อ๋อย
พิไลลักษณ์ อ๋อย ศรีประดิษฐ์

เจ็ดโมงเช้าวันอังคาร


เค้าเสียชีวิตแล้วหรือยัง

วันอังคาร ที่ 29ก.ย.52 ภรรยาของคุณสิทธิ์โทรมาตอนเจ็ดโมงเช้าบอกว่าพี่อ๋อย สิทธิ์เสียแล้วนะ พี่อ๋อยช่วยหาคนมาฉีดศพให้หน่อย เดี๋ยวพี่โทรตามให้นะ อีกซักพักคนเดิมโทรกลับมา

"พี่อ๋อยช่วยเข้ามาดูที่บ้านหน่อยได้มั้ย หนูไม่แน่ใจว่าเค้าเสียชีวิตแล้วหรือยัง"

"งั้นมารับพี่ได้รึเปล่า พี่ไม่มีมอเตอร์ไซค์"

บ้านนี้ รถยนต์เข้าไม่ได้ ไปเยี่ยมทุกครั้งต้องโดยสารมอเตอร์ไซค์คนโน้น คนนี้เข้าไป แถมด้วยสุนัขจอมโหด มันไม่เหา กัดเลย(เข้าตำราสุนัขเหาไม่กัด)

ตกลงต้องเข้าไปเองถนนแฉะดินเหนียวติดล้อรถ คนขับพาไปบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย(กลัวรถพัง) เสื้อผ้าเลอะเทอะ

พอไปถึงผู้ป่วยกลายเป็นศพไปแล้วคาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะผู้ป่วยรู้ว่าติดเชื้อมานานซัก6ปีเห็นจะได้ ภรรยาตั้งครรภ์แล้วตรวจพบทั้งคู่ ภรรยาได้รับข้อมูลว่ายังไม่ต้องรักษาจนกว่าจะมีอาการ ทั้งสองเชื่อฟังเป็นอย่างดีผนวกกับไม่รู้ว่าจะไปรักษาที่ไหน จนเมื่อ3 ปีที่แล้วภรรยาเริ่มมีอาการแพ้อากาศ เป็นหวัดบ่อย ๆพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินนัดให้มาพบดิฉัน ครั้งแรกที่มาพบดิฉันเขามาพร้อมกันทั้งสองคน เริ่มเจาะCD4 ผลการตรวจต่ำกว่า 50 copies/minทั้งสามีและภรรยา เตรียมความพร้อมก่อนกินยาและได้เริ่มยาด้วยกัน

14 วัน นัดมาติดตามอาการและรับยาต่อเนื่องภรรยามาคนเดียวและแจ้งว่าสามีไม่ได้กินยา เพราะเลิกดื่มสุราไม่ได้ หลังจากภรรยาได้รับยาต้านไวรัสและดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม ภรรยาก็สุภาพดีขึ้นแต่ตรงกันข้ามกับสามีที่แย่ลงมาก ที่สำคัญหลบหน้าหลบตา มาเจออีกครั้งเป็นวัณโรคปอดไปเรียบร้อยเริ่มยาต้านวัณโรค อาการสาหัสทำให้หยุดดื่มสุราได้ชั่วคราว อาการเริ่มดีขึ้นเริ่มยาต้านไวรัส ไปเยี่ยมบ้านติดตามอาการปรากฎว่าบริเวณที่นอนมีสิ่งของดังนี้ถุงยาต้านไวรัสเอดส์ อีกถุงนึงเป็นยาต้านวัณโรค และมีขวดสุราวางอยู่ข้าง ๆ ประหนึ่งว่ากินยา แกล้มเหล้า ไม่ช้าไม่นานผู้ป่วยมีค่าSGPT สูง 400และAlkalineสูง700 แนะนำไปหลายครั้งแล้วว่าตับจะทำงานหนักมากขึ้น แค่จัดการกับยาก็มากเกินพออยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ยอมadmit ญาติต้องจ้างให้นอนโรงพยาบาลพอได้เงินค่าจ้างก็หนีออกจากโรงพยาบาล เดินโซซัดโซเซกลับไปหาสุราดื่ม

ภรรยาไม่รู้จะทำยังไง กลัวว่าถ้าวันหนึ่งสามีเสียชีวิตตัวเองจะเดือดร้อนเพราะเป็นครูอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ถ้าผู้ปกครองเด็กรู้เข้าคงต้องโดนไล่ออก เคยคุยกับสามีหลายครั้งแต่สามีไม่สนใจประเด็นนี้เลย ที่สำคัญตอนนี้ภรรยากำลังเรียนต่อปริญญาตรีเพื่อจะได้มีวุฒิในการทำงานและสร้างความมั่นคงในอาชีพ ถ้าข่าวการติดเชื้อเอชไอวีรู้ถึงหูชาวบ้านคงเรียนไม่จบแล้วก็ตกงานด้วย

สุดท้ายสิทธิ์ก็เสียชีวิตจริงๆ สภาพของเค้าแย่มาก  ถ้าเขาตั้งใจรักษาโศกนาฏกรรมครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น มาติดตามกันต่อว่าภรรยาของเขาจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่ โชคดีอยู่อย่างนึงคือลูกของเขาสุขภาพแข็งแรงและไม่ติดเชื้อ

 

หมายเลขบันทึก: 303734เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2009 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะคุณอ๋อย อ่านแล้วเห็นใจภรรยามากเลยนะคะ ขอส่งกำลังใจ ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงทั้งแม่-ลูก สังคมเข้าใจนะคะ เคยดูแลคนดื้อติดสุรา จึงเข้าใจภรรยาเค้ามากค่ะ

ขอบคุณคะคุณสุวรรณา ที่เข้ามาส่งกำลังใจให้ผู้ป่วย นี่ล่ะคะชีวิต คนจากไปแล้วก็ขอให้ไปพบกับสิ่งที่ดี คนอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป คงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนี้คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำความดีได้ ยิ่งได้ทำความดีกับคนที่เรารักและรักเรา คงจะดีไม่น้อยทีเดียว

สวัสดีค่ะคุณอ๋อย ดิฉันขออนุญาตเข้าใจความรู้สึกของที่พี่เขาต้องพบก่อนหน้านี้และหลังจากนี้ ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน ความกังวล ความห่วงใย และความรัก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ วินาทีหลังจากนี้ที่พี่เขาจะต้องพบ เพราะสังคม ชุมชน ยังยอมรับและเข้าใจผู้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ไม่มาก แต่อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ลูก กำลังใจน้อยๆแต่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยังอยู่กับพี่เขาตลอดไป

สู้ๆๆๆๆค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท