ความใจร้อน ใครๆก็รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี
มีแต่โทษ แต่มันก็ยังอยู่คู่กับคนเสมอ ฉันก็เหมือนกัน
พยายามหาวิธีต่างๆมาทดลอง แต่มันใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น
มาตอนหลังนี้ได้ค้นพบวิธีหักดิบความใจร้อน
ได้ผลดีและส่งผลระยะยาวกลายเป็นคนใหม่
- พยายามค้นหาความรู้ ที่จะทำให้เป็นคนใจเย็น
เหมือนมีหยินก็ต้องมีหยาง จนค้นพบว่าการทำอะไรที่เร็วๆ
ต้องเบรคด้วยการทำอะไรที่ช้าๆ
ก็เลยค้นพบว่าจะไปเรียนแกะสสลักผักและผลไม้ซึ่งขัดกับบุคลิกอย่างมากๆ
ซึ่งอาจจะเริ่มมีคนไม่เห็นด้วย
-
แสวงหาความรู้ เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ โดยไปหาที่เรียนวิทยาลัยในวัง
โดยมีการสอนวิธีแกะสลัก
ความรู้เริ่มจากศูนย์ไม่มีความรู้เลยเป็นการยากมาก ที่จะหักดิบความใจร้อนได้
แต่ก็พยายาม
- เมื่อมีการเข้าถึงความรู้ได้
ก็เริ่มเห็นว่าเราก็สามารถทำใจนิ่งอยู่กับสิ่งตรงหน้า
การใช้มีดซึ่งมีความคมมาก ในการแกะสลักผักและผลไม้
ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
ดังนั้นทำให้เราต้องจดจ่อกับงานรู้จักปรับใจให้มีความเย็นลงได้อย่างเหลือเชื่อ
- เมื่อสามารถทำได้ มันมีความภาคภูมิใจ
กลั่นป็นความรู้สะสมอยู่ในตัวเรา
เหลือแต่ฝึกทำให้เกิดความชำนาญ
ซึ่งถึงตอนนี้น่าแปลกมากว่าความใจร้อนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
- การแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันก็เริ่มขึ้นในสาขานี้
ในผู้ที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันใครมีแบบใหม่ๆสวยๆกก็มาแชร์กัน
เริ่มมีชมรมแกะสลักผักและผลไม้ มีการทำกิจกรรมร่วมกันใน
- การเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง
หาวิธีการใหม่ๆมาทดลองทำและได้มีการนำความรู้ไปใช้ในวันสำคัญต่างๆเช่น
งานทำบุญขึ้นปีใหม่ งานกิจกรรมของวิทยาลัยในวังและวันทำบุญต่างๆ
ของหน่วยงานได้นำผักผลไม้แกะสลักไปร่วมงาน เพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทย
ทำให้เกิดสีสรรค์ของงาน
- ไม่น่าเชื่อว่าแค่อยากเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของตัวเอง
สามารถทำให้เกิดความรู้ใหม่และนำไปใช้ประโยชน์ได้
จากการทำอารมณ์ให้ตรงข้ามกับสิ่งที่ไม่ต้องการและไม่เคยทำ
ใครจะเชื่อว่าการแกะสลักผักและผลไม้ซึ่งต้องใช้ความละเอียดอ่อน
และจดจ่อกับการแกะสลักซึ่งใช้ของมีคมจะสามารถระงับความใจร้อนได้
เกิดสมาธิจากการทำงานด้วย
- เมื่อมีโอกาสก็ได้ชวนเพื่อนๆมาเรียนหลายคนแล้ว
ปรากฏว่าได้ผลจริงๆ เมื่อมาเรียน KM
จึงได้รู้ว่าขั้นตอนที่ตนเองค้นหานั้นก็คือ KMในด้านจิตใจนั่นเอง.