หิริโอตัปปะ


หิริโอตัปปะ

หิริโอตัปปะ หมายความถึง "ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป" ถือเป็นธรรมะคุ้มครองโลก

แรงผลักดันในการเรียนรู้ การศึกษานั้นมาได้หลายๆทาง ใน changing mind ของ Howard Gardner ก็คือ series 7Rs ได้แก่ Reason, Research, Resonance, Representational-Redescription, Resource & Reward และ Real World Events กับ Resistance ตบท้าย ห้าประการแรกเป็นพลังดึง พลังเชื้อเชิญ สองประการหลังเป็นพลังผลัก พลังกระชากลากถู บางทีเวลาเกิดปัญหาทำไมเรียนไม่ได้ ทำไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ เราก็จะพยายาม shift กลยุทธ์ทั้ง 7 ประการนี้ไปมา ดูว่าจะช่วยได้ไหม

แต่ผมคิดว่า บางทีมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่จะทำ ความน่าทำ ควรทำ ต้องทำอย่างเดียว เราอาจจะต้องย้อนกลับมาดูที่ "อุปสรรคที่ทำให้ไม่ทำ ไม่อยากทำ ไม่เปลี่ยน ไม่อยากเปลี่ยน" ด้วย (หรือเป็นเหตุสำคัญ!!)

ไปๆมาๆ เรื่องกลับมาวนเวียนอยู่ที่ self หรือ อัตตา นั่นเอง

เหตุผล และอารมณ์ทั้งโลก มันจะต้องไปผ่าน "อนุมัติ" สุดท้ายโดย self หรือ ตัวตน ของเราว่าจะทำดี หรือไม่ทำดี คนบางคนที่สามารถหลุดจาก self หรือ ตัวตน นี้ได้ ก็จะสามารถเริ่มมองความจำเป็น ควรทำ ต้องทำ น่าทำ จากมิติของคนอื่นได้ เริ่มมี mission พันธกิจที่หลุุดออกนอกตัวเองได้บ้าง สามารถเขียนวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนโลกเพื่อคนอื่นได้

ซึ่งไม่ง่ายเลย

เพราะมันต้องผ่านระยะแห่งการสร้างตัวตนที่พึงปราถนา ตัวตนที่เต็มเปี่ยม ตัวตนที่พึงพอใจเสียก่อน

อุปสรรคสำคัญก็คือ "ความกลัว" ที่ทำให้คนเราจะเลิกหมกมุ่นกับการปรนเปรอตนเอง หันไปทำเพื่อคนอื่น เพราะคนเราจะกลัวสูญเสีย status ที่ได้สั่งสมมา ยิ่งสะสม ยิ่งกลัว การหยุดดูแลตนเองดูเหมือนจะทำให้ยิ่งเห็นตนเองถดถอย ล้าหลัง

ตวามกลัวจะเป็นตัวหล่อเลี้ยงความมืดบอด ทำให้มองไม่เห็นบาปจากการกระทำ หรือการไม่กระทำของตนเอง โดยใช้ความชัดเจนของผัสสะและสฬายตนะมาทำให้คนไม่สามารถสำรวจลึกลงไปถึงจิตใจ และจิตวิญญาณ มองเห็นแต่กฏหมายแต่มองไม่เห็นจริยธรรม มองเห็นแต่กฏข้อบังคับแต่มองไม่เห็นปรัชญาที่มาของกฏเหล่านี้

มองไม่เห็นว่า การออกไปดูแลผู้อื่นนั้น แท้ที่จริงก็เป็นการดูแลตนเองในระดับจิตวิญญาณ

ทำไมหิริโอตัปปะจึงเป็นธรรมะคุ้มครองโลก?

หิริ คือ ความละอายต่อบาป เป็นการพัฒนาจิตที่สำรวจ สะท้อนตนเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้จิตเรา "ไว" ต่อสิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำ โดยคำนึงถึงผลสะท้อน ผลกระทบ จากสิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำ ว่าเป็นมงคลแล้วหรือไม่ หรือว่าเป็นอัปมงคล เป็นการเจริญภาวนาบ่มเพาะนิสัย จะว่าไป หิริ ก็เป็นกลไกสำคัญของ Ethical Mind ที่ได้กล่าวไว้ในอีกบทความหนึ่ง

จิตที่เจริญหิรินั้น จึงจะสามารถนึกถึงหน้าที่ ความรับผิดขอบ ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม เป็นจิตที่ตื่นตัว รับรู้ว่า ขณะที่ตนเองทำ หรือไม่ทำกิจการทั้งหลายทั้งปวงนั้น ตนเองได้ปฏิบัติชอบแล้วหรือไม่ในหน้าที่การงานของตนเอง เป็นการเจริญสัมมาทิฏฐิ สัมมาสติิ สัมมาสมาธิ สัมมาสังกัปปะ ให้เกิด สัมมาวาจา สัมมาวายามะ สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ

สังคมที่ปราศจากหิริ หรือปัจเจกที่ปราศจากหิรินั้น จะเกิดการที่มุ่งเน้นที่ประโยชน์ส่วนตัว ของประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะเหล่า ไม่ละอายต่อการเพิกเฉยต่อหน้าที่ มองไม่เห็นสิ่งที่ตนเองกระทำ หรือผลกระทบจากการไม่กระทำของตนเอง การมีหิริ จึงเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันที่สำคัญ

การที่คนเราจะ "ละอายต่อบาป" ได้นั้น จะต้องมาจากการเจริญสติภายใน ไม่ผูกติดกับทรัพย์ศฤงคารภายนอก  บาปนั้นมีเล่ห์กระเท่เยอะ มาในรูปแบบของความสุข ความมั่งคั่ง ความสะดวกสบาย เป็นกับดักที่จะตกเบ็ดให้คนกินเหยื่อและกลายเป็นทาส

ต่อเมื่อคนเกิดความละอาย มองเห็นผลกระทบของการไร้ยางอาย การไม่ละอายต่อบาป ผลกระทบนี้เองที่ทำให้คนเกิดความเกรงกลัวต่อบาป หรือ โอตัปปะ พยายามหลีกเลี่ยงจากอโคจรสถาน พยายามแวดล้อมตนเองด้วยสังฆะอันเจริญด้วยธรรม หากเราไม่เกรงกลัวต่อบาป เราก็จะเผอเรอ คลุกคลีตีโมงกับโจร กับคนคดในข้องอในกระดูก จมปลักในอโคจรสถาน แวดล้อมตนเองด้วยคนที่มายกยอปอปั้นเพื่อจะหลอกใช้กันไป ใช้กันมา เพื่อความมั่งคั่งรำ่รวย อันเป็นสมุทัยแห่งทุกข์ทั้งสิ้น

การไม่มีหิริโอตัปปะ ไม่เพียงแต่จะเกิดความเดือดร้อนต่อตนเอง แต่เดือดร้อนไปหมด ยิ่งตำแหน่งหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบสูงๆ การปราศจากหิริโอตัปปะยิ่งมีอำนาจการทำลายล้างเหนือจินตนาการ สามารถล้างครอบครัว ล้างชุมชน ล้างประเทศได้เลยทีเดียว

ทำอย่างไร เราจึงจะปลูกฝังหิริโอตัปปะในเยาวชน คนรุ่นต่อไปได้หนอ

คำสำคัญ (Tags): #หิริโอตัปปะ
หมายเลขบันทึก: 226198เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณครับอาจารย์ ขออนุญาตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ คิดว่าต้องเริ่มจากครอบครัวที่ดี สอนและถ่ายทอดให้ เยาวชนน่าจะรับได้อย่างเชื่อมั่นจากผู้ที่เขารักและรักเขา แต่ว่าเขายังพลาดออกไปหรือไม่ซึมซับในเวลานั้น บทเรียนชีวิตจะสอนเขาเองในภายหลังแต่อย่างน้อยเขาได้เรียนรู้และเข้าใจมาจากการสอน(ด้วยวิธีที่ดี)แล้ว เขา"เองเท่านั้น"จะกลับมาไตร่ตรองและดำรงตนที่ดี

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • ยุคนี้คนคงมีความละอายลดลงแต่มีละโมบมากขึ้นมังคะ
  • อาจารย์ถึงบ้านหาดใหญ่หรือยังคะ

 

คุณพันคำ Pครับ

เห็นด้วยเลยครับว่าครอบครัวเป็นหน่วยย่อยที่สำคัญเอามากๆ ทีนี้ว่าด้วยเทคนิกการสอนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผมคิดว่า "จริยธรรม ศีลธรรม" นั้น ต้องสอนแสดง ทำจริง และเป็นตัวอย่างเป็นหลัก ถ้าลำพังในครอบครัวศีล 5 ยังหาไม่ได้ สัมมาวาจายังไม่มี เด็กๆ เยาวชน จะเรียนจาก "ของจริง" มากกว่าจากชั้นเรียน

คุณมณีแดง Pครับ

มาถึงแล้วครับ delay แค่ 2 ชั่วโมง นับว่าฐานกรุณา แต่ก็ได้กลับบ้านมากอดลูกๆเรียบร้อย (ยังอยู่ในเตียงอยู่เลย นัยว่าเป็นวันอาทิตย์!!)

นิยามของ "ความสำเร็จ" มัน shift ไปน่ะครับ greed is good อย่างในหนังเรื่อง Wall Street กำลังกลายเป็นความจริง ณ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้

"มองไม่เห็นว่า การออกไปดูแลผู้อื่นนั้น แท้ที่จริงก็เป็นการดูแลตนเองในระดับจิตวิญญาณ"

ผมชอบคำนี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท