มาทำความรู้จักกับ "ลำโพง" กันสักหน่อย


ลำโพงมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่า "มะเขือบ้า" เนื่องจากมีฤทธิ์ในการหลอนประสาท

                    ในการบรรยายเรื่องเภสัชวิทยาของสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์     มีผู้เข้ารับการอบรมสนใจอยากรู้จัก “ลำโพง”  ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินแต่ชื่อ   แต่ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร   เลยขอนำมาเขียนให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้กันค่ะ     ชื่อ “ ลำโพง ”   อาจฟังดูจะไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก   แต่เชื่อว่าถ้าเอ่ยถึงยา Mixture  Stramonium  Co. ซึ่งใช้เป็นยาระงับอาการหอบหืด    หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นเก่าคงเคยได้ยินมาบ้าง     ยานี้มีส่วนผสมสำคัญเป็นสารสกัดที่ได้มาจากต้นลำโพงพันธุ์หนึ่งที่มีชื่อว่า Datura stramonium (รูปที่1)      นอกจากลำโพงพันธุ์นี้แล้ว  ยังมีลำโพงอีกหลายชนิดที่อยากให้ทำความรู้จักเอาไว้     เนื่องจากลำโพงเป็นพืชพิษที่พบขึ้นได้ทั่วไป

    
 
                                                            

รูปที่ 1   Datura Stramonium
                 

                      ลำโพง   มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thorn Apple  เป็นพืชล้มลุกมีพิษชนิดหนึ่งจำพวกมะเขือ   อยู่ในวงศ์  Solanaceae        ลำต้นเมื่อโตเต็มที่ มีขนาดความสูงประมาณ 1 – 2 เมตร   ใบเป็นใบเดี่ยว   เรียงสลับ รูปไข่ กว้าง 8-15 ซม.  ยาว 10-20 ซม.  ขอบใบหยักเป็นซี่ฟันหยาบ  ฐานใบมักไม่เสมอกัน ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ  กลีบเลี้ยงสีเขียวติดกันเป็นหลอดยาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวดอก     กลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายบานออกเป็นรูปแตร          ผลลำโพงบางชนิดมีขนคล้ายหนามรอบๆ ผล  (รูปที่ 2)   บางชนิดเห็นเป็นปุ่มๆ รอบผล   เมื่อแก่เต็มที่   จะแตกออกมองเห็นเป็นกระเปาะราว 4 กระเปาะ ภายในจะมีเมล็ดสีน้ำตาลอมส้มหรือสีเทาดำ ประมาณ 50 - 100 เมล็ด  มีลักษณะคล้ายเมล็ดมะเขือเปาะ   (รูปที่ 3)
 


รูปที่ 2    ผลลำโพงชนิดมีหนามแหลมรอบผล

 

รูปที่ 3      เมล็ดลำโพง หรือเมล็ดมะเขือบ้า

 

รูปที่ 4  ลำโพงขาว 

 

รูปที่ 5    ลำโพงกาสลัก

 

                ลำโพงเป็นพืชที่ขึ้นได้ทั่วไป ทั้งในพื้นที่แถบที่มีอากาศร้อน ร้อนชื้น เช่น ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และประเทศที่มีอากาศหนาว เช่น ในยุโรป สหรัฐอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเซีย และในทวีปออสเตรเลีย เป็นต้น    ยกเว้นในแถบพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมากหรือทางแถบขั้วโลก    ในประเทศไทย  พบขึ้นได้ทั่วไปในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น ตาก นครสวรรค์ และภาคกลาง เช่น ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และกาญจนบุรี เป็นต้น       ลำโพงที่พบบ่อยในประเทศไทย (ดูรูปที่ 4 และ 5)   ได้แก่   ลำโพงขาว   (ชื่ออื่นว่า มะเขือบ้า)   มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Datura alba Nees    มีกิ่งก้านลำต้นและใบสีเขียว  กลีบดอกสีขาวชั้นเดียว  ผลกลมสีเขียว     อีกชนิดหนึ่ง คือลำโพงกาสลัก   (ชื่ออื่นว่า กาสลัก มะเขือบ้าดอกดำ)   มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Datura fastuosa Linn.    มีกิ่งก้านลำต้นสีม่วงปนเขียวถึงสีม่วงเข้ม  ใบสีเขียวเข้ม   กลีบดอกสีม่วง 2-3 ชั้น ผลรูปรี          นอกจากนี้มีผู้เคยพบเห็นลำโพงอีกชนิดหนึ่ง ขึ้นที่บริเวณดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ Datura stramonium    ลำโพงชนิดนี้พบได้ทั่วไปในโลก เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น   และมีชื่อเรียกมากมาย ได้แก่  Jimson weed, Angel’s trumpet, Jamestown Weed, Apple-of-Peru, Devil’s apple, Mad Apple และ Stinkweed     
                    ลำโพงมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อของระบบทางเดินอาหาร  หลอดลม และระบบทางเดินปัสสาวะ   จึงใช้แก้อาการปวดท้องเกร็ง  และใช้ขยายหลอดลมแก้อาการตีบตัวของหลอดลมในโรคหอบหืดได้       เดิมคนสมัยก่อน  ใช้ลำโพงเป็นยาสมุนไพร   ได้แก่  ใบสดใช้ตำพอกฝี  แก้ปวดบวมอักเสบ     เมล็ดนำมาตำให้ละเอียด และแช่ในน้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา เมื่อครบ 7 วัน นำมากรองได้น้ำมันซึ่งใช้ทาแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเคล็ดขัดยอกได้ดี    ดอกตากแห้ง ใช้ผสมยาเส้นสูบ แก้หอบหืด     
                    ทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก  ผลของลำโพง  มีคุณสมบัติเป็นพิษทั้งสิ้น  เช่น ลำโพงที่มีชื่อว่า Datura stramonium  มีอัลคาลอยด์ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดรวมกันประมาณ 0.7 %   ได้แก่  hyoscyamine, hyoscine (scopolamine), atropine และ belladonine        อัลคาลอยด์ต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน  เมื่อบริโภคเข้าไป  สามารถทำให้เกิดอาการที่เป็นพิษขึ้นได้      เมล็ดลำโพงมีพิษสูงมาก  เมล็ดลำโพง 10 เมล็ดจะมีปริมาณของ atropine 1 มิลลิกรัม    
                  อาการแสดงที่เกิดจากพิษลำโพงปรกติจะมีอาการภายในเวลา 30 - 60 นาที หลังจากกินเมล็ดลำโพง หรือส่วนต่าง ๆ ของลำโพง และอาการจะดำเนินต่อไปอีก 2 - 3 วัน เนื่องจากสารอัลคาลอยด์ (alkaloid) ในลำโพงจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ในระบบทางเดินอาหาร อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยคือ ปากคอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำด้วยความยากลำบาก ต่อมาสายตาพร่ามัว ระบบประสาทกลางถูกกระตุ้น มีอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข ต่อมาเกิดอาการเพ้อคลั่ง มีอาการประสาทหลอน เพ้อ เห็นสิ่งประหลาดต่าง ๆ นานาอย่างน่าสะพรึงกลัว เช่น เห็นแมลงจำนวนมากมายอยู่บนผนัง หรือเห็นปลาฉลามกำลังไล่ล่ามนุษย์อย่างน่ากลัว หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปรกติ ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ผิดปรกติในระหว่างเกิดอาการ และอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
                   สำหรับการรักษาอาการพิษที่เกิดจากลำโพงมีดังนี้  
• ควบคุมทางเดินการหายใจและการหายใจ ช่วยลดการดูดซึมสารพิษโดยให้ activated charcoal ล้างท้อง และตามด้วยการสวนถ่ายท้อง (saline catharsis) 
• ลดการออกฤทธิ์ของ atropine และสารอื่นที่มีฤทธิ์ต่อระบบระสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย โดยให้ physostigmine salicylate ทางเส้นเลือด 1 mg ใน 5 ml saline ในเด็กใช้ขนาดลดลง ให้มากกว่า 2 นาทีขึ้นไป ควบคุม ECG ให้ยาไม่เกิน 2 mg ในเด็ก และในผู้ใหญ่ไม่เกิน 6 mg ภายใน 30 นาที (การใช้ bradycardia convulsion or severe bronchoconstriction ก็ให้ฉีดatropine 1 mg ทันที) 
• แก้อาการทั่วไป ถ้ามีไข้ลดอุณหภูมิโดยใช้ผ้าเช็ด ให้ dexamethasone 1 mg/kg ทางเส้นเลือดช้าๆ ควบคุมการชักโดย paraldehyde (การใช้ diazepam จะเป็นอันตราย) ให้ fluids โดยทางดื่มหรือให้ทางเส้นเลือดเพื่อเพิ่มปัสสาวะถ้าคนไข้ปัสสาวะไม่ออก ต้องสวนเพื่อไม่ให้กระเพาะปัสสาวะแตก
                   ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีรายงานเกี่ยวกับการได้รับพิษจากกินลำโพงค่อนข้างบ่อย เนื่องจากพืชชนิดนี้มีแพร่กระจายอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศ เช่น บริเวณไร่นา เขตใกล้ภูเขา พื้นที่ลุ่มทั่วไป บริเวณที่รกร้าง ข้างกองขยะที่ทับถมด้วยสิ่งปฏิกูล ริมถนน เด็ก ๆ มักได้รับพิษโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น นำดอกลำโพงหยิบใส่ปากและเคี้ยวเล่น หรือดูดเล่นตรงบริเวณเกสรของดอกลำโพงเข้าปาก ส่วนวัยรุ่นมักได้รับพิษจากการกินเมล็ดลำโพงที่ผสมกับน้ำหรือเครื่องดื่ม หรือได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ทดลองกิน หรือผสมสารเสพติดชนิดอื่น ๆ เช่น กัญชา (marijuana) และ โคเคน (cocaine) เป็นต้น
                  สำหรับในประเทศไทย เคยมีรายงานทางการแพทย์พบคนงาน 6 คน กินขนมจีนน้ำยาเจือปนด้วยส่วนประกอบของลำโพง   มีอาการ มึนศีรษะ ตาพร่า ใจสั่น ปากคอแห้ง กระหายน้ำ ปวดปัสสาวะแต่ถ่ายไม่ออก      เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีรายงานข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีสามเณร 8 รูป เข้ารับการรักษาด้วยอาการถูกพิษเพราะนำผลแห้งของมะเขือบ้า 5 ผลมาต้มแล้วใส่น้ำตาลและน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยดื่ม    อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ มึนงง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ประสาทหลอน พูดคุยไม่รู้เรื่อง บางรายพูดคนเดียว ผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข และวิ่งไปวิ่งมา บางรายคลื่นไส้อาเจียน   
                  ลำโพงเป็นพืชมีพิษจำพวกมะเขือที่มีอัลคาลอยด์หลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางยาได้หลายอย่าง เช่น ขยายหลอดลม  ระงับอาการปวดท้องเกร็ง  ฯลฯ     ลำโพงมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่า “มะเขือบ้า” เนื่องจากมีฤทธิ์ในการหลอนประสาท   อาจมีผู้นำไปเสพโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และก่อให้เกิดอันตรายจากผลข้างเคียงของลำโพงได้        มาถึงตอนนี้  คงจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้เรื่องพิษของลำโพงพอสมควร   หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างต่อผู้อ่านนะคะ


เอกสารอ้างอิง :
1. http://www.geocities.com/toxicol2001/thornapple.html
2. http://www.herbs2000.com/herbs/herbs_thornapple.htm
3. http://www.rspg.thaigov.net//plants_data/use/toxic_50.htm

คำสำคัญ (Tags): #ลำโพง
หมายเลขบันทึก: 102958เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2007 10:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ชอบมากคะดอกลำโพง ขึ้นตามไหล่เขายิ่งสวย เห็นต้นลำโพงออกดอกเหมือนได้เห็นอดีตชาติที่แล้ว เหมือนมันคุ้นเคยมาก่อน รักและชอบต้นไม้ทุกชนิดแต่ชอบมาก คือต้นลำโพง เมื่อแย้มดอกเต็มต้น

หุๆ เจอแล้ว คนที่รับพิษจากลำโพง..

เพ้อมากๆๆ pupit dilate เกือบเซ็นต์เลยทีเดียว..

ฉันก็กลัวว่าจะกินเข้าไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท