Learning Styles (2) วิธีใช้


Learning Styles 2

วิธีใช้

การนำเอา Learning Styles มาดัดแปลงใช้นั้นมีมากมาย ผมไม่อยากจะให้คิดมากนักเวลาที่เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าถ้าเราใช้วินิจพิจารณญานกันแล้ว น่าจะ do no harm, น่าจะ wholesome ก็ลองกันเลย (เหมือนกับว่าถ้าจะสอนจริยธรรม ก็ไม่ต้องรอ evidence-based ก่อนว่าจะสอนดีไม่ดี ให้สอนไปเลย)

การที่นักศึกษารู้จุดอ่อน จุดแข็งของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ดีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว และการที่เข้าใจในตัวเพื่อนๆคนรอบข้างมากขึ้น ยิ่งดีขึ้นไปอีก เราลองมาพิจารณาดูแต่ละ type ของ learning style ดูว่า เขาเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราจะทำให้เขามีความสุขมากขึ้นได้ไหม

Concrete Sequential (CS)

นักจด lecture ของเรา ที่จริงผมชอบให้คำบรรยาย CS ว่าเป็นกลุ่มพวกหัวหน้า project ที่จะช่วย run organization ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจกรรมที่มี know-how อยู่แล้ว เพราะ CS จะทำงานด้วยความเสี่ยงน้อยมาก และมีประสิทธิภาพสูง ตามกรอบเวลา ตามระบบระเบียบที่มี เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการบรรยาย ในการเขียนหลักสูตร เขียนกฏ เขียน guideline ได้ชัดเจน อ่านเข้าใจ และเป็นลำดับขั้นตอน ละเอียดถี่ถ้วน

CS ที่ดีก็จะทราบข้อจำกัดของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ "จินตนาการ" เพราะเป็นของที่วางอยู่บนนามธรรม และจะมีความทุกข์ในบรรยากาศที่เป็น chaotic ได้โดยง่าย การประชุมที่ไม่มีวาระ หรือมีวาระแต่ไม่ดำเนินไปตามวาระ เราจะไม่พบ CS ปะปนอยู่ใน mob แต่จะพบ CS เดินไปมาในกองทัพทหาร ตำรวจ หรือคนในเครื่องแบบที่แสดงถึง law and order กลุ่มพวก CS จะไม่มีคำถาม "ทำไม" มากนัก จึงมีประสิทธิภาพสูงในการปฏิบัติตามคำสั่ง ทำตาม lab-guide หรือทำตาม protocol

CS ที่ได้เป็นผู้นำ ก็จะนำกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพในแง่ get things done, get the job finished ในขณะเดียวกัน ก็จะครอบคลุมวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ทั้งหมด

CS จะไม่ชอบงานที่ต้องสร้างสรรค์ หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเยอะๆ ไม่ชอบบรรยากาศที่ chaos สูง หรือสถานการณ์ที่ out of control สามารถแข่งขันได้ดีในที่ที่ "ควบคุมสิ่งแวดล้อม" แต่จะเกลียดการแข่งขันประเภท ไม่มีกติกา หรือ everything goes

ในผู้นำสี่ทิศ concrete sequential น่าจะใกล้เคียงกับ หมี มากที่สุด ปนๆกระทิงนิดหน่อย แต่พื้นฐานหมีหนักแน่นมาก

Abstract Sequential (AS)

นักปรัชญาประจำกลุ่ม นักโต้วาที นักพูด มองเห็นภาพรวมและความเชื่อมโยงที่แฝงเร้นอยู่ในข้อมูลต่างๆ แต่จะทำงานไม่ได้ในที่ที่ ไม่มีข้อมูล หรือมี ข้อมูลไม่เพียงพอ เพราะสิ่งต่างๆรอบๆตัวจะไม่ make sense เพียงพอ และจะเกลียดการทำงานตาม order ไปวันๆอย่างมาก

ต้องเข้าใจประการหนึ่งคือ learning style และ IQ นั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน และเป็นคนละเรื่องกับ communication skill ด้วย ฉะนั้น AS ที่พูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง หรือไม่กล้าพูด ก็จะทุกข์มากเป็นพิเศษ เพราะหนทางที่จะได้ข้อมูลนั้นจำกัดเอามากๆ ดีไม่ดีพาลจะถูกกลุ่มอื่น take over activity ไปก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น AS จะไปไหนมาไหนด้วยความอุ่นใจตราบใดที่เขายัง access data ได้ ไปต่างประเทศก็จะอ่านข้อมูลของจุดหมายอย่างดี ให้เข้าใจความเป้นอยู่ ขนบธรรมเนียมของประเทศนั้นๆก่อน ชอบการวางแผนที่ดี มีคุณภาพ เพราะ อุ่นใจดี

AS บางคนที่ไม่เห็นว่า "อารมณ์" เป็นเรืองที่สมเหตุสมผล จะเป็นคนที่เรียกว่า emotionless หรือไร้อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นไร้อารมณ์จริงๆ หรือแสร้งเป็นไร้อารมณ์ แต่ใช้วิธีหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตนเองจะต้องเผชิญหน้าต่ออารมณ์ เพราะว่าบางขณะเขาอาจจะคิดว่า อารมณ์ไม่เกี่ยว หรือไม่มีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวนั้นๆเลย  AS แบบนี้สามารถทำร้ายจิตใจของคนที่อารมณ์อ่อนไหวได้ง่ายๆ แถมยังไม่รู้ตัวอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอภิปรายวิชาการ AS จะมีสมาธิดีมาก เพราะไม่เอาอารมณ์เป็นสรณะ ยิ่งอภิปรายยิ่งมีรสชาติ ยิ่งสนุก โดยไม่คำนึงว่าตนเองชนะหรือแพ้ แต่การที่ความเชื่อมโยง หรือความจริงๆต่างๆคาอยๆคลี่คลายต่อหน้าต่อตานั้นเป็น bliss ของเขา ในขณะที่บางคนเถียงๆไป อภิปรายไป เริ่มมีการเอาคุณค่าของตัวตนตนเองไป involved เกิดอารมณ์ เกิดโกรธ เกิดน้อยใจ เสียใจได้

AS ยินดีทำงานจนนอกเวลา เพื่อจะสานต่อความเชื่อมดยง เพระเหตุนี้อาจจะเป้นคนที่ไม่ชอบกำหนดเวลา หรือพวก deadline เพราะเขาถือว่า knowledge is the most important ones ถ้าให้ AS เป็นหัวหน้ากลุ่ม ก็จะได้ผลงานที่มี concept ที่มีความเชื่อมโยง มีหลักการ มีปรัชญาที่มาของทุกสิ่งทุกอย่างในโครงการนั้น ขอเพียงให้มีข้อมูลเพียงพอ มีคนให้คำตอบต่างๆได้ และเวลามากพอสมควร อย่าเป็นประเภทอาหารจานด่วน หรือ fast food สำหรับ AS แล้วจะเกลียดเอามากๆ

ในผู้นำ 4 ทิศ AS ก็จะเหมือน อินทรีย์ มากที่สุด ปนๆกระทิงนิดหน่อย แต่ concept ทุกอย่างของอินทรีย์ชัดเจน

Abstract Random (AR)

Nemesis ของ AR ก็คือ AS นั่นเอง

เนื่องจาก AS (บางคน) ไม่สนใจอารมณ์มากนัก ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่คนที่ทุ่มเทให้อารมณ์จะไม่ joy เท่าไรนักเวลาทำงานด้วย AR เหมือน emotional receptor, transmission เคลื่อนที่ ทั้งรับ ทั้งส่งคลื่น จะไวต่ออารมณ์ บางทีไวเกิน ใครพูดอะไรมาก็จะรับเป็นของตนเองหมด ดังนั้นก็จะรับลูกยิงมาจาก AS โดยคนส่งไม่รู้ตัวได้ทุกบ่อยๆ

AR จะไวต่อการเปลี่ยนแปลงที่ subtle ของกลุ่ม ไวต่อ tension ที่ creep ขึ้นทีละน้อยๆ บรรยากาศอันเครียด บรรยากาศอันคุกคาม และเป็น hostility ต่างๆ ดังนั้น AR จะเป็นคนที่อบอุ่น เพื่อนๆรัก แต่คนเข้าใจอาจจะน้อย มีจินตนาการเบิกบานกว้างไกล สำหรับ PBL problem-based learning จะเป็นคนผลักดันให้กลุ่ม set learning objectives ที่อยู่นอกเหนือจากที่บทเรียนกำหนดไว้ได้ เพราะจินตนการนี้นี่เอง แต่บางครั้งเพื่อนๆก็จะตามจินตนาการไม่ทัน อาจจะคิดว่าทำไม AR ถึงพูดนอกเรื่องได้บ่อยๆ อาจจะกลายเป็นพวกไร้สาระในสายตาของคนอื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง CS จะเข้าใจน้อยที่สุด  AS จะพอเข้าใจบ้าง แต่จะเป็นคนพูดทิ่มแทงได้มากและบ่อยที่สด)

กลุ่มย่อยที่ AR เยอะๆ จะสนุกสนาน ความคิดบรรเจิดมาก แต่งานจะไม่ค่อยเสร็จ เรื่องกำหนดเวลา เป็น concept ที่ AR ไม่สามารถเข้าใจได้เลย จะไม่เข้าใจว่า "เวลา" มันเกี่ยวอะไรกับการที่คนเรียนรู้ได้ ฉะนั้น AR ทำงานคนเดียวจะมีปัญหา แม้แต่การเลือก choices  1 จาก 5 ก็ยังเลือกไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจ

AR จะเป็นคนปลอบประโลมเพื่อนเมื่อท้อแท้ เป็นคนเอาขนมมาเลี้ยงเมื่อเสร็จงาน เป็นคนจำวันเกิดเพื่อนได้ และเอา surprise cake มาเลี้ยงในกลุ่มทำงาน AR ที่มี self ดี จะรุ่งเรืองมาก และจะตรงกันข้ามกับ AR ที่ self ไม่ค่อยดี มี defect ด้าน IQ หรือ communication skill ก็จะทุกข์ได้มากขึ้น เพราะไม่ทราบว่าจะแสดงออกอย่างไร

ในผู้นำ 4 ทิศ AR ก็จะเหมือน หนู มากที่สุด จอม emotional ผู้น่ารัก

Concrete Random (CR)

CR จะมีปัญหาในการทำงานที่ต้อง อธิบาย และงานที่ถูกประเมินการแสดงออก เพราะสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับ CR ในศีรษะนั้น แม้แต่ตนเองก็อธิบายไม่ได้ ในกลุ่มที่มี CR อยู่ จะใช้งานได้ดีที่สุด ถ้าเถียงกันแล้ว ข้อมูลมหาศาล หาข้อสรุปไม่ได้ ให้ถาม CR ว่าเอายังไงดี CR สามรถจะ pick อะไรบางอย่างที่สำคัญออกมาจากข้อมูลมากมายสับสนนั้นได้

CR จะเป็นเจอเป็นผู้นำองค์กรขนาดใหญ่หลายๆที่ คนไม่ทราบว่าท่านคิดยังไง ตัดสินจากอะไร แต่มักจะคิดถูก ตัดสินถูกต้อง และเมื่ออยู่ในตำแหน่งแบบนั้น ก็จะไม่มีคนถามแล้วว่าคิดมาได้ยังไง หรืออธิบายหน่อย ผู้นำองค์กรแบบนี้มักจะต้องตัดสินเรื่องราวจากข้อมูลมหาศาล หรือไม่ก็ข้อมูลที่ไม่เพียงพออยู่เป็นประจำ จริงๆแล้วมีคนทำวิจัยแล้ว พบว่าการตัดสินใจของ CEO ระดับใหญ่ๆนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดสินจากข้อมูลที่ครบถ้วน แต่มักจะมาจากสิ่งที่เรียกว่า gut instinct หรือ intuition มากกว่า

ในผู้นำ 4 ทิศ CR คงจะมี กระทิง เยอะสุด และบุคลิกที่ออกมาขึ้นอยู่กับ communication skill และ self ซึ่งเป็นคนละระบบที่ไม่เกี่ยวกัน 

ปกติในกลุ่มทำงาน เราก็จะมีบุคลิกลักษณะต่างๆข้างต้นปนไปปนมา และในคนๆหนึ่งก็อาจจะมี traits หลายๆอย่างปนกันก็ได้ และทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตาม development หรืองานของแต่ละคน บางคนตอนทำงานก็จะไม่ได้ใช้ "ความถนัด" แต่ใช้ตาม "ความจำเป็น" แทน ดังนั้น learning style อาจจะไปออกตอนงานอดิเรกแทนก็มี

หลักการใช้อาจจะแค่ รู้เขา รู้เรา ก็ทำให้มีความสุขขึ้นมาได้บ้าง เช่น อ๋อ หมอนี่พูดเรื่อยเปื่อย คนเป็น AR อาจจะพูดอะไรที่เกี่ยวข้องแต่เราฟังไม่รู้เรื่อง (เพราะเราเป็น CS นั้นเอง) หรือถ้าจะให้ใครเชื่อมโยงก็ต้องถาม AS และ AS เองพุดอะไรไปก็จะเริ่มสังเกตสีหน้าท่าทางของเพือนหนูๆ หรือ AR ว่าเริ่มเกิด emotional breakdown ไปบ้างหรือยัง เมื่อไหร่กลุ่มอยู่ใน chaos มากๆ ก็อาจจะถึงเวลาผู้นำหมี หรือ CS มา take over และ get job done แล้วก็ได้

หมายเลขบันทึก: 90346เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2007 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 14:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
อ่านสนุกค่ะ คุณ  Phoenix อ่านแล้วมี imagine เวลาเราอยู่ในกลุ่มคนเยอะๆดีค่ะ ทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นได้ดีขึ้น

ตอนเราให้นักศึกษาทำ แล้วค่อยๆเฉลยที่ละแบบ นักศึกษาก็คุยกันเหมือนผึ้งแตกรังเลยครับ

"อ๋อนี่แกเป็น AR นี่เอง ชั้นเลยไม่เคยฟังแกรู้เรื่องเลย"

"อ้อ... แก CR หรอกเหรอ ชั้นนึกว่าแกเป็นใบ้ซะอีก"

"หา นี่กลุ่มเรามี AS 5 คนหรอกเหรอเนี่ย มิน่ามันถึงได้เกือบจะฆ่ากันทุกที"

"เอ... เรามี AR อยู่ครึ่งนึง มิน่า เราทึ้งได้ทำไม่เคยเสร็จตรงเวลาสักที"

"แกนี่เอง CS มิน่ามันนั่งจดทุกอย่าง แม้แต่อาจารย์กระแอมก็ยังจดไปเลย ตูแกะ lecture มันตั้งนาน อะไรวะ เดี๋ยว อะแฮ่ม ฮึ่ม เรานึกว่าภาษาอะไร"

ฯลฯ

เดี๋ยวนี้ผมคุยกับใครสักพัก ก็จะเริ่มวิเคราะหฺโดยไม่รู้ตัวเวลาได้ยิน remark อะไรเด่นๆตามลักษณะ ก็จะแอบยิ้มในใจ อ๋อ type นี้กำลังแสดงตัว เวทีที่สนุกที่สุดก็ที่ประชุมกรรมการคณะแพทย์นั่นแหละครับ ออกมาหลากหลายรูปแบบลักษณะมากๆเลย

ARCR นี่เป็นยังไงอะครับ

ก็ random สุดๆไปเลย คนจะเข้าใจยากมาก แต่จะอ่อนไหว และมีระบบความคิดของตนเอง แต่ยากที่จะนำเสนอให้นคนอื่นรู้เรื่อง อารามที่มักจะโดดไปโดดมา และไม่ถนัดในการเรียบเรียงออกมาเป็นลำดับขั้นตอน

อิอิ ว่าทำไมผมพูดคนอื่นฟังไม่รู้เรือ่ง

ขอบคุณครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท