ยังใช้ facebook ไม่เป็น


ยังใช้ facebook ไม่เป็น

ผมจัดตัวเองว่าเป็นคนที่ติดตามเทคโนโลโยในระดับ "พอประมาณ" คือ ไม่ถึงกับ cutting edge แต่ก็พอถูไถสนทนา แต่ตอนหลังๆพบว่าสงสัยจะเริ่มปลงกับ "ตกยุค" ของตนเองเสียแล้ว ตั้งแต่หลุด HI5 โดยยังไม่ทันจะเริ่ม ปรากฏว่าเขาก้าวข้ามไปทำอย่างอื่นกัน ด้อมๆมองๆ tweeter จนพอจะเริ่ม ปรากฏว่าเขาหันไป facebook กัน พอมาถึง facebook ฮ่า! เริ่มมีกะเขาบ้าง พอจะใช้ ปรากฏว่าเราไม่ทันอีกแล้ว

ที่ว่า "ไม่ทัน" ก็คือ ผมคิดว่า social network ที่เป็น internet หรือ digital online เนี่ย มันช่าง "รวดเร็ว" เหลือเกิน จนเกินรสนิยมผมไปหลายปีแสง

วันก่อนอ่านบทความของรุ่นน้อง comments ไปนิด เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจ พอวันนี้นึกอะไรออกมาได้ จะไปเขียนต่อ ปรากฏว่าเรื่องนั้นมันกลืนหายไปกับอดีต มีบทความใหม่ๆ หัวข้อสนทนาใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา ไล่ตามหาไปอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอของเดิมที่เราจะเพิ่มเสียแล้ว ต่างจากเครื่องมือโบราณชิ้นเดิมของผมคือ blog ที่ยังไงๆมันก็ยังอยู่ที่เก่า หรือมีสารบัญ มี key words ที่อะไรที่พอจะ trace กลับไปใหม่ได้ ไม่ว่ามันจะเลื่อนลงไปเหมือนกัน (แต่ด้วยความเร็วของเราเอง เพราะเป็น blog เรา) หรือจะหาของคนอื่น ก็เป็นหมวด และเป็นอะไรที่ไม่หวือหวาวืดวาดเร็วเกินไป

เดือนที่แล้วมั้ง ที่อ่านเจอโฆษณาแวบๆ มีคนจัดอภิปรายเรื่องอะไรสักเรื่อง หัวข้อน่าจะลึกซึ้งพอประมาณ (ในรสนิยมของผม) ปรากฏว่า มีวิทยากรถึงสิบกว่าคน!! หะแรกเราก็คิดว่านี่คงจัดเป็นวันสองวัน หรือมีหลายห้องคู่ขนาน เปล่าเลย เขาจัด "วูบเดียว" นั่นแหละ คนนึงพูดประมาณ 5-10 นาที แล้วก็พูดต่อๆกันไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวสิบกว่าท่าน จบ!!

เสียงปรบมือเกรียวกราว ความรู้มหัศจรรย์เสพย์ผ่านไปในพริบตา!!

เมื่อเจอปรากฏการณ์เช่นนี้ ทำให้คนที่เริ่มคิดอะไรช้าลงอย่างผมก็เกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อ รีบสำรวจตนเองว่า เอ... เราช้าลง หรือคนอื่นเร็วขึ้นหว่า เพราะถ้าเราช้าลงเยอะๆ อาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของ Alzhiemer รึเปล่า ลองสมาธิ วิปัสนาเร็วๆ อืม.. ก็ยังอยู่นี่นะ เรียบเรียงอะไรต่อมิอะไรได้เหมือนเดิม แสดงว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่โลกรอบตัวผมมันวิ่งเร็วขึ้นเป็นหลัก

ถ้า facebook ทำให้เรา "สัมผัส" และมี "ความสัมพันธ์" อย่างที่โลกกำลังดำเนินไปในอนาคต ผมก็เกิด "อคติ" ขึ้นมาไรๆกับความสัมพันธ์แบบที่ว่านี้ เพราะใน old school ของผม การค่อยเป็นค่อยไป เป็น ingredients ที่สำคัญในการที่จะเกิดสิ่งสำคัญมากๆอย่าง "ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์"

เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและ "เปลี่ยนแปลง" บน facebook นั้น เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เพียงเฉพาะการสนทนาในประเด็นๆหนึ่ง แต่หัวข้อใหม่ๆ ที่เสนอเข้ามานั้นก็เช่นกัน ภาษาที่ใช้ก็มีการพัฒนาไปให้สั้น กระชับ เร็วขึ้นๆ จนผมสงสัยว่าสักกี่เปอร์เซ็นที่เราไม่ได้ใช้การ downloading เอาความหมายเก่าในหัวเรามาเติมให้ครบ เสริมให้เข้าใจ และเราสามารถที่จะ "เข้าใจ" กันและกันได้จริงๆหรือ ในการสนทนาที่เร็วขนาดนี้ บางสนทนามีผู้ร่วมเกิน 30 คน และพูด (พิมพ์) คนละ 1-2 ประโยค แต่ก็สามารถถกเถียง ทะเลาะ เห็นด้วย เอออวย เออออ ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!

ที่น่ากังวล (ผมเอง) ก็คือ ภาษา stereotyping มันแทรกซึมลงมาเยอะมากในวัยรุ่น หรือ facebookers กลุ่ม tweetple เหล่านี้ คำ "ศาสนา" คำ "คุณธรรม" คำ "ความดี" มีมิติเหลืออยู่แค่เป็น catch-phrase และ emotional slang ไปอย่างงงงวย หรือจะเป็นเพราะผมอ่านเร็วไปเอง แต่ เอ... คนอื่นๆก็รับไปแค่นั้น แล้วก็รีบๆเปลี่ยนเรื่องอื่น เหมือนกับชีวิตจะหมดสิ้นไปถ้าไม่มีเรื่องใหม่มา feed กันต่อๆไปไม่มีหยุดยั้ง

ผมคิดว่าคงจะมีวิธีใช้ที่ถูกต้องที่ตัวผมเองยังค้นหาไม่เจอ ด้วยความเป็นคนขี้เวียนศีรษะ (อ่านแล้วทะแม่งๆ) อาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่ทว่าความสัมพันธ์ที่ "ฉาบฉวย" มันไม่มีอะไรมีค่ามากนัก เราก็จะตัดทิ้งไปได้เหมือนแคะขี้มูก อาจจะปั้นๆดมๆพอสะอิดสะเอียนแล้วก็ดีดทิ้ง ถ้าพูดถึงขี้มูกก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงความผูกพันของมนุษย์ ก็น่าตกใจ

ผมยังโหยหาความสัมพันธ์ที่เราค่อยๆทำความรู้จักกัน มีพื้นที่ ทั้ง space and time ที่หล่อเลี้ยง ไม่ใช่สาดโครม มีเขาพูด แล้วก็เราพูด แล้วก็เขาพูด เราพูด สามารถอ้อยอิ่งกับความเงียบที่กำลังสนทนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องพิมพ์ตลอดเวลา พูดตลอดเวลา ในการเพาะเลี้ยงความสัมพันธ์

คำสำคัญ (Tags): #facebook
หมายเลขบันทึก: 372762เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2010 14:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

อ่านบันทึีกนี้ของคุณหมอแล้วโดนอย่างแรงครับ

หวังว่าไม่ใช่โดนขี้มูกปานะครับ อิ อิ

ขอบคุณมาให้กำลังใจคนตามหลังเทคโนโลยีครับ

สวัสดีค่ะ คุณหมอ

เคยเข้าไปช้facebook ของ อ.ไร้กรอบค่ะ แต่ของตัวเองยังไม่สมัครค่ะ

เห็นด้วยค่ะ...เมื่อคืนเพิ่งฟังพระเทศน์ทางวิทยุว่า :

 "เวลาเราเหลือน้อยแล้ว...ควรใช้เวลาให้เกิดคุณค่า..เจาะจงไปที่วิถีของการพ้นทุกข์..ซึ่งต้องเพียรฝึกการมีสติทุกขณะจิต...เรื่องนอกกายที่ไม่ก่อประโยชน์ ควรละเว้นเสีย..ไม่ติดยึด..."

 

สวัสดีท่านอาจารย์ครับ

เร็วไม่ว่าช้าให้เป็น

เล่น facebook เพลิน แต่อย่าลืมสนทนาเปี่ยมพลังแบบ face to face ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ...

สวัสดีค่ะ อ.หมอสกล

บันทึกนี้โดนมากๆ เลยต้องขอมาร่วมแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ ว่าหนูก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รู้สึกเช่นเดียวกับอาจารย์ค่ะ

สำหรับการใช้งาน Facebook หนูมองว่าหลายๆ คนใช้เป็นเครื่องมือสำหรับติดตามข่าวสาร update สถานะของตนเอง สร้างเครือข่ายทางสังคมกับเพื่อน ญาติ หรือเพื่อนร่วมงานและเครื่องมือสำหรับ share ข้อมูลกันต่อ ซึ่งการ share ข้อมูลกันต่อนี่ ได้อารมณ์การบอกปากต่อปากด้วยการใช้ techonology จริงๆ ค่ะ

ซึ่งลักษณะการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นการบอกปากต่อปากเช่นนี้ บางทีก็ทำให้เราเคยชินในการส่งต่อและส่งผ่านข้อมูลแบบรวดเร็ว จนอาจลืมการสร้าง content ด้วยตนเอง

ดังนั้นมุมมองของเครื่องมืออย่าง Facebook จึงมีการ Update อย่างรวดเร็ว ข้อมูลข่าวสารมันก็เลยดูเยอะแยะมากมาย ซึ่งหนูเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับที่อาจารย์เขียนไว้ในบันทึก คือมันเยอะมาก แถมกลับไปหายากจริงๆ

และเมื่อจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ ตัวหนูเองก็ทำใจไว้แล้ว ด้วยการปรับมุมและมองเครื่องมือเหล่านี้ว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการบอกต่อ การ update สถานะของตนเอง การติดต่อข่าวสารที่ข่าวสารหมุนเร็วมาก ยิ่งถ้ามี contact เยอะมากก็จะทำให้ข้อมูลเข้ามาเยอะ หรือบางทีทำให้รู้สึกว่าเราถูกให้รับข่าวสารนั้นโดยที่บางเรื่องเราก็ไม่อยากรู้ก็ได้ค่ะ :)

ไปเม้นท์ใน facebook แล้วตามมาหลอนอาจารย์ที่นี่อีก : D ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ได้มีอะไรเสียหายกับการที่เรามีหลาย mode ซึ่งคนเราอาจจะมีบางเวลาต้องการอะไรที่เป็นสาระ จริงใจ ใช้หัวสมอง กับบางมุมที่ต้องการสบายๆ หยอกล้อกับเพื่อน หรือครอบครัวที่อยู่ห่างไกลกัน ข้อเสียมันก็มีเรื่องความรวดเร็วที่ทำให้มันมาแล้วไปวูบวาบเร็วมาก แต่ข้อดีก็มีในการที่ทำให้คนที่อยู่ห่างไกลได้ไกลชิดกันผ่านระบบพวกนี้ อย่างเพื่อนคนนึงตอนนี้โดนไปทำงานอยู่ฝรั่งเศส หงอยมาก แต่ที่ยังทนอยู่ได้ก็เพราะเจอเพื่อนๆ พูดคุยผ่าน facebook หรืออย่างเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่หายสาบสูญไปหมดก็ตามกันเจอ กลับมาสานสัมพันธ์กันต่อ มีการสร้างกลุ่ม นัดเจอกัน แชร์ภาพในอดีต หรือบางกลุ่มก็เป็นอะไรที่สนใจร่วมกันอย่างเช่น ชมรมคนรักมวลเมฆที่ได้เผยแพร่ไปในวงกว้างมากขึ้น

เทคโนโลยีมีสองด้านเหมือนเหรียญ อยู่ที่ว่าเราจะมองฝั่งไหน และให้น้ำหนักไปในทางไหนรวมถึงใช้อะไรมากกว่ากันค่ะ ส่วนใหญ่ตัวเองก็ลองไปเรื่อย บางอันเราก็ค้นพบว่าเราไม่เหมาะกับตรงนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด คนที่ใช้ก็ไม่ได้มีปัญหา อย่างตัวเองไม่ชอบ twitter รู้สึกมันเร็วเกินไป สั้นเกินไปที่จะใช้สื่อสาร ก็เลยใช้มั่งไม่ใช้มั่ง บล็อกที่ GotoKnow ก็ใช้ แต่พอไม่มีเรื่องอะไรที่เป็น content ให้เขียนก็พลอยไม่ได้ใช้ เวลามีเรื่องเขียนก็กลับมาใช้ ...ที่ขำๆ คือใช้ facebook คุยกับเพื่อนที่โบสถ์มากมาย แต่เวลาไปเจอกันวันอาทิตย์กลับไม่ค่อยได้คุยกัน หรือคุยก็ดันเอาหัวข้อที่เขียนบนนั้นมาคุยต่อซะอีก แปลกๆ ดีค่ะ

จะเขียนจริงจัง ดันเขียนเป็นจริงใจ ขออภัย - - "

สวัสดีค่ะอาจารย์

อ่านแล้วอมยิ้มค่ะ

คุณ burger0123

ลองใช้ดูเถอะครับ ช่วง learning curve นี่แหละสนุก นี่ขนาดผมยังไม่ได้เล่นเกมอะไรที่เขาเล่นกันเลย ก็รู้สึก overwhelm ไปหมด facebook อาจจะกลายเป็น survival kit ในอนาคตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็ได้นะครับ

ขอบคุณครับพี่นงนารท

เหลือเวลาไว้นิดหน่อยเอาไว้ไร้สาระบ้าง ก็ไม่เลวนะครับ

คุณ Phornphon

หึ หึ ตอนเร็วๆนี่มัน relative ไปหมด จนบางทีเรานึกว่าช้าแล้ว (เมื่อเปรียบเทียบ อ้างอิงกับสิ่งหนึ่ง) ปรากฏว่าชำเลืองลงมาที่ขา อ้าว ยังวิ่งตั้บๆอยู่เลยก็มี

ยิ่งสนทนาใน facebook นั้น เร็วมากครับ เราเติมคำลงในช่องว่างเอาเองไม่รู้จักเท่าไหร่ๆ เป็นบทเรียนภาวนาแบบ "อึดใจเดียว" ครับ

ขอบคุณครับคุณมะปราง

สำหรับความเห็นโดย expert IT ด้วย อืม... update นี่ก็น่าดี น่าใช้ อยากจะได้กันส่วนใหญ่นะครับ หนังเจมส์บอนด์ตอนนึงก็มีที่ผู้ร้ายเป็น conglomerate news-maker ระดับโลก

ผู้คนอยาก "มีส่วนร่วม" กับรู้ว่า "what is going on" มากขึ้นๆ โลกใบนี้ดูเล็กลง ใครมี "ข่าว" ก็เสมือนมี power คุยกับเขารู้เรื่อง เดี๋ยวนี้ใครไม่รู้ว่าดาราคนไหนเขียนกระแทก facebook ของตนเองว่าอะไร ดูเหมือนจะกลายเป็นคน "ตกข่าว" ไปอย่างง่ายๆ (ทั้งๆที่บางเรื่องก็เป็นขยะสมองเอาได้ง่ายๆ... พูดอย่างนี้เหมือนดูถูกคน แต่แหม.. หัวข้อข่าว โดยเฉพาะข่าว "บันเทิง" เดี่ยวนี้มันท้าทายความเจริญสติ เจริญปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ)

ไอ้ความอยาก "ทันโลก" นี่ อาจจะทำให้เราละเลย "ทันตนเอง" ไปรึเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมกำลังสงสัยครับ

คุณซูซาน

ฮ่ะ ฮ่ะ เห็นด้วยแน่นอน ตัวเทคนั้นน่ะคงจะไม่ evil ด้วยตัวมันเองได้ ต้องคนใช้นี่แหละ

ตอนนี้ catch phrase คือ social network อะไรๆก็ต้องคำนี้ ไม่งั้น ถ้าเราไม่มี ไม่ทัน ไม่ทำ ไม่อ่าน ก็ "หลุด" วงไป เรากำลังสร้าง artificial society ขึ้นมา เป็นโลกที่คนถูก "เข้าใจ" ด้วยศิลปภาษาที่แสดงออกมา ไม่ใช่โลกที่คนถูกเข้าใจด้วย "การกระทำ" จริง

จินตนาการกำลังจะแซงโค้ง "ฐานกาย" ไป บางคนก็บอกว่าเป็นเรื่องดี ไอสไตน์ก็บอกว่า imagination is more important than intelligence นี่นา ไม่น่าจะมีอะไรผิด

แต่ผมคิดว่า จินตนาการอย่างเดียว มันอาจจะเป็นแค่ hotair เท่านั้น เผลอๆ เราอาจจะหลอกตนเองว่าเราได้ "เป็น" ทั้งๆที่เราแค่ "พูด กับ เขียน" ไปก็ยังได้

สำหรับคนขี้เหงา แม้ตกอยู่ในเกาะโดดเดี่ยว facebook ก็สามารถสร้างโลกจำลองมาเยียวยาความโดดเดี่ยวนั้นได้ แต่เราคงไม่อยากให้ทุกคนไปหาเกาะอยู่กัน แยกย้ายกันไปอยู่ใน den ของตนเอง แล้วเจอะเจอผู้คนทางนี้เท่านั้น ไม่งั้นเราอาจจะกลายเป็นผู้คนใน Matrix อีก version นึงโดยไม่รู้ตัวก็ได้

อ.หมอสกลค่ะ

บางทีการตามข่าวสารโลกมากๆ มันทำให้เราไม่ได้อยู่กับตัวเอง อันนี้มีแนวโน้มที่คิดว่าเป็นไปได้สูงค่ะ :)

แหม..ยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งมันอ่ะค่ะ เลยอยากเล่าต่อว่าตอนที่คิดจะสมัคร คิดอยู่นานมากค่ะ อาจารย์ เพราะรู้สึกว่าการเป็นสมาชิกของ social network นี่ ทำให้เวลาส่วนตัวลดลงไปเหมือนกันค่ะ ที่สำคัญหนูนี่มาเริ่มใช้ช้าแล้ว เพราะบางทีก็รู้สึกว่าไม่อยากตามกระแสโลก ... แต่ด้วยทำงานอยู่บนอินเตอร์เน็ตก็เลยต้องวิ่งเข้าหากระแสด้วยความจำเป็นเพราะงานค่ะ :)

หึ หึ

คุณ Eureka อมยิ้มเพราะสังเวชในการตีโพยตีพายของคนแก่เหรอครับ อิ อิ

เรียนท่านอาจารย์ครับ

ผมใช้ผสมผสาน ข้ามไปข้ามมากับ Gotoknow ครับ

คุณมะปราง

ใช่เลยครับ ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อมากๆก็คือ สิ่งที่เราควรจะ "เท่าทัน" มันไม่ใช่ข่าวสาวคนล่าสุดของโรนัลโด หรือปลาหมึกพอลจะกินหอยใคร แต่มันคือ "ตัวเราเอง"

ซึ่งหากเราละเลยตัวเราเองไปเท่าไหร่ เราจะย่ิงเข้าใจคนอื่นๆและพฤติกรรมของเราและคนอื่นๆน้อยลงเท่านั้น ไอ้พวก information ต่างๆที่เราติดตามจะเป็นจะตายนั้น อาจจะ "กัดกร่อน" ตัวเราไปด้วยซ้ำไป

วาดภาพให้น่ากลัวเล่นๆน่ะครับ

ดร.ภิญโญ

ยินดีต้อนรับครับ ขอบพระคุณที่มาเยี่ยมเยียน

ผมก็ใช้สลับไปสลับมาเหมือนกันครับ แต่เมื่อเช้าพบว่าตัวเองนั่งอ่าน facebook update news feed ใน iPhone ตั้งครึ่งชั่วโมงก็เลยตกใจ จิตตกไปบ้างอ่ะครับ ไม่มีอะไร

วันนี้ได้ทำตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ

สมัคร facebook แล้วค่ะ ก็ใช้งานง่ายดีค่ะ

พอสมัครแล้วเพื่อนๆเข้ามาคุยเยอะเลยค่ะ

ก็หน้านี้เพื่อนก็เข้ามาเชิญให้สมัคร จะได้เพิ่มเป็นเพื่อนค่ะ

ขอบพระคุณ คุณหมอ อีกครั้งค่ะ

ผมก็เพิ่งสมัครไป ครับ....แต่ยังไม่ได้เอาอะไรลงไปในมือถือ แค่ให้มันทำหน้าที่รับสายและโทรออก ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นนายผมมากเกินไปแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท