7เคล็ด (ไม่) ลับความสำเร็จในการเรียน PhD
By Hugh Kearns&Maria Gardiner, Staff Development and Training Unit, Flinders University
วันก่อนได้รับหนังสือเล็ก ๆ เล่มนี้มาจากเพื่อนที่เรียน PhD ด้วยกันที่ University of Queensland ค่ะ เนื้อหาน่าสนใจมากค่ะ เอาไว้เตือนใจตนได้ค่ะ เคล็ดลับเรียน PhD แนวนี้ดูจะเหมาะกับคนที่เรียนลักษณะหลักสูตรแบบวิจัยอย่างเดียวโดยไม่มี coursework เช่นที่ ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรืออังกฤษ แต่การเรียนในลักษณะอื่นก็เอามาปรับได้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดค่ะ
7 เคล็ดลับที่เขาว่าไว้มีดังนี้ค่ะ
1. หมั่นคอยดูแลและรักษาความสัมพันธ์กับอาจารย์ที่ปรึกษาไว้ให้มั่น Care and maintenance of your supervisor
เขาว่ากันว่าคน ๆ คนนี้หรือคนกลุ่มนี้ละค่ะ ที่สำคัญกับเรามาก เขาเน้นย้ำว่าให้พบปะอย่างสม่ำเสมอเพื่อพุดคุย ซักถาม ถกเถียง ต่อรอง และกำหนดเป้าหมายทั้งในด้านเวลาและเนื้อหาด้วยกันค่ะ
2. เขียนและนำเสนอ ณ ขณะที่กำลังก้าวไป Write and show as you go
เขาบอกว่างานนี้เป็นเรื่องการ “show and tell not hide and seek” ค่ะ อ่านแล้วจำและเข้าใจ แล้วรีบจดก่อนที่จะลืมค่ะ และนำเสนอเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ดีกว่า
3. ตระหนักรู้ความจริงว่า...นี่ไม่ใช่งานเพื่อชิงรางวัลโนเบล Be realistic: It's not a Nobel Prize
เขาบอกว่าให้เลิกกังวลค่ะว่างานเราจะออกมาดีพอหรือไม่ เพราะเราเรียน PhD เพื่อที่เป็นหนทางไปสู่การเป็น PhD ถ้ารู้ดีอยู่แล้วว่าต้องทำยังไงก็คงไม่ต้องมาเรียนค่ะ
4. ต้อง “ไม่” วอกแวกต่อสิ่งยั่วยวนกวนสมาธิใด ๆ Say no to distractions
เขาว่าอย่าให้กิจกรรมสนุกสนานหรือกิจกรรมที่คิดว่าควรทำอื่น ๆ มามีความสำคัญเหนืองาน PhD หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ต้องหาเวลาชดใช้คืนด้วยนะคะ
5. PhD คืองานประจำ It's a job: That means working nine to five but you get holidays
นั่นหมายถึงว่าเราต้องมีเวลาเข้างานและเวลาเลิกงานค่ะ แม้ว่าจะไม่ใช่เข้า 8.30 น.และเลิก 16.30 น. เหมือนงานราชการหรืองานออฟฟิศ แต่เราก็ต้องกำหนดเวลาที่แน่นอนว่าจะทำวันละกี่ชั่วโมงแล้วพยายามรักษากติกาของตนเองค่ะ และอย่าลืมเซ็ตเวลาให้สำหรับวันหยุดและวันพักผ่อนยาวเพื่อเติมพลังให้กับตัวเองด้วยนะคะ
6. อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ Get help: You are not the owner-operator single person business
งาน PhD ไม่ใช่งานของเราคนเดียวค่ะ แต่เป็นส่วนงานของอาจารย์ที่ปรึกษา คณะหรือภาควิชาที่เราเรียน และส่วนอื่น ๆ อีกหลากหลายส่วนค่ะ การขอความช่วยเหลือหรือขอคำแนะนำเป็นเรื่องที่ควรทำและจำเป็นต้องทำค่ะ
7. คุณทำได้! You can do it: A PhD is 90% persistence and 10% intelligence
องค์ประกอบ 90% ของการเรียน PhD คือ ความเพียรและมุมานะ ขณะที่เหลืออีก 10% คือ สติปัญญาค่ะ
เล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คนน่ะค่ะ เล่าไปก็คิดถึงตัวเองไปค่ะ ว่านอกจากจะทำไม่ได้ตามนี้อยู่หลาย ๆ ข้อแล้ว ตอนนี้ก็กำลังทำลายเคล็ดลับข้อ 4 อยู่ค่ะ เพราะวอกแวกมาเข้า go2know อยู่บ่อย ๆ ค่ะ
ความเห็น (13)
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเคล็ดลับดี ๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
ด้วยความยินดีค่ะ คุณมุทิตา
ชายชัย อาจินสมาจาร
การเรียนปริญญาเอกให้ได้ปริญญาเอกไม่ใช่เรื่องยาก คุรต้องเอาใจอาจารย์ให้มาก ๆ โง่หริอฉลาดไม่เกี่ยว ผมอยู่ปัตตานีครับ
แวะมารับเคล็ดลับดีดีนะคะ..ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมค่ะ น่าสนใจมากๆเลย
สวัสดีค่ะ คุณชายชัย
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ และยินดีที่ทราบว่าอยู่ปัตตานี สบายดีนะคะ
การเอาใจอาจารย์แล้วได้ปริญญาเอก ก็อาจจริงในบางสถาบันนะคะ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด แม้ว่าการจะจบได้คงไม่ใช่แค่เรื่องโง่หรือฉลาดอย่างเดียว ในทางกลับกัน เอาใจอาจารย์อย่างเดียวโดยไม่ใช้ความสามารถ ความรู้ในสาขาวิชา และความพยายามก็คงไปไม่ถึงฝันเช่นกันค่ะ :-)
ขอบคุณที่สนใจและมาเยี่ยมชมค่ะ
คุณ 
add
ขอบคุณนะคะที่มาทักทายและเยี่ยมเยียน
สำคัญทุกข้อเลย
โดยเฉพาะข้อ 5 สำคัญมากสำหรับผมตอนนี้ he he ขี้เกียจอย่างแรง
:)
ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนนะครับ
ไม่รู้ยังมีใครมาอ่านหรือเปล่า
สวัสดีครับ ผมกำลังจะเรียน phd อยู่เหมือนกันครับ แต่เป็นในประเทศนะครับ(อยู่แถวๆสยามน่ะครับ) ไม่ใช่ต่างประเทศเพราะไม่มีปัญญาหาค่าเรียน และไม่มีปัญญาคว้าทุนด้วยครับ เพราะไม่ใช่คนเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เกรดห่วยมาตั้งแต่เด็ก
แต่ตอนนี้ยังสองจิตสองใจอยู่เลยครับว่าจะเรียนดีไหม จะลงทะเบียนในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ถ้าจ่ายค่าเทอมไปแล้วก็คงจะถอยไม่ได้แล้ว ใจจริงอยากเรียนมากๆ แต่กลัวว่าถ้าทำงานประจำไปด้วย เรียนๆไปด้วยเราจะไหวไหม ผมเลือกเรียนสาขาที่ "ชอบ" แต่อาจไม่ใช่สาขาวิชาที่ "ใช่ " เพราะคงไม่มีประโยชน์กับงานที่ทำอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่มีแอบๆหวังว่าถ้าจบมาอาจได้ทำงานที่ทั้ง ชอบและใช่ ได้เหมือนกัน
ไม่ทราบว่ามีใครเรียนเอกโดยที่ไม่ได้เป็นอาจารย์บ้างไหมครับ แล้วเรียนไปแล้วมีโอกาสทางด้านการงานมากน้อยแค่ไหน ลองแชร์ให้ฟังบ้างสิครับ ขอบคุณมากครับ
"องค์ประกอบ 90% ของการเรียน PhD คือ ความเพียรและมุมานะ ขณะที่เหลืออีก 10% คือ สติปัญญาค่ะ"
ดีครับสำหรับการเรียนป.เอก เห็นด้วย 100 % ครับ
ศูนย์วิทยบริการกรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยนเรศวร
เปิดรับนิสิตใหม่ประจำปีการศึกษา 2553
55 ชั้น 8 อาคาร Wave Place ถ.วิทยุ - เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
อาคารเชื่อม BTS สถานีเพลินจิต
เริ่มจำหน่ายใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553
วันเปิดภาคเรียน มิถุนายน 2553
1. ปริญญาเอก หลักสูตรไทย และ English Program
* D.B.A. บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ Doctor of Business Administration (Business Administration)
* Ph.D. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว Doctor of Philosophy (Hotel and Tourism Management)
2. ปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ (Dual-degree program) ร่วมกับ Southern Cross University ออสเตรเลีย รับปริญญาจาก 2 สถาบัน**
* Master of International Tourism and Hotel Management
3. ปริญญาโท หลักสูตร English Program ทุกวิชาสอนเป็นภาษาอังกฤษ
* Master of Business Administration (Marketing Communication)
4. ปริญญาโท หลักสูตรไทย
* ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว
* บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ
* บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสารการตลาด
* การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
* รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานโบายสาธาราณะ
* วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพลังงานทดแทน
5. ปริญญาโท หลักสูตรความร่วมมือทางวิชาการ เรียน 1ปี
* รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานโบายสาธาราณะ
โครงการความ ร่วมมือทางวิชาการระหว่างม.นเรศวรกับสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง
6. ปริญญาตรี หลักสูตรไทย เทียบโอนรายวิชาจากประสบการณ์ เรียน 2ปี
* บริหารธุรกิจ สาขาวิชาการท่องเที่ยว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-655-3700-3
Website: www.nubkk.nu.ac.th
Facebook: http://www.facebook.com/nubkklive
E-mail / MSN: [email protected]
สั่งซื้อใบสมัคร Online ได้ที่ http://www.nubkk.nu.ac.th/regisonline.php
มีทุนการศึกษา อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nubkk.nu.ac.th/gif.php
- สวัสดีค่ะ
- แวะมาเป็นกำลังใจคนทำงานด้วยสายฝนเย็น ๆ ค่ะ
