การประจาน Social Punishment Tool


อาจจะเป็นเพราะมันเป็น antithesis ของ non-judgemental attitude ที่ผมกำลัง advocate อยู่ก้ได้

เมื่อเร็วๆนี้ บนกระดานข่าวคณะแพทย์ฯ มีกิจกรรมที่กำลังเริ่มฮิตๆกัน คือ การประจานทาง internet

ที่มาคือ ม.อ. มีที่จอดรถจำกัด คนมาใช้บริการและคนทำงานเยอะมาก ที่จอดก็ไม่พอ สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นจนหนทาง มักง่าย หรือเหตุผลอะไรไม่มีใครทราบได้ ก็เริ่มมีคนจอดรถผิดที่ผิดทาง มักง่ายบังทางออก ฯลฯ เดือดร้อนคนที่จอดถูกกฏหมาย ถูกระเบียบ ยามก้ดูจะไม่มีอำนาจอะไรมาก รถลากก็ไม่ค่อย work วิธีง่ายที่สุดที่คนเดือดร้อนแสดงออกมาก็เป็นถ่ายรูปรถมาประจานทาง internet ซะเลย ซึ่งง่ายมาก โทรศัพท์มือถือเดี๋ยวนี้ก็กล้องถ่ายรูปธรรมดาๆ การ upload รูปขึ้น internet ไม่ใช่งานระดับ computer geek อีกต่อไป ทุกอย่างง่ายมาก ก็ได้ผล พอ post ปุ๊บ ก็มีคนร่วมกันอภิปราย discuss และก่นด่ากันอย่างเมามัน ตอนแรกก็มีมาประปราย แต่ตอนหลังเริ่มมีการถ่ายรูปมาประจานบ่อยขึ้น (นัยว่าเทคนิกการสื่อสารเดี๋ยวนี้ เอื้ออำนวย และคนเข้าใจเรือง media effect ต่อการคิดมากกว่าคำพูดอย่างเดียว)

 ผมเคยเขียนขัดแย้ง ไม่เห้นด้วย เรืองเทคนิกนี้ไปสองสามครั้ง ปรากฏว่าไม่อยู่ใน mood ของ public เท่าไร ตรงนี้ถ้าจะให้ stereotype ต้องบอกว่าคนเราชอบอ่านข่าวเอามัน การได้มีเหยื่อเป้านิ่ง ที่เถียงไม่ออก มาผูกเชือกชักห้อยให้ถล่ม ซ้อมสำนวนการก่นด่าแบบต่างๆ เป็น commodity ที่น่ารื่นรมย์ให้คนจำนวนมาก

ก็เลยชักสงสัยว่า เอ เราเองอาจจะเป็นฝ่ายผิด คิดไม่ออกว่ามันมีดีอะไรบ้าง เลยเขียนวิจารณ์ลงไปในกระทู้ที่คณะแพทย์


ข้อดีของการประจาน 

  • ทำให้คนถูกประจานได้รับความอับอาย เป็นการทำโทษ
  • หวังว่าการอับอายนั้นจะกลายเป็นพลังทางบวก ทำให้คนกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ
  • ทำได้ง่าย ใครๆก็ทำได้ เด็กประถมก็ทำได้
  • มีประสิทธิภาพสูง ทาง internet สามารถถึงคนทั้งองค์กร ทั้งจังหวัด ทั้งประเทศ หรือทั่วโลก รับประกันความอับอายไร้ขอบเขต 
  • ไม่ยุ่งยากลำบาก ไม่ต้องขออนุญาตใคร ไม่มีใครมาตรวจสอบให้ลำบาก ไม่ต้องหาหลักฐานอะไรมากมาย ก็สามารถประจานคนที่เราต้องการได้ทันทีทันใด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี

ข้อเสียของการประจาน

  • เป็นการ labelled ตีตราคน ของแบบนี้ เอาออกยาก ขัดต่อการ "ฟื้นฟู" และขัดต่อการที่คนจะกลับเนท่อกลับตัว เพราะคนจะไม่เชื่อว่าคนๆนี้กลับตัวแล้วหรือไม่ เคยได้ยินว่ามันขี้คุก มันขี้โกง มันฝ่าฝืนกฏหมาย
  • ถ้า "เข้าใจผิด" ยิ่งเกิดโทษสองเด้ง ตามหลักธรรมภิบาล และกฏหมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เมื่ไหร่ก็ตามที่คนดีถูกทำโทษ สังคมจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ
  • เดือดร้อนคน innocent รอบข้าง คนเราทุกคนมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ มีครอบครัว มีลูกเมีย มีพ่อแม่ มีญาติพี่น้อง คนอืนๆเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่จะดดน "ร่างแห" ไปด้วย อ้อ พ่อเธอติดคุกใช่ไหมจ๊ะ เธอก็เป็นไอ้ลูกขี้คุกน่ะสิ อ๋อ แม่เธอที่ชอบจอดรถผิดที่ไหมจ๊ะ อ้อ ลูกคุณใช่ไหมครับที่ติดยา พี่ชายคุณใช่ไหมครับที่โกงเงิน โทษบางอย่างจะถูก exaggerate เกินกว่าความรุนแรงต้นเหตุเสียอีก
  • การที่ ใครๆก้ทำได้ง่ายๆ เรื่องนี้อันตราย เพราะคนเราไม่ได้ใช้ logic กันเสมอไป หรือตลอดเวลา เดี๋ยวก็จะมีกรณี โกรธ เกลียด อกหัก ผิดหวัง ฯลฯ ขอประจานเอามันซะหน่อยเถิด ไหนๆคนก็ชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบได้ยินเรื่องราวแบบนี้ แม้แต่เด้กที่ยังไม่มีความรับผิดชอบ ก็สามารถจะร่วม campaign ประจานเอามันได้ เราจะเพาะ culture แบบไหนขึ้นในสังคม?
  • คนที่พ้นโทษ เมื้อทราบว่าถูกประจาน ก็จะหลบหนีสังคม และต่อต้านสังคม เช่น พวก paedophile หรือนักโทษข่มขืนเด็ก พอมีประจานปุ๊บ พวกนี้หนีลงใต้ดิน ไม่ได้อยู่ในสังคม ควบคุมได้ยากขึ้น

ผมรู้สึกถึงบรรยากาศของการ เกิดความันเขี้ยว จากผู้เข้าร่วมอภิปราย ผมอาจจมองอะไร ideal ครับ แต่ ideal นั้น มีเหตุผลที่มาอยู่เหมือนกัน ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถบังคับใครที่อ่านกระทู้ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่เป้นไรครับ ไม่เชื่อ หรือไม่เห็นด้วย ก้แล้วกันไป แต่ว่าผมแค่เสนอมุมมอง เผื่อมีคนสนใจนำไปคิดต่อเท่านั้น ในปัจจุบัน สังคม operate ด้วย emotion มากขึ้น มันอาจจะตอ้งการอะไรที่เป็น emotional tool อย่างเช่นการะประจานด้วยรึเปล่า ไม่แน่ใจ สาเหตุที่แท้จริงที่ผมไม่ชอบ อาจจะเป็นเพราะมันเป็น antithesis ของ non-judgemental attitude ที่ผมกำลัง advocate อยู่ก้ได้ ไม่ใช่อย่างอื่น

เท่าที่เป็นหน้าที่คนในสังคมคนหนึ่งเท่านั้นเอง

คำสำคัญ (Tags): #ประจาน
หมายเลขบันทึก: 80426เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2007 15:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 13:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

 

เหตุที่มีคนใช้วิธีนี้เยอะ เพราะรู้สึกสะใจตัวเอง และตนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

คิดว่าถ้าลองให้ต้องล็อคอินเข้าโพสต์ แล้วสามารถสืบค้นไปถึงผู้โพสต์ได้ ผู้ลงประจานคนอื่น คงจะมีความไตร่ตรอง ก่อนจะทำเรื่องประจานเป็นแน่ เนื่องจากจำต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเอง สื่อให้สังคมเข้าใจผิดผู้ถูกประจาน ในกรณีที่เขาไม่ได้ทำผิด

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะทำผิดหรือไม่ ในทางกฏหมาย ก็ไม่สามารถใช้ความอิสระ ในการทำให้ผู้อื่นเสียหายเช่นนี้ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท

หากว่าสืบค้นไปหาผู้เป็นต้นเหตุไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบ คือเวบมาสเตอร์ค่ะ

ตอนนี้มีกฏหมายอินเตอร์เนต ที่ทำท่าจะคลอดออกมา (ไม่แน่ใจว่าคลอดสำเร็จหรือยัง)  เพราะเห็นมีการโพสต์ไว้ที่เวบพันทิป

ตอนนั้นก็เคยมีคดีครึกโครมค่ะ  มีการเอารูปดารามาโพสต์ มีการวิจารณ์กันสนุกสนาน แล้วสุดท้าย..มีอยู่คนหนึ่ง เอารูปที่มันเล็ดลอดออกจากกองถ่ายไปโพสต์  ถึงแม้ว่ารูปนั้นจะได้รับการคาดป้ายทึบปิดตา และปิดส่วนที่ไม่เหมาะสมไปแล้ว  แต่ว่าเจ้าของรูปไม่ยอมค่ะ แจ้งความจับโทษฐานหมิ่นประมาท และทำให้ผู้อื่นเสียหาย

ผลเป็นอย่างไร.. (ไม่ทราบเคยติดตามข่าวนี้ไหมคะ ? ) ผลก็คือ... คนโพสต์รูปถูกจับค่ะ  เข้าไปนอนอยู่ในคุก (จำไม่ได้ว่ากี่คืน)  เวบมาสเตอร์พันทิป ก็ถูกตำรวจเชิญตัวไปที่โรงพักค่ะ จึงต้องทำการสืบสวนสอบสอนหาผู้เป็นต้นเหตุของรูปดังกล่าว  ค้นกันไปจนถึงใครคือผู้ฟอร์เวิร์ดเมล์ไปให้กับคนผู้นั้น 

ถึงแม้ว่างานนี้จะหาต้นตอของรูปไม่ได้  แต่คนที่เอารูปไปโพสต์รับเคราะห์มากกว่าคนอื่นค่ะ  โทษฐานเป็นคนโพสต์รูป  เนื่องจากพันทิปมีระบบล็อคอิน จึงติดตามหาเจ้าของล็อคอินได้ง่าย

ส่วนในเวบบอร์ดคณะแพทย์ ไม่มีระบบล็อคอิน ว่าไปแล้วก็มีความเสี่ยงสูงมากค่ะ  ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องก็แล้วไป  แต่ใครจะไปรู้   อาจมีสักวันที่อยู่ๆมีใครเกิดลุกขึ้นมา ทำเรื่องให้เป็นคดีตัวอย่างสักคดีก็มีโอกาสเป็นได้

และถ้าหากหาจับมือใครดมไม่ได้  เวบมาสเตอร์คงต้องรับเคราะห์ไปเต็มๆล่ะค่ะงานนี้  ในข้อหาที่ไม่ดูแลเนื้อหาข้อความที่โพสต์กันในเวบบอร์ด  นับว่าน่าเห็นใจเวบมาสเตอร์มากๆเลยล่ะค่ะ

อืม.. ส่วนเกี่ยวกับกฏหมายบนเวบบอร์ด  จำไม่ได้แล้วว่าเคยเห็นที่ไหน ไว้หาเจอ จะหาลิ้งค์มาแปะให้เข้าไปดูนะคะ

^_________^

ดิฉันไม่อยากเห็นการก่นด่าว่ากันค่ะ..ไม่พอใจก็หันหลังหนีไปซะยกเว้นว่า..เขาจะทำบ่อยจนไม่มีความละอาย..แต่ก็ให้ประจานแบบชนิดชั่วคราว....พอสั่งสอนกัน...นานไปสังคมก็ลืมได้ก็ดีค่ะ..อย่าให้มันอยู่บนบอร์ดที่ฝังแน่น..ขุดไม่ออกเลยค่ะ..เผื่อเขาทำดีขึ้น..มันจะได้ไม่ฝังใจเขาลึกๆเปล่าๆค่ะ..สงสาร...หรือว่าไงคะ...

ขอบคุณครับ คุณ ki-jira และคุณกฤษณา

นั่นคือการมีความรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำนั่นเอง ที่เป็นตัวควบคุม

ผมเป็นห่วงครับ เพราะอะไรก็ตามที่เราหันหน้าไปพึ่งพาคือ กฏหมาย เมื่อไร คนที่ได้เปรียบคือพวก rule-lawyer หรือพวกที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวเก่ง พวกสายป่านยาว คุมกฏหมายเอง หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายเสียก่อน อะไรพวกนี้

การประจานทำได้หลายวิธีครับ ในองค์กรแบบเรา ทำได้ตั้งแต่บัตรหรือใบปลิวสนเท่ห์ (untracable) ไม่สามารถจับมือใครดม จดหมายนิรนาม ฯลฯ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ วิธี เสียทีเดียว (แต่ผมว่าในเมืองไทยนี่ ตามไม่ทันครับ ทั้งกฏหมายเกี่ยวกับหุ้น กฏหมาย IT อะไรนี่ คนออกกฏหมายกับคนใช้ มีความสามารถห่างกันหลายขุม) และถึงแม้มีคดีออกมาเป็นตัวอย่าง internet ก็ยังเป็นที่ที่คุมยากที่สุดในโลก แม้แต่อเมริกาเองก็ยังยอมรับว่าคุมยากมากๆ

 การประจานประเภท "รู้กัน" ว่าหมายถึงใคร โดยไม่แสดงชัดเจนถึงเจตนา (ผมไม่ขยายความก็แล้วกัน เดี๋ยวจะชี้โพรงให้กระรอก.... ตัวอื่นๆนะครับ ไม่ได้หมายถึงพวกเราๆ) นั้นทำได้ไม่ยากครับ ฉะนั้นจะเห็นว่า web pornography, violent pornography, paedophile ring มีเกลือนกลาด จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน

 คุณกฤษณาครับ

ปัญหาคือ ถ้าเราปล่อยให้มีประจานแม้แต่เรื่องเดียวได้ มันจะไม่สามารถควบคุมเรื่องอื่นๆได้เลยครับ ใครจะเป้นคนจัด category จัดประเภทว่า เรื่องนี้ประจานได้ ไม่ได้ เรื่องนี้ "น่า" ประจาน เรื่องนี่ประจานได้นิดหน่อย แล้วเรื่องประจานเสร็จแล้วก็ลืมๆกันไปเสีย ย่งทำไม่ได้ในทางปฏิบัติครับ

คนถูกประจานจะหวาดระแวงในการ ตีตรา นี้ไปตลอดชีวิต ลองนึกถึงเด็กๆ ที่ถูกล้อว่า ลูกไอ้ขี้คุก ลูกโสเภณี ลูกขี้ยา คิดว่าเด็กๆเหล่านี้จะลืมได้ไหมครับ?

การประจานนั้นเป็นการไม่แยแส ค่าของคน เป็นการ ไม่เชื่อว่าคนสามารถกลับตัวได้ เพราะการตีตรานั้น ไม่เลือนหายไปหรอกครับ ดดยเฉพาะอย่างย่งในจิตใจของคนที่ถูกตีตรา บางทีคนที่เที่ยวไปตีตราเขา อาจจะคิดว่าตีตราเอามัน เดี๋ยวฉันก็ลืมแล้ว เรื่องคงจบไป แต่คนลืมก็คือคนตีตราครับ คนถูกตีตรานั้นยากที่จะลือม ลูกเมียครอบครัว วงศ์ตระกูลของคนถูกตีตรานั้นยากที่จะลืมเลือน

ขอบคุณครับ "...เมื่อไหร่ก็ตามที่คนดีถูกทำโทษ สังคมจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ" เป็นเรื่องที่น่าคิดต่อครับ ว่าสิ่งที่ประจานเอามันส์นั้น ถ้าไม่จริงขึ้นมา จะเกิดอะไรตามมา โดยเฉพาะการประจานแบบไม่มีวันสิ้นสุดเช่นในเว็บบอร์ดหรือบล็อก หากมีปัญหาฟ้องร้อง ผู้ดูแลระบบจะเดือดร้อนเป็นรายแรกครับ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม เคยเจอเองแล้วครับ ในฐานะต้องดูแลเนื้อหาในระบบครับ แต่ไม่ได้ปล่อยให้ post ค้างนะครับ คือเจอก็รีบแจ้งลบทันที แต่สมัยก่อนไม่มีเครื่องมือดูแลดีพอ เลยเหมือนปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะโดนซุกไว้ในมุมลับหูลับตา ก็เกือบไปเหมือนกัน แต่ก็ต้องปิดเว็บบอร์ดปรับปรุงใหญ่ไปหลายเดือน

ผมเห็นด้วยครับ คุณ wwibul และผมคิดว่างาน webmaster อาจจะเป็น unenviable job มากขึ้นเรื่อยๆ หากจะต้องเป็นคน แบกภาระการรับผิดชอบ แทนทุกคนที่แสดงความเห็น

สมัยก่อนเรามีงานประเภท บรรณาธิการ ที่จะเป็นจำเลยที่หนึ่ง เวลาบทความในวารสาร หรือหนังสือพิมพ์ตนเองไปก้าวร้าง หมิ่นประมาทผู้อื่น เราก็รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ยากอยู่แล้ว ลองเปลี่ยนมาเปรียบเทียบกับ webmaster นี่คนละเรื่องกันเลยครับ  บาง board ใหญ่ๆ อย่างที่ผมเคยเล่นนั้น เช่น EZ board ที่มีลูกบอร์ดหลายร้อยหลายพัน ขนาดเราเล่นเฉพาะ board ของเราประจำ เรายังอ่านกันแทบไม่ทัน เพราะ posters บางคนนั่งเขียนตลอดทั้งวัน และเขียนเร็วมาก เจออย่างนี้เข้าไปแค่ board ละ 5 คน 10 คน webmaster ก็ตายแล้ว ต้องรอคนช่วยกระซิบอีกที ซึ่งอาจจะสายไปแล้วก็ได้

ดังนั้น ใน board ประเภท non-register สามารถ post ได้ ทางที่ดีควรจะมี disclaimer เรื่องความรับผิดชอบไว้ส่วนหนึ่ง หรือไม่ก็เปลี่ยนไปเป็น member-only posters ก็ได้ แต่ก็จะลดความมันส์ ในการที่บางคนชอบ post แบบ anonymous (พวกนี้ไม่ได้เลวเสมอไป แต่การที่ใช้นามแฝงนั้นสามารถมีประโยชน์มากในการแลกเปลี่ยน โดยไม่ต้องเลวร้ายเสมอไป)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท