กษียณอายุ : สัจธรรม และ สุขอย่างมีสติ


กษียณอายุ เกษียณได้ แต่ไม่มีใครเกษียณชีวิต

เกษียณอายุ  :  สัจธรรม และ สุขอย่างมีสติ

 

                      ช่วงเวลาใกล้เกษียณอายุราชการ หรือการทำงานในองค์กรต่างๆ ในเดือนตุลาคมที่จะมาถึงนี้ ทุกหน่วยงานก็เคลื่อนไหวตระเตรียมเพื่อเลี้ยงส่งอำลา แสดงมุทิตาจิตกันคึกคัก  อาจเรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลพักผ่อนของคนอายุครบ ๖๐ ปี    (ทั่วประเทศมีจำนวนเท่าไรไม่ทราบ เข้าใจว่าน่าจะมากทีเดียว)  เพราะต่อนี้ไปจะเริ่มต้นนับหนึ่งของคนวัยชราอย่างสมบูรณ์

 

                           อาจมีผู้เกษียณจำนวนหนึ่งที่ได้ต่ออายุราชการ หรือทำงานต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยก็อาจจะ ๕ ๑๐ ปี  และมีอีกจำนวนไม่น้อยของคนอายุครบ ๖๐ ปี ที่ไม่มีเวลาเกษียณ ต้องทำงานต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นลม นี่เป็นธรรมดาของชีวิตคนที่ย่อมมีความแตกต่างกันในวิถีชีวิต

   

                           สำหรับองค์กรที่มีผู้กำลังจะเกษียณอายุก็ถือเป็นประเพณีที่จะต้องแสดงความอาลัยแด่ผู้ที่จะเกษียณการทำงานเพื่อออกไปใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา เพราะเหตุว่าได้เคยทำงานร่วมกัน สัมพันธ์กันมายาวนาน  ท่านอยู่เราก็รัก  ท่านจากเราก็อาลัย  เราจึงได้จัดงานแสดงมุทิตาจิต ยินดีที่ท่านจะได้พักผ่อนร่างกายที่ตรากตรำทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเสียที  แต่ก็ไม่วายอาลัยรักเป็นธรรมดา  งานแสดงมุทิตาจิตแด่ท่านผู้เกษียณนี้ ยังเป็นวาระดีที่จะได้กล่าวขอบคุณ และแสดงความกตัญญูแด่ท่านเหล่านั้น ที่ได้บุกเบิก ได้เดินทางฝ่าฟันสรรค์สร้าง วางแนวทางปฏิบัติการงานจนองค์กรมีความมั่นคงสืบเนื่องมาได้จนปัจจุบัน  งานแสดงมุทิตาจิตหรืองานเลี้ยงผู้เกษียณอายุจึงถือเป็นงานสำคัญอีกงานหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร   มีคำกล่าวติดตลกว่า การจัดงานเลี้ยงผู้เกษียณอายุการทำงานนั้น แสดงออกค่อนข้างลำบาก  ดีใจเกินไปก็ไม่ดีเดี๋ยวหาว่าเลี้ยงขับไล่  จะโศกอาลัยเสียใจนักก็ไม่เหมาะเพราะไม่ได้จากไปลับ  เอาเป็นว่าแสดงออกแต่พอสมควรก็แล้วกัน

 

                            การจัดงานเลี้ยงอำลา อาลัยผู้เกษียณอายุในหลายๆ องค์กร ดูจะจัดกันอย่างเอิกเกริกและแทบทุกวันตลอดเดือนตุลาคม ความจริงเริ่มเลี้ยงตั้งแต่กันยายนแล้ว  เพราะเลี้ยงกันหลายระดับ เช่นในมหาวิทยาลัย เลี้ยงตั้งแต่ในนามมหาวิทยาลัย  คณะวิชาเลี้ยง  ภาควิชาเลี้ยง สาขาวิชาเลี้ยง ส่วนตัวก็เลี้ยง เรียกว่ากินเลี้ยงจนเบื่อกันไปข้าง  ผู้กำลังเกษียณเองก็ต้องมีภาระที่จะต้องจัดการภารกิจของตน  เช่น การสะสางกิจการงานที่คั่งค้าง  เก็บสัมภาระต่างๆ คืนทรัพย์สินของหลวง ย้ายออกจากบ้านหลวง สะสางบัญชีหนี้สิน  การเตรียมข้อมูลให้หน่วยงาน ถ่ายรูปทำหนังสือ เขียนคำอำลา เตรียมพูดอำลา  ไปทัศนศึกษาต่างประเทศตามที่องค์กรจัดให้เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความดี  หรืออื่นๆ อีกมากมาย เดินสายไปทางโน้นทางนี้ บางทีพาลล้มป่วยเอาง่ายๆ ก็มี

 

                            เสร็จฤดูกาลงานเกษียณแล้ว ผู้ชราเต็มขั้นก็ดูจะว่าง เหงาไปไม่น้อย บางคนยังไม่เคยชินก็มักจะแวะเวียนมาที่ทำงานเดิมอยู่บ่อยๆ ความสำคัญดูจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ แต่บางคนก็รู้สึกโล่งสบายมีความสุข ไม่เหงาหงอย  นี่ก็เป็นธรรมดาของชีวิต  อยู่ที่ว่า  ใครมีสติเตรียมพร้อมไว้มากน้อยเพียงใด

 

                            สัจธรรม เมื่อใกล้เกษียณ  คืออะไร?

                   ชีวิตล่วงไปตามกาลเวลา  วัยชราย่อมมาถึงเสมอ

                   เมื่อเข้าสู่วัยชรา สังขารเสื่อม  โรคาพยาธิ ย่อมเข้าเบียดเบียนได้ง่าย

                   การเตรียมพร้อมคือความไม่ประมาทในชีวิต ผู้ไม่ประมาท ย่อมเป็นสุข

                           

                              มีสติ ย่อมมีสุข?

                   มีสติ ว่า  บัดนี้สังขารร่วงโรย ไม่แข็งแกร่งอย่างคนหนุ่มสาว

                   มีสติ ว่า  คลื่นลูกใหม่ไล่หลัง   คลื่นลูกเก่า ย่อมกระทบฝั่งเสมอ

                   มีสติ ว่า  การใดควรละวาง  กาลใดควรละวาง

                   มีสติ ว่า  สุขไหนยั่งยืน สุขใดชั่วคราว

                   มีสติ ว่า  เกษียณอายุ เกษียณได้  แต่ไม่มีใครเกษียณชีวิต

 

                              นี่เป็นเรื่องที่ควรได้คิด ได้ตระหนัก วัยทำงานไม่ได้หยุดยั้งเมื่อถึงเกษียณอายุ หากยังทำงานต่อเนื่องไปได้ ถ้ามีสติและไม่ประมาท ครับ

 

                             สุดท้ายตามธรรมเนียมครับ ผมก็ขอแสดงมุทิตาจิตแก่ผู้เกษียณอายุราชการของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ในปี ๒๕๕๑ นี้ จำนวน ๑๙ ท่าน ด้วยการมอบกลอนอำลา อาลัยไว้เป็นเกียรติแด่ท่านทั้งหลายนั้นครับ

 

 

เรือชนะคลื่น ๕๑

 

อำลาด้วยหัวใจ  อาลัยด้วยความรัก

 

          เมื่อเริ่มต้น เดินทาง วางจุดหมาย         ก็หวังถึง เบื้องปลาย จุดประสงค์

 

ระยะทาง ระหว่างนั้น อาจเวียนวน                  อาจสับสน ยอกย้อน ก่อนปลายทาง

 

 

มีกี่คน ทนกาย ที่ตรำตราก                          กี่ลำบาก กี่ท้อ กี่หมองหมาง

 

กี่ภาระ แบกรับ ไม่จับวาง                            กี่สรรค์สร้าง กี่ครั้ง ยังสู้เดิน

 

 

ราชการ งานสร้าง ทางศึกษา                       คือคุณค่า ผู้คน สรรเสริญ

 

เกียรติยศ ศักดิ์ศรี มิอาจเมิน                        ต้องเทิดเทิน รักษาไว้ ให้กับตน

 

 

ระยะทาง ย่อมพิสูจน์ ฝีเท้าม้า                      กาลเวลา ย่อมพิสูจน์ เบื้องปลายผล

 

ทุ่มทำงาน เกือบครึ่งหนึ่ง ชีวิตตน                 สำเร็จพ้น ภาระนั้น ในวันนี้

 

 

ขอชูเชิด เทิดเกียรติ แห่งคนกล้า                   สิบเก้าท่าน สู้มา สมศักดิ์ศรี

 

เปรียบดั่งเรือ ชนะคลื่น ผืนวารี                      เราทุกคน ขอสดุดี  พี่ทุกคน

 

สิบเก้าท่าน คนดี ศรีราชภัฏ                         ได้ชี้ชัด อุดมการณ์  ผลิดอกผล

 

เรือสู้คลื่น ชนะคลื่น แห่งสายชล                    ณ บัดนี้ ถึงฝั่งดล  ดังตั้งใจ

 

ขออัญเชิญ พระไตรรัตน์ บุญญฤทธิ์                เทพสถิต จอมภพ ที่ยิ่งใหญ่

สิ่งศักดิ์สิทธิ์  โปรดช่วย อำนวยชัย                 สุขภาพ พลานามัย สมบูรณ์ดี

 

 

เจริญทรัพย์ เจริญลาภ เจริญยศ                      เจริญเกียรติ ปรากฏ เจริญศรี

 

ฉวีผ่อง พิลาสล้ำ  รุ่งมณี                              เจริญชนม์ นานปี ทุกคนเทอญ 

                                                                      

 

 

                                                           กรเพชร  เพชรรุ่ง : ประพันธ์

                                                                                          

 

      

                         

หมายเลขบันทึก: 204586เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2008 13:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • พบคนเกษียณอายุ
  • หลายท่านยังน่ารัก
  • และทำงานได้ดีมากๆๆ
  • จนเราอายครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์พี่

จบเทพสตรีเหมือนกันค่ะ แต่เป็น ส.20 วิชาเอกภาษาไทย คงเป็นรุ่นน้องอาจารย์หนึ่งปี ขอชื่นชมอาจารย์ที่แต่งกลอนได้ไพเราะและมีความหมายดีมาก เป็นคนรักงานเขียนเช่นกันค่ะ...ขอชื่นชมค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์

  • ครูอ้อย มาอ่านคำประพันธ์ แสนไพเราะ
  • เกษียณอายุราชการ  ของบางท่าน  คือที่รวมของมุทิตาจิต  ให้อภัย  หรืออาจจะแผ่เมตตา ก็ได้
  • วันข้างหน้า ก็จะมาถึงเรา ดังนั้น  วันนี้  ทำดีให้มากๆๆ  ฝากไว้ก่อน ใช่ไหมคะ

ขอบพระคุณค่ะ  รักษาสุขภาพค่ะ

  • แวะมาให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังจะเกษียณอายุนะคะ
  • แต่ละท่านทำประโยชน์ไว้ให้คนรุ่นหลังมากมาย
  • ถึงเวลาที่จะพักผ่อนและส่งต่อภาระหน้าที่ให้คนรุ่นหลังต่อไปแล้วค่ะ

คนที่บ้านผมก็ไม่มีวันเกษียณงานบ้านครับ น่ารักที่สุด

สมัยนั้นผมได้เคยพบคุณวรางค์ภรณ์บ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ แต่เทพสตรีนั้นผมยังประทับใจไม่รู้ลืมครับ ผมคงจะเข้าไปขอชื่นชมผลงานของคุณวรางค์ภรณ์บ่อยๆ ครับ

ขอบคุณครูอ้อยครับ รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันนะครับ

คุณnaree suwan เห็นนักกีฬาวิ่งผลัดไหมครับ การส่งไม้ก็คือการมอบภาระให้คนรุ่นต่อไปได้วิ่งต่อ แต่การวิ่งผลัดเกษียณอายุนั้น ไม่มีวันจบสิ้น คนเราวิ่งตามระยะทางของแต่ละคนที่กำหนดไว้เมื่อครบ ๖๐ ปี แต่เรายังคงมีแรงเฉื่อยวิ่งตามได้อีกระยะหนึ่ง จนกว่าเราจะหยุดวิ่งครับ ขอบคุณครับที่ยังไม่ลืมกัน

ชอบมากค่ะ ได้อ่านสิ่งที่ท่านผู้รู้ลึกซึ้งเป็นผู้เขียน ทำให้มีความรู้เพิ่ม ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

ขออนุญาตนำคำกลอนไปใช้ในงานมุทิตาจิตนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท