ทดลองตายมาแล้ว......อยากเล่า...


เบื้องหลังความตาย ให้อะไรน่าคิด ?......

       พูดถึงเรื่องความตาย ใครๆคงไม่อยากให้เกิด แต่ถ้าหากว่าคุณมีโอกาสทดลองตาย.....คุณจะกล้าไหม?  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ ร.พ.สงฆ์ ในงานวันอะไรก็จำไม่ได้แล้ว    ใกล้สิ้นปี 49 นี้เอง ซึ่งหัวข้อที่พูดส่วนมากเกี่ยวกับ จะช่วยผู้ป่วยใกล้ตายได้อย่างไร? ซึ่งผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจะน่าสงสารมากทั้งที่รู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ตาม ในงานนี้เขามีนักพูดชื่อดังมาพูดหลายคน ซึ่งรวมถึง อ.พัลลภซึ่งเป็นนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยจุฬาฯ ซึ่งเป็นวิทยากรนำทำ Workshop ทดลองตาย

     ณ. ห้องประชุมใหญ่ชั้น 9  ไม่น่าเชื่อมีคนกล้าทดลองตายเกือบร้อยคนเหมือนกัน ฉันไม่ได้กล้าแต่อยากเรียนรู้ บรรยากาศในห้องเงียบมากและเย็นเฉียบ มีแต่เสียงพิธีกรเท่านั้นที่ก้องกังวาน มีเสียงตัวโน๊ตดนตรีคลอเบาๆ ทุกคนให้หลับตาลงเบาๆ ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วนึกภาพว่าตัวเองตอนนี้นอนอยู่ในห้องนอนที่บ้าน แล้วนอนลงบนที่นอน..นอนหลับอย่างมีความสุข

     แต่แล้ว...เรากลับรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเรามายืนมองตัวเราที่นอนอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่?  ทำไมมีตัวเราสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างเตียง อีกคนหนึ่งนอนบนเตียง เอ้า...นั่นใครมาล่ะ...พี่มาก็ร้องไห้  แม่มาก็ร้องไห้  ญาติพี่น้องมาก็ร้องไห้ เพื่อนก็ร้องไห้ ...ร้องไห้กันทำไม? ฉันไม่ได้ตายซักหน่อย...ทำไมไม่มีใครสนใจฉันเลย  นี่..จะเอาตัวฉันไปไหนกัน ตัวฉันถูกนำมาไว้ที่วัด  นี่ฉันตายไปแล้วจริงหรือ?  เสียงพระเริ่มสวด...เสียงกังวานก้องไปทั่ว...นี่ฉันตายไปแล้วจริงหรือนี่  คุยกับใครก็ไม่มีใครสนใจ  ไม่มีใครได้ยิน....มีเพื่อนสนิทมางานศพ คนที่เคยโกรธกันมันก็มาด้วยหรือนี่  เขาร้องไห้ให้ฉันด้วยหรือ? เขาเลิกโกรธฉันตั้งแต่เมื่ไหร่? ...เอ้าโน่นแม่เป็นลมอีกแล้ว พ่อแอบยืนน้ำตาซึม..วันสุดท้ายแล้วซินะ....ที่เขาจะนำไปเผา นี่ฉันได้ตายไปแล้วจริงๆหรือนี่...เสียงเพลงพญาโศก บรรเลงได้โศกไปถึงใจฉันจริงๆ  ฉันรู้สึกสบสน..เคล้งคว้าง..ใจหาย..โดดเดี่ยว..กลัวเหลือเกิน..ฉันกำลังจะถูกเผาหรือนี่
..ฉันตายไปแล้วจริงๆ ฉันฝันไป..ใช่...ฉันต้องฝันไปแน่ๆ ..ตื่นซิ....ฉันยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง  ฉันจะตายได้อย่างไร?

       ได้โปรด.....อย่าเป็นความจริง....เป็นความฝันเถอะ  ฉันจะได้กลับมาแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ  ฉันยังไม่ได้บอกรัก  ..พ่อแม่เลย..ฉันยังไม่ได้คืนดีกับเพื่อนเลย  ฉันยัง.........ไม่ได้ทำอะไรหลายอย่างให้คนทีฉันรักและคนที่รักฉัน...และแล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาว่า...จงตื่นขึ้นเดี๋ยวนี้.! ...เสียงหนักแน่น มั่นคง  จงตื่น...ค่อยๆลืมตา...ลืมตา..สติกลับมาสมบูรณ์..สติกลับมาแล้วสมบูรณ์...ลืมตาได้..   เมื่อลืมตาแล้วฉันก็ตั้งสติว่า...ทำไมเสมือนจริงเหลือเกิน...

        ถ้าหากว่า.....เหตุการณ์เหล่านี้ มันไม่ใช่ฝัน..ไม่ใช่ทดลองตาย..แล้วสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำอีกตั้งหลายอย่าง ใครจะรู้?  จะบอกใครล่ะ?  แล้วคุณล่ะ...ตอนนี้มีโอกาสที่ยังทำอะไรได้อีกมากมายกับคนที่คุณรัก รีบทำเถิด....จงอย่าประมาท อย่าคิดว่าคุณยังมีเวลาอีกมากมาย  สมมุติ ถ้าเกิดว่าคุณเหลือเวลาอีกวันเดียวที่จะมีชีวิติอยู่?  ....คุณจะทำอะไร?   ลองคิดดูนะคะ   ลองหาคำตอบให้ตัวเอง.
...

หมายเลขบันทึก: 84953เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2007 23:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 11:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

น่ากลัวมากเลยพี่ผึ้ง แต่คนเราทุกคนต้องมี "มรณานุสิต" ค่ะ ตัวเองมีประสบการณ์เหมือนกันค่ะตอนคุณพ่อเสียก็อยู่กับคุณพ่อจนกรทั่งคุณพ่อหมดลมหายใจ แต่ทราบว่าท่านคงจะรับรู้นะค่ะ....นี้แหละชีวิต ต่อให้ยากดีมีจนแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นความตายค่ะ...อย่าใช้อย่างประมาทนะค่ะ

 อ.เอ๋

อยากเตือนสติเพื่อนๆ ว่าไม่ควรละเลยที่จะดูแลคนที่คุณรักและคนที่รักคุณ จะได้ไม่มานึกเสียใจภายหลังว่าไม่มีโอกาสได้ทำ   คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าวันนั้นไม่ตื่นขึ้นมา คงเสียใจมาก.

ในขณะที่ชาวตะวันตกพยายามค้นหาว่า "ทำอย่างไรจะไม่ต้องตาย" แต่เราชาวตะวันออกกลับเข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี

คำตอบที่ค่อนข้างจะดูเหมือนกวน ๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของชาวอินเดียก็คือ

"ไม่ต้องเกิดไง จะได้ไม่ต้องตาย"

เห็นด้วยกับคุณอุทัยนะคะ มีคนกล่าวว่ายิ่งเราใกล้ชิดธรรมชาติมากเท่าใด ก็ทำให้เข้าใจธรรมชาติมากเท่านั้น ใจคนกับธรรมชาติแท้จริงแล้วคือสิ่งเดียวกัน ท่านพุทธทาสกล่าวไว้เช่นนั้น   ชาติตะวันตกเจริญด้านวัตถุ  จงภูมิใจเถิดว่าทางเอเชียเราเจริญด้านจิตใจ  คุณคิดเหมือนกันไหมคะ?

  • เกิดว่าคุณเหลือเวลาอีกวันเดียวที่จะมีชีวิติอยู่?  ....คุณจะทำอะไร? 
  • อย่างแรกที่จะทำคือไปกราบขอบคุณพ่อกับแม่ที่เลี้ยงดูมาจนโตค่ะ ... หากมีบูญร่วมกันขอให้ได้มาเป็นลูกของท่านอีก
  • อย่างที่สองจะขับรถไปหาใครบางคนที่ยังคงรักเค้ามาก...และจะบอกเค้าว่าจะรักเค้าตลอดไป...หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ดูแลซึ่งกันและกัน...รักกัน...อย่าได้พลัดพรากจากกันอีกเลย
  • อย่างที่สามจะใช้เวลาที่เหลือบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นให้ได้มากที่สุดค่ะ

สวัสดีค่ะครูอ้อ

  • ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนึกถึงคุณพ่อคุณแม่คุณเป็นอันดับแรก สุดยอดมากเลยค่ะ
  • ถ้าท่านได้ยินคงภูมิใจในตัวคุณมากค่ะ ฟังแล้วชื่นใจแทนค่ะ
  • ขอให้ความรักของคุณสมหวังตลอดไปค่ะ
  • คุณจะใช้เวลาเหลือบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นแม้นาทีสุดท้าย ....จิตใจคุณช่างงดงาม
  • ขอชื่นชมจากใจค่ะ.
  • ดีใจมากที่แวะมาเยี่ยมและมอบความรู้สึกที่ดีๆให้ค่ะ.

ได้อ่านบทความนี้แล้ว ก็อยากให้ท่านที่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ให้นึกถึงท่านและปฏิบัติบูชากับท่านให้ดีๆ อย่าผลัดวันที่จะตอบแทนและดูแลท่านให้ดีที่สุด มิฉะนั้นท่านทั้งหลายก็จะเหมือนอย่างดิฉัน ที่มัวแต่ทำงานเสาร์อาทิตย์ก็ไปทำงาน ช่วงนั้นก็งานยุ่งมากเนื่องจากมหาลัยเพิ่งเปิดเทอม....ขณะอยู่ที่ทำงาน..วันนั้นน้องชายโทรมาบอกคุณพ่อ "หัวใจหยุดเต้นไปสองนาทีแล้ว"เราก็คิดว่าคงปั๊มหัวใจได้ ไม่เป็นไรหรอก..บอกน้องว่าเดี๋ยวไป..พี่ติดงานอยู่..ปรากฎว่า..วันนั้นคือวันที่"คุณพ่อจากพวกเราไปเสียแล้วอย่างไม่มีวันกลับ..จริงๆ"และสิ่งที่ทำให้ดิฉันคิดว่าความตายนั้น ความจริงอยู่ใกล้ๆเรานี้เอง เมื่อไรไม่มีใครรู้เลยจริงๆ..และสิ่งที่ทำให้ดิฉันต้องระลึกเสมอคือต้องรีบตอบแทนพระคุณมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ผลัดวันและต้องพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อท่าน ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายอย่าผลัดวัน อย่ารอเวลา มิฉะนั้น ท่านทั้งหลายอาจเสียใจไปตลอดชีวิต..อาจจนถึงวันตายของเราเลยก็ได้..เหมือนอย่างที่ดิฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้ คือทุกวันนี้ก็จะคิดเสมอ..ว่า ตอนคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ทำไมเราถึงไม่รีบตอบแทนพระคุณท่านให้มากๆและให้ดีที่สุด เพราะถ้าเราทำดีที่สุดแล้วเราคงไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว..ขนาดนี้..ฝากทุกท่าน..อย่าลืมปฏิบัติบูชากับพระอรหันต์ที่บ้านนะคะ..

สวัสดีค่ะคุณ Pจิรประภา หมู มากลิ่น

  • ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาให้ความคิดเห็นที่มีคุณค่า เพื่อย้ำเตือนใจกัลยาณมิตร
  • ไม่ให้ทำงาน.....จนลืมสิ่งที่สำคัญในชีวิต...ที่ควรนึกถึงและให้ความสำคัญต่อพระอรหันต์ที่บ้าน
  • ยินดีมากค่ะที่แวะมาเยี่ยม...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ.

พี่ผึ้ง ... รู้ซึ้งสุดยอดเลอะ

สวัสดีค่ะน้องเจี๊ยบ

                  M56684

  • ภาพนี้ให้ความหมายได้หลายแง่มุม เมื่อมองแล้วทำให้นึกถึงบรรยากาศท่เวลารู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก
  • การทดลองตาย แล้วได้มีโอกาสมาเล่า...จึงเป็นบทเรียนที่ดี
  • อย่ารอจนกว่าไม่มีเวลาแล้วมาคิดว่า ยังไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง...
  • ซึ่งอาจไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกเลย
  • พี่ก็พยายามใช้เรื่องนี้เตือนตัวเองเสมอ....
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ. 

สวัสดีค่ะท่านผู้เยี่ยมชมทุกท่าน

           

·       อยากให้ท่านได้อ่านหนังสือของคุณดังตฤณ เรื่อง ...เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน...

·       แล้วท่านจะรู้สึกว่า ก่อนตายท่านควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?

·       มาเจอภาพกระดูกคู่...จึงนำมาเตือนใจ...เนื้อคู่..กระดูกคู่ สุดท้ายก็ยังคงวนเวียนอยู่ในวิบากกรรม..เช่นกัน.

สวัสดีค่ะทุกท่าน

  • พบภาพนี้ทำให้คิดว่า แต่ละศาสนาก็มีเครื่องใช้เตือนใจเหมือนกัน ทำให้จะได้ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท...

                     

  • สวัสดีค่ะ คุณผึ้งงาน
  • อ่านแล้วได้ข้อคิดเตือนใจ  "ตายก่อนตาย"
  • วันนี้ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าดีกว่าเสียดายวันเวลาของชีวิต
    เมื่อความตายเข้ามาถึงนะคะ

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านเรื่องราว

เตือนใจได้ดีมากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

หลับฝันดีค่ะ^__^

เกิด แก่ เจ็บ ตาย อนิจจัง

สวัสดีค่ะคุณธรรมทิพย์P

  • วันนี้ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าดีกว่าเสียดายวันเวลาของชีวิต
    เมื่อความตายเข้ามาถึงนะคะ.... 
  • ผึ้งงานเห็นด้วยอย่างมากค่ะ จากประสบการณ์การทดลองตายที่เล่ามาแล้วนั้น ทำให้รู้สึกว่ามันเคว้งคว้าง และรู้สึกกลัว เวลาที่หมดไปเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ...สิ่งที่ไม่ได้ทำมีอะไรบ้าง?...
  • ต้องมาทบทวนชีวิตที่เหลืออยู่....
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.

สวัสดีค่ะคุณต้นเฟิร์นP

  • การช่วยกัน...เตือนสติซึ่งกันและกันในการดำรงชีวิต
  • ถือว่าเป็นการโชคดีที่มีกัลยาณมิตร...
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและได้กัลยาณมิตรเพิ่มอีกคนค่ะ.

สวัสดีค่ะคุณวันเพ็ญ P

  • ชอบภาพดอกบัวมากค่ะ
  • ทำให้นึกถึงอารมณ์...คนเรานั้นมักหวั่นไหวเหมือนเงาของดอกบัวในน้ำ
  • ยามใดหวั่นไหว...ก็จะพบแต่ความทุกข์
  • ยามใดรู้เท่าทัน...ก็จะพบกับความสุข...ดั่งดอกบัวงามที่ชูความงามอวดสายตาให้ได้ชื่นชม
  • แต่สุดท้าย...มันก็อนิจจัง...
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ.

ผมมีโครงการจัดสถานศึกษาเกี่ยวกับ การเตรียมตัวเพื่อการจากไป

บนเนื้อที่ไร่เศษๆที่อัมพวา ปลายโพงพาง ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำวิจัย

อ้อ ..ลืมบอก ผมเรียนที่ มหาจุฬาฯ เอกชีวิตและความตาย

หัวข้อวิจัยก็คือ สร้างโปรแกรมเตรียมพร้อมเพื่อการจากไป

เกือบเสร็จแล้ว

ได้ออกแบบสถานที่ เพื่อรวมองค์ความรู้เฉพาะด้านนี้ และสร้างห้องตามที่ค้นคว้าภายใต้หลักพระพุทธศาสนา

เน้น ช่วงที่กำลังจะตาย จะทำจิตใจอย่างไร

โครงการที่ทำจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ

ในห้องมีเตียงนอน มีพระพุทธรูป มีCD ให้กด play เสียงจะยาวประมาณ ๑๕ นาที

เพียงท่านนอน แล้วทำใจตามเสียงนั้นไป

ถ้าชอบใจ เอา CD กลับไปซ้อมต่อที่บ้านได้ ก็จะปลอดภัยยิ่ง

คาดว่า จะเปิดโครงการประมาณต้นปี๒๕๕๖ รอหน่อยนะ ทุนน้อยน่ะ

สวัสดีค่ะคุณ'ผึ้งงาน SDU'

แวะมาอ่าน'ทดลองตายมาแล้ว......อยากเล่า...'เป็นบันทึกที่ดีมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณจิมมี่

  • โครงการณ์ของคุณก็น่าสนใจดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะเหมือนกับที่ผึ้งงานเคยไปทำการฝึกการทดลองตายเพื่อดูจิตดวงสุดท้ายหรือเปล่า? ลองตามไปอ่านดูนะคะ
  • การทดลองตายครั้งแรกนี้เป็นการทดลองตายทางโลก ซึ่งให้ความรู้สึกต่างกันไปคนละอารมณ์ หวังว่าจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

สวัสดีค่ะคุณดร. พจนา - แย้มนัยนาIco48

  • การทดลองตายทางโลกและทางธรรมนั้นให้ความรู้สึกเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ใช้ชีวิตด้วยความประมาท
  • การเตือนตัวเองไม่ให้ละเลยในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

เคยผ่านความตายมาแล้วเหมือนกัน  แต่หากย้อนเวลากลับไปคงหยุดเวลาไว้ไม่อยากให้วงจรนั้นหมุนมาเพื่อเกิดการหมุนเวียนของวงจรชีวิต เพราะคนเราหากผ่านช่วงชีวิตแล้วสามารถทำดีได้ คงจะทำให้มีสิ่งที่ดี ให้กับชีวิต หากเราหลับตาลง แล้วก้าวกระโดดผ่าน ช่วงนั้นผ่านอย่างสมบูรณ์ เราก็

มีชีวิตได้อย่างคุ้มค่า กับการเสียเวลา อีกครั้ง  ณ.วันนี้เราทำมันอย่างเต็มที่และสมกับคุณค่าของใจแล้วใช่มั๊ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท