กูต้องการให้ศาสนา “ของกู” เป็นศาสนาประจำชาติ!!!


พระอาจารย์พุทธทาส สอนว่า ไอ้ตัวกูของกูนี่มันเป็นทุกข์ขนาดแท้เชียวนะ...สาธุ
ที่จังหวัดปัตตานี

 ผมต้องเผชิญกับความหวาดกลัวซ้ำแล้วซ้ำอีกจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มันเป็นความหดหู่เหลือเกินที่เราต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนว่าวันพรุ่งนี้ และอนาคตเราจะเป็นอย่างไร แม้ผมจะไม่ได้อาศัยอยู่ในถิ่นที่อันตรายมากนักเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต้องขึ้นรถแต่เช้าไปสอนหนังสือในโรงเรียนต่างอำเภอของจังหวัดปัตตานี

แต่การอาศัยอยู่ในม.อ.ปัตตานีก็ใช่ว่าจะไม่ออกไปไหนมาไหนกันเลย เพราะแต่ละวันเราก็ต้องกินต้องอยู่ต้องติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น ความเป็นความตายมันอยู่ใกล้กันเหลือเกิน เมื่อ 3-4 วันก่อน ประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องพัก ก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดเหมือนจะอยู่ใกล้ๆ รุ่งเช้านักศึกษาเล่าให้ฟังว่ามีเหตุกราดยิงประชาชนขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารที่โรงเรียนเทศบาล 5 จังหวัดปัตตานี คนรู้จักหลายคนที่ผมรู้จักก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย วันนั้นมีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บอีก 4 คน เขาว่าหนึ่งในนั้นเป็นนักศึกษาด้วย แต่บาดเจ็บไม่สาหัสนัก รุ่งเช้าก็ออกจากโรงพยาบาลได้
ทุกครั้งที่มีคนบอกว่า คนโน้นคนนี้เสียชีวิตจากการก่อความไม่สงบ ผมอาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะดูมันจะไกลตัวอยู่สักหน่อย และที่สำคัญมันเกิดเหตุทุกวันจนหัวใจผมมันชินชาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เมื่อเกิดเหตุยิงครูเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา วันเดียวถึง 3 คน ในจำนวนนี้เป็นญาติพี่น้องกับบุคคลากรในม.อ.ปัตตานีด้วย ถึง 2 คน ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าความตายมันเหมือนจะคืบคลานเข้ามาอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ทำอะไรมันก็ท้อไปหมด ไม่อยากจะทำให้อะไรให้เหนื่อยอีก เพราะดูมันเหมือนจะไม่มีหวังที่จะทำให้สถานการณ์มันสงบลงได้ แต่ลึกๆ ก็ยังเชื่อว่ามันพรุ่งนี้สันติภาพจะกลับคืนมายัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เหตุการณ์ร้ายที่ผ่านมา เราก็คงจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วว่า ขบวนการของผู้ก่อความไม่สงบใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ความแตกต่าง ที่เปราะบางขาดสะบั้นออกจากกัน เพื่อนำไปสู่สงครามทางเชื้อชาติ ศาสนา ความแตกต่างนี้หากจะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการดำรงอยู่ของสังคมมนุษย์มันก็เหมือนจะเกื้อกูลกันได้ดีอย่างมหาศาล แต่ความแตกต่างก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้เหมือนกัน ดังที่ประวัติศาสตร์โลกเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ข้ออ้างที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่นำสร้างความชอบธรรมให้แก่การก่อการร้าย (ซึ่งไม่สามารถทำใจยอมรับการกระทำดังกล่าวได้) คือ การแบ่งแยกตัวเองออกจากสังคมส่วนใหญ่ พร้อมชูการเป็นแผ่นดินปตานี ที่เป็นมลายูอิสลาม และกักขังตัวเองอยู่แค่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ผมรู้ว่าแม้คนพวกนี้มีไม่มาก แต่มันก็ทำให้คนดีไม่กล้าแสดงตัวที่จะปกป้องเพื่อนร่วมชุมชน
มันเป็นพายุฝนห่าใหญ่ที่ไม่รู้มันจะหยุดตกเมื่อไหร่ เฮ้อ!!!
ที่อาคารรัฐสภา

วันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา กลุ่มองค์กรชาวพุทธพากัน “คว่ำบาตร” จำลองขนาดใหญ่หน้าอาคารรัฐสภา พร้อมกันแสดงกริยาอาการโกรธกริ้ว ร้อนทั้งผ้าเหลืองผ้าขาว ด่าทอกันสารพัด หลังจากทราบว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ไม่บรรจุคำว่า “ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณากันอยู่ในขณะนี้ กลุ่มองค์กรชาวพุทธยังบอกว่า จะรณรงค์ให้ประชาชน “คว่ำบาตร” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในการลงประชามติที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
จริงๆ ผมติตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรชาวพุทธมาตลอดตั้งแต่เริ่มมีการรณรงค์กดดันให้มีการบรรจุคำว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มีการใช้ “อหิงสา” หลายรูปแบบ ทั้งให้แต่ละวัดทั่วประเทศติดป้ายสนับสนุน การเดินเท้าเข้ากรุง การอดอาหาร การนอนในโลง

  

อาการมันเหมือนกลุ่มคลั่งศาสนายังไงก็ไม่รู้ หรือไม่ใช่การคลั่งศาสนา แต่อาจเป็น “การยึดมั่นถือมั่น”ในความเป็น “ของกู” จนน่าเกลียดเหลือเกิน การที่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เราแทบไม่จำเป็นต้องสอนกันแล้วมั่งครับ แต่มันอยู่ในสายเลือดของผมและคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศอยู่แล้ว คุณค่ามันสูงกว่าการเป็นลายลักษณ์อักษรเสียอีก
แต่ก็นับเป็นเหตุผลอันแหลมคมของ ส.ส.ร.ที่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า เหตุการณ์จึงไม่บรรจุคำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อธิบายว่า มีเหตุผล 2 ประการที่มีการพิจารณา คือ
1. ข้อพิจารณาทางด้านรัฐศาสตร์ เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่แต่ละรัฐหรือแต่ละประเทศประกอบด้วยชนชาติของคนที่มีศาสนา ภาษา เชื้อชาติ จารีตประเพณี และประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน การปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น จะไม่บังคับให้ทุกคนให้ใช้วัฒนธรรมเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่จะให้สิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่จะเลือกใช้วัฒนธรรมตามความเชื่อที่ทุกคนมีอย่างเสมอหน้ากัน โดยไม่มีใครมีอภิสิทธิ์มากกว่ากัน และจะไม่ใช้ควมเชื่อของใครเป็นเครื่องมือในการจัดระเบียบดังกล่าว แต่รัฐจะใช้กฎหมายที่ทุกคนต้องยอมรับอย่างเสมอหน้ากัน การนำศาสนาไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจึงเป็นวิธีการที่ไม่สอดคล้องกับระบอบการปกครองประชาธิปไตย
2. ข้อพิจารณาทางด้านพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวข้องกับความเจริญกับความเสื่อมของพระพุทธศาสนาตามคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งการที่พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่คู่ประเทศนั้น ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การเข้าถึงและเข้าใจหลักศาสนาตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ และนำไปปฎิบัติอย่างถูกต้อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แม้ในอดีตกาลพระพุทธองค์ที่ทรงมีพระราชบิดาเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีพระราชอำนาจทั่วประเทศ พระพุทธองค์ก็ไม่เคยทรงสั่งการหรือออกกฎหมายใช้บังคับ แต่พระพุทธองค์กลับฝากอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัท 4 ได้แก่ ภิกษุสงฆ์ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ให้ช่วยดูแลด้วยการประพฤติปฎิบัติตนให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอน
แต่พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธด้วยกันเห็นว่ามันเสื่อมถอยลงทุกที มันเกิดจากพวกเราทุกคนที่ไม่นำพระธรรมวินัยมาปฏิบัติต่างหาก นำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาแปะเปื้อนกับกิเลสตัณหาของมนุษย์ พระสงฆ์ใช้ผ้าเหลืองหากิน เสกมนต์เสกคาถา ใบ้หวย เคาะหัว สารพัดวิธีมอมเมาประชาชน ส่วนฆราวาสก็หมกมุ่นอยู่กับความอยากมีอยากได้ ใช้วัดเป็นที่ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เหมือนเช่นกระแสจตุคามรามเทพ ที่นายทุนหัวใสใช้วัดเป็นที่หากิน ไปไหนมาไหนก็มีแต่รายการสั่งจอง รุ่นรวยแล้วรวยอีก แบบเอาเป็นเอาตาย เมื่อกิเลสพระสงฆ์รวมกับตัณหาฆราวาส ความฉิบหายก็คงมาเยือนเป็นแน่
ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับ กลุ่มคลั่งศาสนาที่คว่ำบาตรหน้าอาคารรัฐสภา “ใครจะยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกูมากกว่ากัน”
พระอาจารย์พุทธทาส สอนว่า ไอ้ตัวกูของกูนี่มันเป็นทุกข์ขนาดแท้เชียวนะ...สาธุ
คำสำคัญ (Tags): #ตัวกูของกู
หมายเลขบันทึก: 107938เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2007 10:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีครับอาจารย์

มาอ่านบันทึก และอ่านความคิด แล้วชอบครับ ขอบรรจุลงใน Planet ครับผม

 

ขอบคุณครับที่มาเยี่ยม ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ได้มาอับเดทเท่าไหร่เลยครับ

เป็นเรื่องราวสองเรื่องสองสถานที่ที่สอดคล้องกันอยู่ลึก ๆ อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ...

ลดความเป็นตัวกูของกูลงบ้าง แล้วแล้วเพิ่มความเป็นพวกเราของเราให้มากขึ้น....

สังคมน่าจะดีกว่านี้เยอะนะครับ...

ขอบคุณครับ...

สวัสดีครับอาจารย์

  • ผมเป็นห่วงบรรดาบุคลากรและนักศึกษา มอ.ปัตตานีเหลือเกินครับ  ใครไม่เจอเองคงไม่รู้
  • ในระหว่างที่เพื่อนไทยด้วยกันเองต้องหวาดกลัว  ต้องตายกันวันละหลายๆ คน  แต่อีกฝั่งหนึ่งของประเทศเดียวกัน  ต่างก็แย่งชิงอำนาจกันฝุ่นตลบทั้งพระทั้งโยม
  • ณ ตอนนี้อะไรมันจะคอขาดบาดตายสู้เรื่องชายแดนใต้ได้แล้ว
  • อยากเขียนให้มากกว่านี้ครับ  แต่มันอึดอัดเขียนไม่ถูกครับ

เช่นนั้นเองครับ

สวัสดีครับ ขออนุญาตินำบทความไปรวมในรวมตะกอนครับ  ขอบคุณมากครับ  http://gotoknow.org/blog/mrschuai/107076

ขอบพระคุณค่ะ  ดีใจจนไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร  ที่ได้ทราบว่ามีคนคิดเหมือนเรา  /ขอบคุณจริงๆค่ะ

ขอบพระคุณที่เขียนออกมา  ให้ได้ร่วมรู้ด้วย

ขอบคุณๆ  อยากจะเขียน  อยากจะแสดงเหมือนกันค่ะ  แต่ไม่ถนัดในการเขียน  เกรงว่าจะทำให้...(...)

ขอบคุณนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท