ถ้าหากท่านได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่เคยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 ซึ่งได้รับการรักษา(หมอบอก)ว่าหายแล้ว แต่ปรากฏว่าเขายังมีอาการไออยู่ตลอดเวลาที่ท่านคุยด้วย เมื่อสอบถามก็บอกว่ายังมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วยเป็นบางครั้ง ทำให้เกิดข้อกังขาว่า...หลังการรักษาไข้หวัด2009 ...ว่าหายแล้วจริงหรือ? ทำไมยังมีอาการไออยู่ล่ะ...แล้วเราจะมีโอกาสติดเชื้ออีกหรือไม่? ....ลองตามมาดูคำตอบกันค่ะ.
เมื่อป่วยและได้รับการรักษา เมื่อกลางเดือนก.ค. ที่ผ่านมากเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่2009 ระบาดหนักช่วงหนึ่ง ซึงตอนนั้นผึ้งงานเองก็ป่วย(ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา)เหมือนกัน แต่เพื่อนของผึ้งงานทำงานอยู่ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสัมผัสผู้ป่วยที่มารับการตรวจไข้หวัดใหญ่2009 และได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 เริ่มจากมีอาการไอและมีไข้ขึ้นสูง 38 องศาอยู่ 2-3 วันเมื่อรับการตรวจปรากฏว่าเป็นไข้หวัดใหญ่2009จริง และได้รับการรักษาด้วยยาโอเซลทามีเวียร์ หมอสั่งให้พัก 5 วันพร้อมให้อยู่บ้าน เมื่อยาหมดปรากฏว่ายังไอยังคงอยู่ หมอจึงให้พักต่ออีก 3 วัน ก็กลับมาทำงานตามปกติ ซึ่งเพื่อนไม่มีโรคประจำตัว อยู่ในวัยที่แข็งแรง จึงดูไม่เป็นอะไรมากและก็หายไข้แล้ว
หลังการรักษา ปรากฏว่าเมื่อไปทำงานตามปกติ เพื่อนผึ้งงานยังมีอาการไอแต่ไม่มีไข้ในวันแรกๆ แต่ก็ไม่มากนักซึ่งก็ยังใช้ผ้าปิดจมูก แต่ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้(อยู่ดี) พอวันต่อมา...และต่อมา..มีอาการไอมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อนร่วมงานก็ทักว่าทำไมไอมากกว่าเดิม เมื่อได้โทรคุยกันจึงบอกให้เพื่อนไปพบหมอ(ที่ทำงานของเขาเอง)อีกครั้ง ซึ่งหมอไม่ได้ x-ray ดูทั้งก่อนและหลังการรักษา เพียงแต่บอกว่ากินยาครบหายแล้วและใช้หูฟังดูปอดเล็กน้อยแล้วบอกปกติ คนไข้ถามถึงอาการไอที่เกิดขึ้น หมอบอกว่าคงเกิดจากคออักเสบและให้ยาแก้คออักเสบมากิน 3 วัน โดยไม่ยอม x-rayดูปอดว่าเคลียร์ไหม?ซึ่งเพื่อนก็อยากรู้แต่หมอบอก..ไม่ต้อง ซึ่งจริงๆแล้วเพื่อนผึ้งงานบอกว่าไม่ได้มีอาการเจ็บคอหรือคออักเสบแต่อย่างใด แต่อาการไอนั้นมันเกิดจากแรงขับซึ่งออกมาจากปอด สะท้อนออกมา
ความสงสัย...ทั้งคนไข้และผู้ที่อยู่รอบข้าง... การให้ข้อมูลที่ไม่กระจ่างของแพทย์ผู้รักษา ส่งผลกระทบทำให้ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 สับสนว่า ตัวเองหายขาดแล้วหรือยัง? (เนื่องจากกลัวว่าถ้าเกิดการดื้อยาและปอดยังมีเชื้ออยู่จะส่งผลเสียตามมาได้) ซึ่งจากการไปพบแพทย์(ที่เดิม)อีก4 ครั้ง เนื่องจากความไม่แน่ใจในอาการไอที่ยังไม่หายขาด แต่ได้คำตอบเดิม จากการป่วยตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ถ้านับถึงตอนนี้ก็ร่วม 3 อาทิตย์แล้ว อาการไอยังคงอยู่ ทำให้กลัวว่จะเกิดการดื้อยาแล้วไม่หายขาดและ ทำให้เธอต้องตกเป็นเป้าคำถามว่า...เธอหายขาดแล้วหรือยัง?...ส่งผลทำให้เพื่อนร่วมงานและคนรอบข้างไม่กล้าอยู่ใกล้เพราะความไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสติดเชื้อหรือไม่ ?(ทั้งๆที่ได้รับการรักษาแล้ว) ส่งผลทำให้ความมั่นใจและสุขภาพด้านจิตใจก็หวั่นไหวไปด้วยความวิตกกังวล
ไปตรวจที่ร.พ.รามา ศูนย์ไข้หวัดใหญ่2009 ซ้ำอีกครั้ง เมื่อไม่ได้คำตอบที่ทำให้เกิดความมั่นใจ ผึ้งงานก็แนะนำให้เพื่อนมาตรวจซ้ำที่ร.พ.รามาศูนย์ไข้หวัดใหญ่2009 ซ้ำอีกครั้ง ทำให้พบว่า...ที่นี่มีคำตอบ.... จากการที่เล่าอาการพร้อมการรักษาก่อนหน้านี้และอาการไอที่ยังเกิดขึ้นอยู่ให้หมอทราบ คุณหมอก็ตรวจซ้ำพร้อมทั้งสั่ง x-ray ดูปอด ซึ่งคุณหมอก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนดังนี้
ถาม: อยากทราบว่าตอนนี้...หายแล้วหรือยังคะ?
ตอบ: จากการ x-ray และการตรวจพบว่า...ตอนนี้คุณได้หายแล้ว เนื่องจากผลปอดเคลียร์
ไม่มีการติดเชื้อหลงเหลืออยู่แล้วค่ะ
ถาม: อาการไอที่ยังเกิดขึ้นอยู่ เกิดจากอะไรคะ?
ตอบ: เกิดจากอาการข้างเคียงที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 ซึ่งอาการไอนี้จะเกิดขึ้นอีกระยะ
หนึ่ง แล้วจะค่อยๆหายเป็นปกติ คุณไม่ต้องกังวลค่ะ แต่จะหายช้าเนื่องจากต้องใช้
เวลาสักระยะหนึ่ง
ถาม: ถ้าไออย่างนี้ แล้วจะมีโอกาสแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นหรือไม่คะ?
ตอบ: ไม่มีค่ะ เนื่องจากไม่มีเชื้อแล้ว เหลือแต่อาการข้างเคียงเท่านั้น ถ้าเวลาไอ คุณ
สามารถจิบยาแก้ไอให้บรรเทาอาการได้ และให้พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วรักษา
ร่างกายให้แข็งแรง คุณก็จะปกติในเร็ววันค่ะ.
เกิดรอยยิ้มหลังกังวลมานาน เรื่องราวก็จบลงหลังจากการรักษาเกือบ 10 วันและการถูกสงสัยจากคนรอบข้างที่ไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้เสียสุขภาพจิตในการวิตกกังวลอีก 11 วัน (รวมเป็น 21 วัน) ทำให้ทุกอย่างกระจ่างและมีรอยยิ้มและเสียงดีใจของเพื่อนที่โทรมารายงานว่า ตอนนี้ฉันสบายใจว่าหายแล้ว...จริงๆ ....
การพูดคุยทำความกระจ่าง เป็นสิ่งที่คนไข้สงสัยและอยากรู้...ซึ่งสิ่งนี้คุณหมอควรเข้าใจคนไข้เช่นกัน และเรื่องนี้บุคลากรทางการแพทย์ควรจะมีข้อแนะนำหรือคำอธิบายสำหรับคนป่วยด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจ จะได้ไม่เกิดข้อสงสัยเหมือนที่เล่ามาค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี มีสุขภาพดีถ้วนหน้าและปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่2009 ค่ะ.
เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมอีกแบบหนึ่งครับผม
สวัสดีค่ะคุณพชร
· ผึ้งงานคิดว่าเรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ คงจะมีประโยชน์บ้างในคนที่กำลังสงสัย...คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งคนที่พบปัญหานี้อยู่ค่ะ.
· ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.
สวัสดีค่ะคุณหมออัจฉรา
· ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยจากไข้หวัด 2009 ค่ะ
· ขอบพระคุณที่ท่านแวะมาเยี่ยมค่ะ.
อ่านแล้วมีประโยชน์มาก ๆ ค่ะ
ทำให้รู้สึกเข้าใจและลดความกังวล
ต่อการไม่สบายเป็นไข้หวัดได้ดีทีเดียว
และขออนุญาตระบายบ้างนะคะ
สัปดาห์ที่ผ่านมาครูแอ้ก็มีกังวลกับอาการไข้ ปวดหัวรุม ไอแห้ง ๆ
อยู่ในพื้นที่ที่มีคนเป็นไข้หวัด 2009
และเสียชีวิตเป็นข่าวจำนวนหลายคน
ก็เลยไปหาหมอที่อนามัยได้ยามาทาน
แต่ยังคงมีอาการเหนื่อยและเหงื่อออกและไอ
ผ่านไป 3 วัน ไปหาหมออีกครั้งที่คลินิค
กลับเจอหมอที่ไม่ช่วยให้คลายกังวลใจ
แค่ส่องไฟในปาก ไม่ฟังการหายใจ
ให้ยามาทานเป็นยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดหัว
ยาเม็ดเหลือง ๆ อีกนิดหน่อย
ก็เลยทานแต่ยาของหมอที่อนามัยต่อ
โดยไม่เสียดายสตางค์กับยาหมอคลินิค
วันอาทิตย์อาการดีขึ้นก็เลยเดินทางกลับโดยรถทัวร์
แบบ VIP 24 ที่นั่งด้วย สิ่งที่พบบนรถทัวร์แคบ ๆ
คนปกติส่วนใหญ่ใช้ผ้าปิดปาก
แต่คนที่ไอจามกลับไม่ยอมใช้ผ้าปิดปาก
ผลที่ตามมาวันจันทร์ทั้งวันครูแอ้ตัวรุม ๆ จามตลอดทั้งวันอีก
จนลูกศิษย์เป็นห่วง แม้ครูแอ้จะยังใช้ผ้าปิดปาก
แต่ก็ไม่ยอมเข้าใกล้ใคร ๆ จนอาการดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น
สวัสดีค่ะครูแอ้
· คนที่ติดหวัด 2009 ก็โชคร้ายพอแล้ว พอหายแล้ว...ยังมีสังคมรอบด้านหวาดระแวงกลัวติดหวัด ไม่กล้าเข้าใกล้อีก...น่าสงสารจัง...เลย..เน้อ...
· ผึ้งงานเลยนำบทความนี้ มาช่วยอธิบายแทนเพื่อนๆเหล่านี้ค่ะ
· ครูแอ้สบายดีขึ้นแล้วหรือยังคะ? ...ขออวยพรให้สุขภาพแข็งแรง หายป่วยไวๆนะคะ
· มีหลายคนที่ไปหาหมอตั้งแต่ป่วยใหม่ๆ แต่แพทย์ตรวจไม่ละเอียดและไม่ให้ความสำคัญในอาการที่เล่าให้ฟัง เลยแปลผลพลาด(ฟังคนไข้น้อยไป) พอไปตรวจอีกครั้ง ก็พบว่าติดหวัด 2009 ไปแล้ว อาการเลยเกือบแย่ ทั้งๆที่ไม่ได้ประมาทในอาการที่เฝ้าระวังเลย
· บนรถประจำทาง มีคนไม่น้อยที่ไม่ยอมใช้ผ้าปิดปาก แล้วไอ-จามรดคนอื่น โดยไม่ระวัง ทำให้คนที่อยู่รอบๆข้างเกิดอาการ ไม่สบายใจ บางคนก็เอากระดาษมาปิดจมูก บางคนก็ใช้ผ้าเช็ดหน้า ปฏิกิริยาเหล่านี้บ่งบอกถึง เราไม่รับผิดชอบสังคมร่วมกัน จึงทำให้มีโอกาสติดโรคกันได้ง่าย
· ผึ้งงานก็พบบ่อยบนรถเมล์ ที่คนใช้ผ้าปิดปากกลับเป็นคน(ปกติ)ที่กลัวติดเชื้อ แต่คนที่ไอ-จาม(แพร่เชื้อให้คนอื่น) ไม่ยอมปิดปากเลย ทำไม?....หนอ...?
· ขอบคุณที่คุณครูแอ้ นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง ทำให้คนอื่นๆได้เรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งมีประโยชน์มากค่ะ หายป่วยไวๆนะคะ นำดอกไม้มาเยี่ยมด้วยค่ะ.
· ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.
แวะมาทักทายพร้อมได้ความรู้
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมขอรับ..
นมัสการค่ะ
· การส่งต่อความรู้เป็นสิ่งที่มีประโชน์และมีคุณค่าค่ะ
· ขอบพระคุณที่ท่านเมตตามาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีค่ะคุณธรรมทิพย์
เป็นข้อมูลและขอเสนอแนะที่ดีมากครับ
สวัสดีค่ะคุณเบดูอิน
ผมเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับเชื้อ 2009 และได้ไปรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
หมอให้พักรักษาตัวประมาณ 5 วัน ก็อนุญาตให้กลับมหาพักที่บ้านต่อ ตนเองไม่มีอาการไข้
หรือไอ แต่อย่างใด ไม่ปวดหัว แต่มึนด้านท้ายทอย เหมือนกับหัวยังไม่เปิดยังหนัก ๆ อยู่
หรือว่ายังไม่หายดี ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจว่าตนเองหายหรือไม่
แต่พอได้อ่านเรื่องนี้ของผู้มีประสบการณ์แล้ว รู้สึกหายกังวลไปมาก ผมลืมบอกไปว่าแฟนผม
ก็ติดเชื้อเหมือนกัน เธอกลับมาพร้อมผม แต่อาการของเธอยังไอ ปวดหัวเล็กน้อย มึน ๆ อยู่ อย่างนี้ต้อง
ไปพบหรือเปล่าครับ เพราะเธอกังวลมาก กลัวไม่หาย หรือยังมีเชื้ออยู่
สิ่งที่ได้วันนี้ เป็นประโยชน์มากครับ และขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงทุกคน
ปราศจากหวัด 2009 ทุกคนครับ
สวัสดีค่ะคุณMR.C