจ้าว่า "อย่าได้มาทำหรือมาช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้เลย ไม่เกิดประโยชน์ หรือเกิดประโยชน์ก็เกิดน้อยมาก ..." และมีมากมายที่เป็นคำบอกกล่าว...
แต่หกเจ็ดเดือนที่ผ่านมา...ข้าพเจ้าก็ยังคงย่างก้าว และวิ่งเข้าออกระหว่างที่นี่กับวิถีการงานอื่น ถามว่า "ทำ...ทำไม"
ข้าพเจ้าได้แต่ตอบตนเองว่า "ก็ได้รู้ ได้ทราบ และได้สัมผัสพบเจอแล้ว จะละทิ้งไปได้อย่างไร มันมีบางอย่างที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เราจะก้าวเดินผ่านไปได้อย่างไรกัน" ... ในใจของข้าพเจ้าก็ได้แต่ตะโกนออกมาดังดังว่า "เธอว่ายน้ำพอเป็น พอได้ และเธอกำลังเห็นคนจมน้ำ เธอจะก้าวเดินผ่านไปให้เขาจมน้ำต่อหน้าต่อตาเธอได้อย่างไร"...
ก็เหมือนกัน... เรามองเห็นโอกาสที่เราพอจะเติมเต็มในส่วนที่เป็นความหวังว่า พวกเขาเหล่านี้จะก้าวผ่านชีวิตที่ติดยาได้อย่างไรบ้าง เราเห็นโอกาสแล้วเราไม่หยิบยื่นหรือแบ่งปันโอกาส แล้วการเกิดมาของเราครั้งนี้จะมีค่าได้อย่างไรกัน...
ข้าพเจ้าชอบเปรียบเปรยการทำงานเหมือนดั่งการบ่มเพาะ บำรุง รักษา และการปลูกต้นไม้...
สำหรับเด็กติดยาเสพติด แม้ว่า...อาจดูเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีนัก...เมล็ดพันธุ์ดังกล่าวอาจเกิดและเจริญเติบโตได้แบบไม่ดีมากนัก มันก็น่าจะดีกว่าที่เราไม่ทำอะไรเลยมิใช่เหรอ...
เอาล่ะ...
ณ วันนี้แม้เด็กก้าวเดินออกไป อาจกลับไปเสพซ้ำ แต่นั่นน่ะในช่วงชีวิตสองเดือนที่อยู่ที่ศูนย์ฯแห่งนี้...ก็เป็นช่วงระยะเวลาของการได้ทำสิ่งที่เป็นกุศลกรรม ผ่านการทำกิจกรรมที่ดีที่งดงาม ใจได้สัมผัสพลังแห่งด้านดี ก็อย่างน้อยในช่วงชีวิตก็มีช่วงสองเดือนที่ได้รับโอกาสที่ดี แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ดีกว่าการไม่ได้รับไม่ใช่เหรอ...
วันนี้ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...สำหรับเด็กหนึ่งรายกับห้วงเวลาหกสิบวัน อันเป็นห้วงเวลาที่ข้าพเจ้าได้ร่วมแบ่งปันโอกาสที่ดี...ดีกว่าที่ไม่ได้ร่วมเลย
...ยายธีช่วยเป็นแรงใจ..การบ่มเพาะต้นกล้าให้เป็นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา..แห่งอนาคตที่สดใสและเจิดแจ่ม..ออกจากเงามืดในจิตใจ..ให้สดใสดังไม้รับน้ำฝนอันชุ่มฉ่ำ...เชิญชวนเด็กเหล่านั้นมาภาวนาเป็นเพื่อนต้นไม้..เพื่อนที่จะไม่เคยทรยศกับใครแม้ว่าเขาเหล่านั้นก็ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเยี่ยงมนูษย์เช่นกัน...แถมการต่อสู้นั้นไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นอาวุธ..นอกจากตัวเอง.....สวัสดียายธีคะ
เด็กหนึ่งคน...
กระโดดเข้าหาการเสพติด ==> ใจเขาทุกข์ ครอบครัวเขาทุกข์ สังคมเขาทุกข์...ประเทศชาติเขาทุกข์ ...จากการที่เขากระโดดเข้าหาเสพติด
เด็กหนึ่งคน...
ละการกระโดดเข้าหาการเสพติด ==> ใจเขาไม่ถูกบีบคั้น ครอบครัวเขาไม่ถูกบีบคั้น สังคมเขาไม่ถูกบีบคั้น ประเทศชาติเขาไม่ถูกบีบคั้น...จากที่เขาละออกจากยาเสพติด
มันคือ ความเกี่ยวเนื่องกันของสรรพสิ่งต่างๆ...ที่เราไม่ละเลยหรือปฏิเสธได้ว่า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา"...
ขอบพระคุณคุณยายธี...อย่างยิ่งเลยค่ะ
ความเห็นของยายธีมีคุณค่าและมีความหมายต่อกะปุ๋มมาก เพราะ...แม้แต่แม่ชีที่วัดยังขอเข้ามาคุยกับกะปุ๋ม และบอกให้กะปุ๋มเลิกทำงานนี้ เธอบอกว่าเสียดายความมีเมตตาที่เรามีเราน่าจะไปช่วยคนที่มีประโยชน์มากกว่านี้
เด็กเหล่านี้ถูกมองว่าเป็น "ขยะ"... แล้วหากเราไม่ช่วยกันจัดการกับขยะเหล่านี้ มันก็ย่อมจะพอกพูน
และการจัดการกับขยะเหล่านี้เหล่าต้องจัดการในเชิงสร้างสรรค์ด้วย...
อ่านบันทึกนี้ซ้ำ ๆ ทำให้หนูนึกถึงการปลูกข้าวค่ะพี่ปุ๋ม
เหมือนกับชาวนาได้หว่านเมล็ดข้าวเพื่อเป็น "ต้นกล้า" ไว้
แล้วก็เลือกที่จะถอนบางต้นไปดำในนา
แม้ต้นกล้าทุกต้นจะไม่ได้ให้ผลิตผล คือ รวงข้าว หรือ เมล็ดข้าว
แต่ก็ยังมีต้นกล้าอีกตั้งมากมายในผืนนา
ที่พร้อมจะให้รวงข้าวมากมายจนเต็ม ยุ้งฉาง
ที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์ข้าว ดี ดี ที่เก็บเกี่ยวได้
ยังสามารถใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวที่จะเพาะปลูกในปีถัด ๆ ไปได้
สู้ ๆ นะคะ หนูเป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ
ร่วมเป็นกำลังใจให้อาจารย์KaPoomในการเพาะปลูกต้นกล้า แม้พันธุ์ไม่ดี แต่การเลี้ยงดูเอาใจช่วยได้ระดับหนึ่งค่ะ
กลับมาอีกรอบเจ้าค่ะ อ่านความคิดเห็นนี้ของพี่ปุ๋ม
ไม่ว่าต้นใดใด...สำหรับเราแล้ว คือ...ความมีคุณค่า
หรือแม้แต่วัชพืชเอง...เราก็ไม่อาจฆ่าได้ เราได้แต่ปล่อยให้แตกดับไปตามธรรมชาติ เมื่อเขายังอยู่หรือดับไป เราก็สามารถนำเขามาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ได้
ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นเป็นผู้ให้ค่าต่อสรรพสิ่งนั้นเช่นไร...
แล้วทำให้ติ๋วนึกขึ้นได้อีกอย่างค่ะว่า
“แม้ว่าต้นกล้าจะไม่ได้ให้รวงข้าว แต่เขาก็สังเคราะห์แสงกำจัดเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นออกซิเจน ขณะที่มองทำให้ใจสบายรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเห็นผืนนาที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี
ขณะเดียวกัน สิ่งที่จัดเป็นวัชพืช ในผืนนา หรือ ในที่ต่าง ๆ เขาก็เป็นสมุนไพรได้
อย่างที่ท่านชีวกโกมารภัทร ท่านบอกว่า พืชทุกชนิดเป็นยา
แสดงว่า อยู่ที่เรา นั้น จะสามารถเห็นประโยชน์ของสิ่งตรงหน้าหรือไม่
โอ้ “ทุกสิ่งมี คุณค่าในตัวของมันเองอย่างที่พี่ปุ๋มว่าจริง ๆ ค่ะ”
อืม..ทุกอย่างมีคุณค่าเสมอ